เป็นที่น่าตกพระทัยนักเมื่อได้สดับรับฟังว่าพระภาติยะเพียงหนึ่งเดียวนั้นทูลขอรางวัล เพราะตั้งแต่ที่พระเชษฐาอันเป็นบิดาของไอศูรย์ซึ่งเป็นกษัตริย์ปรมะรัชกาลก่อนเสด็จสวรรคตไป ไอศูรย์ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งยุพราชก็ยกราชบัลลังก์ให้ผู้เป็นอา โดยกล่าวอ้างว่าตนยังเยาว์วัยนัก ไม่เหมาะที่จะจัดการบริหารบ้านเมือง ครานั้นกษัตริย์ปรมะทรงเห็นดีด้วย จึงให้ไอศูรย์ไปศึกษาเล่าเรียนวิชาการปกครองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ส่วนตนก็รักษาการณ์ให้ยุวกษัตริย์ หากแต่เมื่อเติบใหญ่จนถึงแก่เวลาอันสมควร ไอศูรย์ก็กลับทัดทานเมื่อเสด็จอามาทูลเชิญให้ครองราชย์
‘สิ่งที่กระหม่อมปรารถนาคือชีวิตเรียบง่าย แค่ได้รับใช้ใกล้ชิดเสด็จอาและปรมะนคร กระหม่อมก็พอใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ’
ดังนั้นจึงเป็นจุดหักเหที่บัลลังก์ปรมะนครแปรผัน ผู้เป็นอาขึ้นครองราชย์ พระโอรสในสายพระโลหิตดำรงตำแหน่งยุพราช ขณะที่ไอศูรย์ลดขั้นฐานันดรตนลงมาเหลือเพียงจอมทัพที่สืบสายเชื้อพระวงศ์
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมาหลายขวบปีแล้ว กษัตริย์ปรมะก็ทรงยังไม่เคยเห็นพระภาติยะจะแสดงความทะเยอทะยานใดทั้งสิ้น ขอรางวัลในการชนะศึกสงครามมาก็หาได้เคย แม้แต่พระองค์จะเป็นฝ่ายมอบบำเหน็จให้ ไอศูรย์ก็ปฏิเสธอยู่ร่ำไปด้วยอ้างว่าพอใจกับสิ่งที่มีแล้ว จึงเป็นเหตุให้ยักษ์หนุ่มตนนี้ไม่มีคู่ครองเสียทีทั้งที่ถึงวัยออกเรือน
หากแต่ครั้งนี้ผิดแผกไป ไอศูรย์ร้องขอยักษ์กุมารราชแห่งเวรุฬา ถึงจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าใคร่อยากได้ไปเพื่อการใด แต่เมื่อผู้ไม่เคยร้องขอสิ่งใดเอ่ยปาก กษัตริย์ปรมะก็พระราชประทานให้โดยไม่รอช้า
และเพราะลงเอยเช่นนั้น ไม่กี่ชั่วยามให้หลัง วิรัลย์ก็ถูกนำตัวมายังตำหนักจอมทัพอสุรา เขารับรู้ได้ในตอนนี้เองว่าแท้จริงแล้วไอศูรย์มีหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ หาใช่ยักษาไร้ซึ่งหัวนอนปลายเท้าแต่อย่างใดไม่ ถ้าเทียบกันแล้ว ศักดินายังสูงส่งกว่าวิรัลย์เสียอีก แต่เขาจะไปสนใจการใดนอกจากปรายตามองรอบข้างอย่างระแวดระวัง
เห็นยักษ์ป่าแลตระหนกตกใจ แม้ไม่แสดงสีหน้า แต่ก็แสดงออกมาทางแววตา ไอศูรย์ก็ไม่ใคร่สร้างความกดดันให้ ออกปากสั่งกับนางกำนัลให้พาตัววิรัลย์ไปยังตำหนักเล็กที่อยู่ท้ายสวนบุปผชาติไม่ไกลจากตำหนักตนนัก จากนั้นก็กำชับให้ดูแลอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี
อันที่จริง ตำหนักที่มอบให้วิรัลย์เป็นที่พำนักเป็นตำหนักที่กษัตริย์ปรมะทรงมีรับสั่งให้ตระเตรียมไว้เผื่อวันใด ไอศูรย์จะรับนางยักษ์สักตนเข้าเป็นชายา ทว่ากลับถูกใช้งานเป็นที่รองรับเจ้าชายต่างบ้านต่างเมืองเสียได้
แต่ไอศูรย์ก็หาได้คิดมากอย่างใด เขาเพียงแต่ประสงค์ให้คนที่ต้องตาได้พักผ่อนในที่รโหฐานเท่านั้น ครั้นจากไป นางกำนัลยักษีก็ยกสำรับอาหารมาให้ รสชาติอาหารจะโอชาละมุนลิ้นเพียงใด วิรัลย์ก็หาได้ใส่ใจนัก เขายังคงประหวั่นวิตกกับการแปรสถานะจากองค์ประกันมาสู่เชลย จากเชลยมาสู่ของรางวัลอยู่
ทว่าในท้ายที่สุดก็มิอาจต้านทานความหิวโหยได้ไหว ด้วยไม่ได้มีสิ่งใดตกถึงท้องแล้วทั้งสิ้นเจ็ดวันนอกจากน้ำดื่มเท่านั้น เมื่อดื่มกินจนอิ่มหนำ นางกำนัลก็มาล้างเนื้อตัวที่สระกลางตำหนัก หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสิ้น วิรัลย์ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแทบจะในบัดดล ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมานานทำให้เขาจมสู่ห้วงนิทราไม่ยากนัก
หลับข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียวกว่าที่ร่างกายจะฟื้นฟูพละกำลัง ไอศูรย์ที่ได้ยินว่าเจ้าชายยักษาต่างแคว้นหลับใหลลึกด้วยเหนื่อยล้าก็ไม่ใคร่ไปวุ่นวาย ทว่า...ไม่ได้เจอหน้าหลายเพลาแล้วก็ย่อมต้องคะนึงหา
ทั้งที่หักห้ามใจอย่างยิ่งยวด หมายมั่นว่าจะไม่รบกวน แต่สุดท้ายก็มิอาจต่อกรกับความคิดถึงสุดหัวใจได้ เยื้องย่างออกจากตำหนักตนสู่ตำหนักที่ยกให้วิรัลย์ เมื่อเห็นหน้านางกำนัลที่ก้มลงกราบแนบพื้น เขาก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้นางเหล่านั้นไปที่อื่นก่อนที่พวกนางจะไปบอกวิรัลย์ว่าเขามาเยือน
“หากข้าไม่สั่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเข้ามา”
เขาสั่งสำทับก่อนก้าวเข้าไปด้านใน ได้ยินจากนางกำนัลว่าวิรัลย์เพิ่งตื่นจากนิทรารมย์และกำลังชำระล้างร่างกายอยู่ในสระกลางตำหนัก ฝ่าเท้าใหญ่ก็พาร่างตระหง่านตรงไปยังที่หมาย พลันชะโงกหน้าเข้าไปมอง ก็เห็นว่าวิรัลย์กำลังแช่ตัวอยู่ในสระธารา
ร่างสะโอดสะองแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อช่างเย้ายวนตานัก ผิวพรรณผุดผ่องที่ต้องแสงอาทิตย์รำไรช่างลวงล่อให้ทอดสายตาเชยชมยิ่งนัก
ไอศูรย์จับจ้องอีกฝ่ายจากทางเบื้องหลังอยู่นาน มือยกขึ้นกอดอก มืออีกข้างลูบปลายคางหยักบุ๋มพลางอมยิ้ม
คิดไม่ผิดที่ทูลร้องขอชีวิต หากปล่อยให้ม้วยไป คงเสียดายไม่เลิกรา
เขารำพึงกับตนเอง ขณะที่วิรัลย์ยังไม่รับรู้ถึงการมาของจอมทัพอสุรา มือทั้งสองลูบเส้นผมให้เสยขึ้น เผยดวงหน้าได้รูปสมมาตร ครั้นไอศูรย์เห็นใบหน้าที่พร่างพรายไปด้วยหยดน้ำพราว เขาก็เกิดเสน่หาขึ้นมาอย่างมิอาจควบคุม
ในเมื่อเป็นของรางวัลของข้าแล้ว ข้าจะเชยชมสักหน่อยคงไม่ผิดอันใด
คิดเข้าข้างตนเองไปเสียแล้ว มือก็ปลดเปลื้องอาภรณ์และเครื่องประดับออกวางบนพื้น ก่อนจะก้าวเข้าหายักษ์ป่าตนนั้นอย่างเงียบเชียบ
“ให้ข้าอาบน้ำด้วยอีกคนได้หรือไม่”
วิรัลยร์รับรู้การมาถึงเอาในเพลานี้ ก่อนจะรีบหันหน้าไปมองตามต้นเสียงและขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามีสภาพเปล่าเปลือย
“เจ้า...”
เขาครางเสียงแผ่ว ขณะที่ไอศูรย์หยักยิ้มมุมปาก
“สระน้ำกลางตำหนักของข้าหาได้ชุ่มฉ่ำเท่ากับสระน้ำที่ตำหนักนี้ ข้าจึงใคร่มาขอความกรุณาจากเจ้า”
วิรัลย์ไม่พูดการใด เพียงมองนิ่งๆ แล้วพยุงตัวขึ้นจากสระ เดินผ่านไอศูรย์ไปเฉยๆ ด้วยไม่อยากเสวนา ถึงจะรู้ว่าไอศูรย์เป็นผู้ช่วยเขาให้รอดชีวิต แต่เขาร้องขออย่างนั้นหรือ
จะเป็นผู้มีพระคุณแล้วอย่างไรล่ะ ในเมื่อไอศูรย์เป็นเชื้อพระวงศ์จากแคว้นอริราชย์ มิหนำซ้ำยังพรากเอาชีวิตไพร่พลของเขาไปนับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดจะต้องมีไมตรีด้วย
การถูกหมางเมินทำให้ไอศูรย์ย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ครั้นเห็นราชกุมารแคว้นเวรุฬาเดินผ่านหน้า เขาก็ปรี่เข้ามาคว้าเอาต้นแขนของอีกฝ่ายไว้
“ประเดี๋ยวก่อนสิ เจ้ายังไม่ได้เจรจาพาทีใดๆ กับข้าเลย”
เพราะคิดว่าตนถูกปองร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว วิรัลย์จึงสะบัดแขนต่อต้านการเกาะกุมเต็มที่ด้วยหมายจะหลุดรอดจากเงื้อมมือของจอมทัพอสุราตรงหน้า ทว่าไอศูรย์กลับยึดแน่น ปากหยักยกเผยอประสงค์จะอธิบายว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดด้วยดูออกว่าท่าทางนั้นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อความหวาดกลัว แต่ก็ไร้ซึ่งโอกาสเมื่อวิรัลย์พลาดท่าร่วงหล่นสู่สระน้ำอีกครา ไอศูรย์เองก็ร่วงลงไปด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เองที่ปล่อยมือออกไป ขณะที่วิรัลย์รีบผลุบขึ้นเหนือน้ำ ตะเกียกตะกายจะปีนขึ้นขอบสระอีกครั้ง หากแต่ก็ถูกรั้งรึงเมื่อไอศูรย์ถลาเข้ามาจับท่อนแขนไว้อีกครั้ง
“น้องยักษ์...”
จากที่เรียกแทนสรรพนามอย่างเหินห่างว่า ‘เจ้า’ ก็พลันเปลี่ยนมาเป็น ‘น้องยักษ์’ ฟังดูเสนาะโสตยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันก็ชวนให้วิรัลย์ขนลุกชันอยู่ไม่น้อย
วิรัลย์ออกแรงสะบัดแขนอีกครา ไอศูรย์ก็ยังรั้งไว้ ปากว่าออกมาเร็วๆ
“พี่เพียงอยากจะพูดคุยกับเจ้า หันมองหน้าพี่แล้วเรามาพูดคุยเล่นหัวกันดีหรือไม่ เจ้าอย่าได้เกรงกลัวพี่ไปเลย”
ขนลุกมากกว่าเดิมอีก... วิรัลย์ย่นคิ้วจนเป็นปม เขาไม่เข้าใจเลยว่าเจ้ายักษ์ตรงหน้าประสงค์สิ่งใด แต่ต่อให้เข้าใจ เขาก็ไม่ใคร่จะอยู่เสวนาด้วย ผลักร่างอีกฝ่ายออกแล้วจะหลบหนีขึ้นสระ
ทว่า...ไอศูรย์ก็ยังตามไปเหนี่ยวรั้งไว้ คราวนี้โอบเอวแล้วดึงจนตกสระอีกครั้ง ทันทีที่โผล่ใบหน้าพ้นน้ำได้ วิรัลย์ก็เดือดดาลยิ่งนัก
เจ้ายักษ์พาลนี่!
ไอศูรย์เห็นสีหน้าถมึงทึงก็รับรู้ได้ทันทีว่าไปทำให้วิรัลย์โกรธเข้าเสียแล้ว จึงรีบปล่อยมือออกจากเรือนร่างอีกฝ่ายทันควัน
“น้องยักษ์... พี่ไม่ได้...”
พลั่ก!
ยังไม่ทันจะเปล่งวาจาเอื้อนเอ่ยได้จบตามใจนึก กำปั้นหนักก็พุ่งกระแทกเข้าที่ซีกหน้า ไอศูรย์ถึงกับชะงักผงะถอยไปเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่พร่างพรายทำให้เขาต้องจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพรึงเพริด
“ต่อยพี่ด้วยเหตุใดรึ?”
ยังจะถามอีกหรือว่าต่อยด้วยเหตุอันใด เข้ามาขณะวิรัลย์เปลื้องผ้าชำระล้างร่างกายในสระโดยไม่อนุญาตก็ว่าเลวร้ายแล้ว ยังจะดึงรั้งป้อยอคำหวานไม่หยุดหย่อน เมื่อครู่ก็ถึงเนื้อถึงตัว เป็นเช่นนี้แล้วจะให้เขาอดคิดไม่ได้เช่นไรว่าตนกำลังจะถูกฉุดคร่าน่ะ!
วิรัลย์อยากจะแผดเสียงใส่นัก กระนั้นก็ทำได้แต่ถลึงตามองอย่างกราดเกรี้ยว
“ไปให้พ้นหน้าข้า”
เป็นถ้อยคำแรกที่เอื้อนเอ่ยกับผู้มีพระคุณ ไร้ซึ่งการเอะอะพาโล น้ำเสียงที่วิรัลย์เปล่งมานั้นช่างเรียบนิ่งดุจผิวน้ำยามสงบ ไอศูรย์ย่นปากขัดใจเล็กน้อย นี่เขาทำการใดผิดไปหรืออย่างไร ไยน้องยักษ์เยาวมาลย์ถึงได้ผลักไสไล่ส่งเช่นนี้
“ไม่เอาน่า พี่ย่องมาหาเจ้าก็แค่เพียงจะเยี่ยมเยือน เจ้าอย่าตัดรอนพี่เลย”
เยี่ยมเยือน...
เยี่ยมเยือนอันใดกันถึงต้องเปลื้องอาภรณ์เสียสิ้นเช่นนี้!?
วิรัลย์ระบายลมหายใจโกรธาออกมา เขี้ยวสีงาช้างผุดพรายออกจากริมฝีปาก บ่งบอกให้รู้ว่าเพลานี้เขาเดือดดาลเพียงใด