เมรินกระแทกเสียงใส่ เธอตีหน้าเคร่งๆ ขณะที่คิดในใจว่าเธอไม่มีทางค*****นยัยนี่หรอกก็มารดากว่าจะโอนให้ก็คงสิ้นเดือน นี่พึ่งต้นเดือนเองเธอจะไปเอาที่ไหนมาใช้คืนล่ะ อยากโง่ให้ยืมเองช่วยไม่ได้...
พิมดาวล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพายข้างตัวเธอหยิบกระเป๋าสตางค์และหยิบเงินเท่าจำนวนที่เมรินขอยืม
“ขอบใจ”
เมรินรีบจนเกือบจะเป็นกระชากสตางค์ในมือของพิมดาวมา เธอหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวปิดประตูดังปังใหญ่ๆ
“ไปไหนมาดาริ้ง”
หนุ่มขี้ยารูปร่างผอมแห้ง มีรอยสักเกือบเต็มตัว เขานอนพิงหัวเตียงนอนโดยมีผ้าบางๆ คลุมช่วงล่างที่เปลือยเปล่า
“ออกไปหาน้ำกินค่ะ คุณตื่นแล้วรึ คืนนี้มีเล่นดนตรีไหม ให้เมไปเฝ้าอีกหรือเปล่า”
“อืม...มีคุณมีเงินแล้วหรือ ผมไม่อยากทำให้คุณลำบากนะ”
เมรินยิ้มกว้างเธอชูเงินในมือให้ฝ่ายชายเห็น เดวิดยิ้มกว้างเขามองแบงค์ในมือสาวคู่ขาด้วยสายตาเป็นประกาย คืนนี้มีเงินไปซื้อยามาเสพ ต่อลมหายใจให้ตัวเองได้อีกคืน
“คืนนี้เราจะสนุกกันให้สุดเหวี่ยงเลยนะที่รัก”
ร่างอวบอั๋นกระโจนขึ้นมาเกลือกกลิ้งบนที่นอนร่วมกันกับหนุ่มขี้ยา เมรินรีบสลัดชุดนอนผ้าโปร่งบางและเกลือกกลิ้งลำตัวเปล่าเปลือยกับผิวตึงๆ ร้อนระอุของอีกฝ่าย เสียงครางงึมงำกับเสียงขาเตียงกระแทกพื้น ดังอยู่ยาวนานจนพิมดาวแทบจะประสาทเสีย เธอยกหมอนปิดใบหูหลุบเปลือกตาลง พร้อมกับก่นด่าทั้งสองคนที่สร้างความรำคาญให้กับเธอ ไม่รู้ว่าจะเมามันกันขนาดไหน ทุกครั้งที่ไอ้หนุ่มขี้ยามาพักเธอจะต้องทนฟังเสียงครางครวญแบบนี้ไปอีกนาน พิมดาวเศร้าใจแทนบิดามารดาของเมริน ท่านทั้งสองก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ทั่วไปที่หวังให้ลูกร่ำเรียนหนังสือสูงๆ เพื่อจะได้มีอนาคตสดใส มีงานมีการที่มั่นคงในอนาคต แต่...อีกไม่นานบิดามารดาของเมรินจะต้องรู้ความจริงว่าลูกสาวสุดรักไม่ร่ำเรียนเขียนอ่านอย่างที่ท่านตั้งใจ เธอถูกรีไทร์ออกจากวิทยาลัยตั้งแต่ปีการศึกษาที่แล้ว เหตุผลเพราะผลการเรียนและคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ พิมดาวไม่เห็นว่าเมรินจะเดือดร้อน เธอโกหกพ่อแม่มาตลอด6 เดือนและใช้เงินมือเติบเพิ่มขึ้นนับเท่าตัว โดยอ้างว่าการเรียนที่เพิ่มขึ้นทำให้มีค่าใช้จ่ายมากเป็นเงาตามตัว แต่ที่ท่านทั้งสองไม่รู้คือเมรินออกเที่ยวติดพันไอ้หนุ่มขี้ยา และกำลังจะพากันตกลงไปในหุบเหวซึ่งพิมดาวได้แต่เป็นห่วงแทน ไม่สามารถตักเตือนได้เลยเพราะเมรินไม่เคยฟัง!!
แยนกะพริบเปลือกตาปริบๆ เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน พอตั้งสติดีๆ เขาจึงรู้ว่าการสั่นสะเทือนมาจากห้องข้างเพราะเสียงครางแผ่วๆ ย้ำให้รู้ ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะก๊าก เขารู้สาเหตุที่แม่สาวข้างห้องหนีออกไปนั่งที่สวนสาธารณะแล้ว มลภาวะทางเสียงทำให้เธอไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ เขาอยากจะรู้จังว่าในเวลานี้ยัยหน้าจืดนั่นจะทำหน้าทำตาแบบไหน
“ได้เสื้อผ้าฉันยัง เอาขึ้นมาส่งได้แล้ว ฉันตื่นแล้ว”
แยนกดโทรศัพท์สายในไปยังล็อบบี้ด้านล่าง เขาถามหาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่สั่งการเอาไว้
“ขออาหารชุดใหญ่ด้วยนะ หิวเหมือนจะตาย อืม...ขอเบียร์ด้วยเอาขึ้นมาสักโหล ใส่ในตู้เย็นให้ด้วย”
ชายหนุ่มสำทับถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนเล่นดูทีวีจิบเบียร์เย็นๆ โดยไม่มีสายตาดุดันของมาดามเทเรซินนี่ มันเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยแฮะ
แยนรูดผ้าม่าน เขาเปิดให้แสงพระอาทิตย์ยามเย็นส่องเข้ามาในห้อง ลำแสงสีทองอ่อนๆ ฉาบทาพนังห้อง และมันแสนจะสุขใจเมื่อไม่ต้องปั้นหน้าแสร้งทำตัวเคร่งขรึมเพราะไม่ได้อยู่ในสายตาคุณย่ามหาโหด
ก๊อกๆ
แยนรีบเดินฉับๆ ไปเปิดประตู เขากำลังหิวจัดและต้องการแอลกอฮอล์มาหล่อเลี้ยงร่างกาย
พนักงานสาวยิ้มแป้นเธอเข็นรถเข็นบรรจุอาหารมื้อใหญ่เข้ามาในห้อง ประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออกมา แยนจึงยังไม่ปิดประตู เขามองตรงไปและถอนลมหายใจด้วยความเสียดายเพราะไม่ใช่คนที่ตั้งตารอ
เมรินอ้าปากค้าง และเธอห่อปากเป็นวงกลมเมื่อมองเห็นผู้ชายหนุ่มหล่อในห้องฝั่งตรงข้าม แม่เจ้า เขายิ่งกว่าเทพบุตร ผิวกายสีแทนเป็นเงา แผงอกกำยำล่ำบึก วงแขนแข็งแรงบึกบึน เธอเหลือบมองผู้ชายข้างตัว เขาผอมแห้งและดูโทรม ถึงบทรักจะร้อนแรงตรงใจของเธอ แต่ถ้าหากได้ลิ้มรสผู้ชายคนนั้นก็คงเหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งที่มีลมหายใจ
“สวัสดีพึ่งมาอยู่เหรอคะ”
เธอฉีกยิ้มส่งให้อีกฝ่าย ไม่สนใจแววตาขุ่นขวางของเดวิด
“ครับ”
แยนพยักหน้ารับแกนๆ เขาเตรียมตัวจะปิดประตูเพื่อกลับไปรับประทานอาหารมื้อเย็น
“เมรินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”
“แยนครับ ยินดีเช่นกัน ผมขอตัวนะ หิวเหมือนจะตาย เมื่อคืนหนักไปหน่อย”
ชายหนุ่มรีบขอตัวเมื่อสายตาคู่นั่นเริ่มแทะเล็ม เหมือนมองเห็นเขาเป็นขนมหวาน
“ไปได้แล้วมัวโอเอ้อยู่ได้”
เดวิดกระชากข้อมือเรียวของเมรินจนเธอตัวปลิว
“ให้มันน้อยๆ หน่อยผัวยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ยังจะอ่อยผู้ชายให้เห็นอีก”
เดวิดตวาดเสียงขุ่นเขากระแทกปลายนิ้วกับแผงควบคุมลิฟต์เป็นการระบายอารมณ์
“โธ่ๆ ก็แค่ชื่นชมหุ่นเขายิ่งกว่านายแบบดังๆ เสียอีก เมก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ชื่นชมคนรูปร่างหน้าตาดีๆ”
เธอแก้ตัวเสียงอ่อนๆ ลูบไล้แขนผอมแห้งปลอบประโลมให้คู่ขาคลายความไม่พอใจ แต่...เมรินหมายมั่นปั้นมือเธอคิดจะงาบชายหนุ่มหากเขาสนใจสานความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนชายห้องฝั่งตรงกันข้าม
แยนกินอิ่มนอนหลับ เขานอนแผ่กลางเตียงและหลับสนิทในรอบ1ปี ไม่มีเสียงแวดๆ ของมาดามเทเรซินคอยตามจิกทึ้ง ไม่มีความวุ่นวายที่เธอคอยปั่นป่วน
“เม โทมัสมันชอบเพื่อนคุณนะ”
“แล้วไงล่ะ ก็ให้เขาจีบเองสิ เมบังคับยัยพิมได้ที่ไหนกัน”
“เปล่า มีดีกว่านั้น!!”
“อะ...เดวิดอย่ามัวอมพะนำ พูดๆ มา”
“อืม...คุณจะมีเงินใช้ฟรีๆ โทมัสมันทุ่มเต็มที่หากคุณจะทำตามความต้องการของมันนะเม”
“อะไร?!! ยังไงล่ะ อธิบายมาเดวิด”
ชายหนุ่มเดินเข้ามากระซิบข้างหู เขาเล่าแผนการที่วางไว้กำจวนเงินก้อนโตๆ พอให้เสพยาได้ทั้งเดือน
“จะดีหรือ ฉันกลัวคุก”
“ใครจะกล้าแจ้งความล่ะเม หากตื่นขึ้นมาแล้วมีผู้ชายแก้ผ้านอนข้างตัว ขึ้นโรงพักแจ้งความก็เท่ากับประจานตัวเองสิ”
“อืม... โอเค เอาสตางค์มา แล้วที่เหลือเมจัดการเอง”
หญิงสาวรับคำหน้าตาเฉย ไม่สนใจความสัมพันธ์ฉันพี่น้องในเมื่อยัยพิมดาวโดดเด่นเธอจะฉุดดึงให้ลงมาที่ต่ำเทียมหน้าเทียมตากัน เวลากลับไปประเทศไทยจะได้ไม่ถูกแม่กับพ่อเปรียบเทียบอีก ผู้หญิงแบบนั้นหากเกิดเรื่องเลวร้ายกับตัวเองคงไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้
เมรินกระดกน้ำสีอำพันในแก้วเธอกลืนมันลงไปพร้อมกับความพึงพอใจ ช่วยไม่ได้นี่ เงินมารออยู่ตรงหน้า หากไม่คว้าเอาไว้เธอก็คงจะลงแดงได้เพราะเงินที่หยิบยืมมาจากพิมดาวซื้อยามาเสพได้ไม่เท่าไรก็หมดลงเสียแล้ว
เดวิดยิ้มสมใจเขาเองก็เล็งๆ ยัยเด็กนั่นอยู่เหมือนกัน มีโอกาสเช่นนี้ก็ต้องรบคว้าเอาไว้ เพราะหากไอ้โทมัสมันเบื่อเขาจะขอลองล้างก้นชามดู ไม่ได้เปิดซิงก็ไม่เป็นไรเพราะเพื่อเขาคงไม่ถลุงจนเครื่องเคราภายในของเธอพังหรอกน่า
ยาเม็ดเล็กๆ ที่รับมาจากโทมัส เดวิดรับมาและนัดเวลาเสร็จสรรพ เขาอมยิ้มกรุ่มกริ่ม ตบซองใส่เงินในกระเป๋าดังปุๆ รับเงินค่าจ้างมาครึ่งหนึ่ง และรับอีกครั้งหลังงานสำเร็จ เดวิดพยักหน้าให้เมริน สองผัวเมียกอดคอกันเดินกลับบ้านหลังพี้ยามาเต็มคราบ...
ก๊อกๆ...
พิมดาวขมวดคิ้ว เธอวางหนังสือเรียนข้างตัวก่อนจะลุกไปเปิดประตู กลางดึกเช่นนี้คงมีแต่เมรินคนเดียวที่มาเคาะเรียก หลังจากเธอออกไปเที่ยวหัวหกก้นขวิด
“มีอะไรเม?!!”
“เปล่า ฉันซื้อของกินมาฝาก กลัวว่าเก็บไว้เช้ามันจะเสียไปเปล่าๆ”
เมรินเอ่ยเสียงยานคางเธอเดินตัวโอนไปเอนมา ส่งถุงหิ้วที่มีกล่องอาหารน่าตาน่ากินให้กับพิมดาว
“ขอบคุณนะ กำลังหิวเลย ว่าจะลุกไปหาอะไรกินแต่มันมัวแต่อ่านติดพันอยู่”