“เราคงไม่ได้มาหาเจ้าเสียนาน เลยไม่รู้ว่าเจ้ามีฝีมือการออกแบบตัดเย็บล้ำเลิศนัก”
“ทรงชมเกินไปแล้วเพคะ ฝ่าบาทมีราชกิจมากมายจึงไม่มีเวลาแวะเวียนมาที่ตำหนักเฟยเฟิง หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ แต่หากคืนนี้ฝ่าบาทยังไม่ได้คิดจะพลิกป้ายสนมองค์ใด หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทไปทอดพระเนตรชุดนอนที่หม่อมฉันออกแบบไว้ใส่เอง ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะพอพระทัยหรือไม่”
จักรพรรดิจะเลือกป้ายหรือจะไม่เลือกป้ายก็ได้หากในคืนนั้นปรารถนาจะไปยังตำหนักใด แต่คำพูดเชิญชวนของฮองเฮาทำให้หยางจื่อมองนางอย่างเหลือเชื่อ หนิงซูเยว่กำลังเชิญชวนให้เขาไปตำหนักของนางอย่างนั้นหรือ
หยางจื่อเห็นดวงตาหงส์ที่ช้อนมอง เขาตาฝาดหรือเปล่าฮองเฮาดูเจ้าเล่ห์และมีเสน่ห์ขึ้นมาก หยางจื่อตอบอย่างไว้เชิง
“แม้ข้อราชกิจจะมีมากเพียงใดแต่เราผู้เป็พระสวามีสมควรจัดหาเวลาให้เจ้าผู้เป็นภรรยา เอาล่ะเราก็อยากรู้ว่าชุดนอนที่ฮองเฮาออกแบบเองหน้าตาเป็นยังไงจะสวยมากแค่ไหนเราอยากชมให้เห็นกับตา”
หยางจื่อโบกมือเรียกจางกงกงมาใกล้ๆ บอกว่าคืนนี้ละเว้นการพลิกป้าย หลังจากเสร็จข้อราชกิจคืนนี้เขาจะไปตำหนักฮองเฮา
เป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์เหล่าพระสนมของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะถูกจัดให้อยู่ในหกตำหนักตะวันออกและหกตำหนักในฝั่งตะวันตก ส่วนเหล่าสนมของฮ่องเต้องค์ก่อนจะต้องย้ายออกจากตำหนักไปอยู่ในตำหนักแถบทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวังหลวง
คืนนี้โคมไม่ได้ถูกจุดที่ตำหนักใดไม่ว่าหกตำหนักฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวา หลังจากหยางจื่อว่าราชการเสร็จแล้วก็เดินผ่านประตูเฉียนชิงเหมินล่วงเข้าสู่เขตวังหลัง ที่จริงเขาไม่ได้สนใจเรื่องชุดนอนที่ฮองเฮาบอกว่าได้ออกแบบไว้เท่ากับตั้งใจไปจับพิรุธนางว่าเกิดอะไรขึ้นฮองเฮาถึงได้ดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ยังเรื่องที่ชายาและเหล่าสนมฝากมาพูดกับหนิงซูเยว่ให้ผ่อนปรนช่วงเวลาการถวายพระพรก่อนพระอาทิตย์ขึ้นมันออกจะมากไป เวลานี้สนมแต่ละนางหน้าตาแสนอิดโรยและหยางจื่อเองก็ไม่ชอบที่ยามตื่นขึ้นมาแล้วควานหาเนื้ออุ่นๆ ของนางที่ได้ถวายงานเมื่อคืนไม่เจอเพราะพวกนางต้องรีบตื่นไปถวายพระพร อันที่จริงเรื่องของวังหลัง หยางจื่อก็ไม่อยากยื่นมือเข้ามาก้าวก่ายยกเว้นเรื่องนี้ดันเกี่ยวพันกับเสวียอวี้เจินยอดดวงใจของเขา
ขบวนเกี้ยวมาถึงหน้าตำหนักเฟยเฟิง ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ให้ขันทีคนสนิทออกไป ส่วนนางกำนัลก็รีบหลบทางให้อย่างรู้งาน หยางจื่อเดินผ่านห้องโถงเข้าไปยังห้องบรรทมของหนิงซูเยว่ พลันจมูกก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกไม้ทำให้รู้สึกสดชื่น นับว่าฮองเฮามีรสนิยมในเรื่องนี้ดีอยู่บ้างหากมีเวลาเขาจะลองถามนางดูว่ากลิ่นหอมเหล่านี้ปรุงแต่งจากสิ่งใด
ทว่าความผิดหวังก็ฉายวาบขึ้นบนสีหน้า ที่จริงเมื่อฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาควรรีบออกมาต้อนรับแต่กลับไร้เงาของฮองเฮา นี่นางทำอะไรอยู่ถึงไม่รู้กฎ หยางจื่อยืนอยู่หน้าประตูห้องบรรทมอีกสักพักก็ยังไม่เห็นแม้เงาของฮองเฮา เห็นเพียงนางกำนัลสี่นางที่ดูมีพิรุธกระสับกระส่ายคงอยากจะรีบไปแจ้งเตือนนายของตน ช่างน่าตำหนินัก สมแล้วที่ถูกเขาชังน้ำหน้า
“ฮองเฮาของพวกเจ้าอยู่ที่ไหนทำไมถึงไม่ออกมาต้อนรับข้า” โอรสสวรรค์หยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของนางเอ่ยขึ้นด้วยวาจาดุดัน
“ฮองเฮาอยู่ในห้องบรรทมเพคะฝ่าบาท” นางกำนัลคนหนึ่งรีบทูลตอบ
สีพระพักต์ของหยางจื่อแฝงไว้ด้วยความสงสัยว่าฮองเฮากำลังทำอะไรอยู่
“นี่เพิ่งยามซวี(19.00-20.59) ฮองเฮาของพวกเจ้าบรรทมแล้วหรือ”
“ฮองเฮายังไม่บรรทมเพคะ แต่ฮองเฮากำลัง...”
หยางจื่อชักสีหน้ารำคาญไม่รอให้นางกำนัลตอบ ชายผ้าไหมของชุดคลุมมังกรสีเหลืองปักมังกรเก้าตัวก็ปลิวผ่านหน้าพวกนางไปแล้ว เท้ามังกรก้าวผ่านทวารห้องบรรทมเข้ามาก็พบว่าหนิงซูเยว่กำลังหยิบผ้าไหมทาบทับกับลำตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ผู้เป็นเจ้าของห้องนอนงามหรูได้ยินเสียงคนผลักประตูเข้ามาก็หันไปมอง เมื่อเห็นผู้ที่รุกล้ำเข้ามาคือโอรสสวรรค์นางจึงรีบทำความเคารพ
“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”
“ฮองเฮาไม่ต้องมากพิธี” หยางจื่อพูดอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ มองนางตรงหน้าด้วยสายตาจับผิด
“หม่อมฉันขอประทานอภัย หม่อมฉันไม่รู้ว่าฝ่าบาทเสด็จมาถึงตำหนักแล้วจึงไม่ได้ออกไปต้อนรับ ขอพระองค์ทรงลงพระอาญาด้วยเพคะ”
จักรพรรดิจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์และความน่าเกรงขามแม้ไม่พอใจการต้อนรับเอาใจใส่ของนางมากเพียงใดแต่หยางจื่อกลับวางเฉย เพราะเรื่องนี้แม้ฮองเฮาจะเสียมารยาท แต่เขาเองก็เคยทำเรื่องเสียมารยาทที่ไม่ไว้หน้านางมาแล้วตั้งแต่ในคืนแต่งงานจึงไม่คิดจะถือสาหาความ
“ฮองเฮากำลังทำอะไรอยู่หรือถึงไม่รับรู้การมาของเรา ไหนเจ้าลองบอกมาสิ”
หนิงซูเยว่ดูมีพิรุธนางแอบซ่อนบางอย่างไว้ด้านหลัง
“เอ่อ...หม่อมฉัน”
ดวงตามังกรจ้องมองแล้วเห็นว่าฮองเฮาแอบซ่อนอะไรอยู่ด้านหลัง “สิ่งที่เจ้าทำเมื่อครู่ไม่สามารถบอกข้าได้เชียวหรือ”
ดวงตาหงส์ช้อนขึ้นมองอย่างมีจริตแล้วเอียงอายเสหันมองไปทางอื่น “ไม่ได้เป็นความลับอะไรที่บอกฝ่าบาทไม่ได้หรอกเพคะ แต่ฝ่าบาทอาจไม่โปรดในสิ่งที่หม่อมฉันทำ อาจจะทรงหัวเราะเยาะหม่อมฉันก็ได้”
“ไหนลองบอกเรามาสิ เราจะได้ตอบเจ้าได้ว่าเราสมควรจะหัวเราะเจ้าหรือไม่”
“คือว่า... หม่อมฉันออกแบบชุดนอนเอง ฝ่าบาทคิดว่าชุดนอนแบบนี้เหมาะกับหม่อมฉันไหมเพคะ” หนิงซูเยว่คลี่ชุดผ้าไหมสายเดี่ยวสีชมพูงดงามที่ออกแบบขึ้นโชว์
นางส่งให้คนของโรงอาภรณ์ตัดเย็บและส่งมาให้ที่ตำหนักเพราะชุดฮียาบันที่สวมใส่นอนนั้นไม่ถูกจริตของนางเอาเสียเลย นางชอบชุดนอนที่บางเบาเหมือนไม่ได้ใส่อะไรมากกว่า แต่จะหาผ้าแบบนั้นในยุคนี้คงจะยากก็ต้องเลือกใช้ตามที่มี
หยางจื่อมองชุดนอนสายเดี่ยวสีชมพูคว้านลึกทั้งคอเสื้อและยังเว้าลึกด้านหลังอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลกเขาไม่เคยเห็นชุดแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน ชุดราบเรียบ เข้ารูปแต่ดูวาบหวามอย่างประหลาด ยิ่งถูกทาบทับบนเรือนร่างอวบอิ่มของหนิงซูเยว่ ฮองเฮาที่แสนจืดชืดแต่กลับทำให้นางดูมีชีวิตชีวาน่าค้นหา
“ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันสวมชุดนอนแบบนี้แทนชุดฮียาบันจะเป็นเช่นไรเพคะ” หนิงซูเยว่ถามพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก นางหันไปให้เขามองเต็มตา
“ข้าเองก็นึกไม่ออกถ้าฮองเฮาสวมชุดนี้ออกมาแล้วจะเป็นเช่นไร แต่ชุดนี้ราบเรียบเกินไปแล้วยังเว้าแหว่งราวกับเศษผ้า เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสวมใส่มันจริง” หยางจื่อตอบตามตรงเพราะกำลังมึนงงกับชุดที่ดูไร้รสนิยมของนาง เขาว่าชุดฮียาบันที่นางสวมอยู่ก็ดูงดงามดีอยู่แล้ว
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะลองสวมชุดนี้ให้ดู ฝ่าบาทจะได้ทอดพระเนตรว่าเหมาะกับหม่อมฉันหรือไม่ แต่หม่อมฉันเชื่อว่าชุดนี้จะทำให้หม่อมฉันนอนหลับสบาย” หนิงซูเยว่ส่งยิ้มหวานแฝงด้วยเลศนัย
“หากเจ้าต้องการสวมใส่ให้นอนสบายข้าว่าชุดฮียาบันก็ใส่สบาย อีกทั้งยังดูเหมาะสมกว่าชุดที่ดูเหมือนตัดเย็บไม่เสร็จนี้มาก ชุดนี้จะว่าไปเนื้อผ้าขาดๆ หายๆ ไม่สมส่วน เห็นทีเราคงต้องตัดเบี้ยหวัดโรงอาภรณ์ที่ตัดเย็บเสื้อผ้าไร้ซึ่งฝีมือมาให้ฮองเฮา”
นางจะไม่เถียงด้วยแต่หันไปรินน้ำชากุหลาบพันปีส่งให้หยางจื่อแทน “ฝ่าบาทเสวยน้ำชาก่อนเพคะ หม่อมฉันจะลองสวมใส่ดูว่าโรงอาภรณ์ตัดเย็บออกมาด้อยฝีมือจริงหรือไม่ หากสวมใส่ไม่สบายพรุ่งนี้หม่อมฉันจะสั่งตัดเบี้ยหวัดทุกคนในโรงอาภรณ์”