บทที่ ๑ คนที่ห่วงใย(๑)

1120 คำ
     “รุ้ง! เพียงรุ้ง! ได้โปรดเถิด อย่าทิ้งผมไปเลย”         ...         “รุ้ง กลับมา...กลับมาหาผมเดี๋ยวนี้...ผมจะปรับปรุงตัวทุกอย่าง ขอแค่รุ้งยอมกลับมาหาผมเท่านั้น”         ...         “ผมรักรุ้ง...รักรุ้งคนเดียว”         เสียงซ่าๆ ของสายฝนในเดือนเจ็ดไม่ได้กลบเสียงตะโกนร้องในยามค่ำคืนของ เมธัส อติวัณณ์ หรือพ่อเลี้ยงเมธ ในวัยสามสิบห้าปีเลยแม้แต่น้อย นับตั้งแต่วันที่เพียงรุ้ง ดาววิสุทธิ์ คนรักเดินลากกระเป๋าออกจากไปกับหนุ่มชาวกรุงคนหนึ่ง ก็ทำให้เมธัสกลายเป็นคนคลุ้มคลั่ง เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ เรียกหาคนรักอยู่ไม่หยุด แถมยังดื่มเหล้าขาวหมดไปหลายขวดจนตอนนี้ไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว         เม็ดฝนดังซ่าๆ กระทบหลังคาสังกะสีของบ้านขนาดเล็กมานานแล้ว ไอฝนสาดกระทบมายังเรือนร่างบอบบางของสาวน้อยวัยยี่สิบสามปีอยู่ไม่หยุด แต่ไม่ว่าความเย็นจากฝนจะคลี่คลุมร่างกายอยู่นานแค่ไหน ดวงตาดำขลับขึ้นสีแดงเรื่อนั้นก็ยังคงทอดมองไปยังบ้านหลังใหญ่ของผู้เป็นนายไม่หยุด ราวกับว่าสายตาแห่งความห่วงใยของเธอจะทำให้พ่อเลี้ยงเมธ เจ้าของปางไม้ผู้ให้บ้านให้อาหารคุ้มกะลาหัวจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง         “ยายจ๊ะ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ทำไมพ่อเลี้ยงยังไม่ดีขึ้นอีก” เทียน หรือวันวิสา บุญการุณหันไปเอ่ยกับคนเป็นยายที่เลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตั้งแต่จำความได้เธอก็วิ่งเล่น เติบโตอยู่ในปางไม้ของตระกูล      อติวัณณ์ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองเป็นใคร         ยายอบทอดสายตามองหลานสาววัยยี่สิบสามของตัวเองด้วยตาแดงๆ เด็กคนนี้ถูกทิ้งไว้หน้าปางไม้เมื่อยี่สิบสามปีก่อน วันนั้นฝนตกหนัก ทำเอาเด็กคนนี้แผดเสียงร้องจ้าจนกลบเสียงฝนทั้งหมด นางเพิ่งกลับจากการไปทำบุญที่วัดในวันวิสาขบูชาบังเอิญไปพบเข้า หลังจากตามหาพ่อแม่ของเด็กคนนี้จนทั่วแล้วไม่พบ ด้วยเหตุที่นางอยู่คนเดียว ไม่มีลูกมีหลานจึงขันอาสาดูแล ไม่คิดว่าชั่วเวลาเพียงไม่นาน เด็กคนนี้จะเติบโตมาเป็นสาวสะพรั่ง ที่ทำเอาบรรดาหนุ่มๆ ในปางไม้ต่างแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่ไม่หยุด         แต่ยายอบรู้ดี ว่าคนที่เด็กคนนี้ห่วงนักห่วงหนาก็มีแค่พ่อเลี้ยงเมธ ซึ่งขึ้นมาบริหารปางไม้แทนพ่อเลี้ยงเมฆาเมื่อสิบปีก่อน         “ทำไมคุณรุ้งต้องทิ้งพ่อเลี้ยงไปด้วยนะ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ”         ยายอบถอนใจแล้วละจากมือที่พับผ้าอยู่ “เอ็งยังเด็ก ยังไม่เข้าใจเรื่องราวบนโลกใบนี้หรอก เอ็งเลิกเป็นกังวลเถอะ อีกหน่อยพ่อเลี้ยงก็จะดีขึ้นเอง”         “แต่ฉันเป็นห่วงพ่อเลี้ยงนี่จ๊ะ”         “ห่วงก็ห่วงแค่ในใจเถิดเทียนเอ๊ย! เอ็งอย่าไปคิดเกินเลยกับพ่อเลี้ยงเชียว”         “ฉันรู้จ้ะ” วันวิสาก้มหน้าลง “ฉันก็ได้แต่ห่วงอยู่ตรงนี้เท่านั้นแหละจ้ะ ฉันไม่กล้าไปแสดงตัวหรอก ฉันรู้ว่าในสายตาของพ่อเลี้ยงและทุกคนในปางไม้นี้ ฉันก็เป็นแค่เด็กที่ทุกคนอดเวทนาไม่ได้เท่านั้น”         “ยังคิดถึงเรื่องชาติกำเนิดอยู่รึ”         “ถึงอยากเลิกคิด มันก็อดไม่ได้อยู่ดีจ้ะยาย ตั้งแต่ไปโรงเรียนตอนเด็กๆ จนจบมอ.หก ฉันก็เห็นเพื่อนๆ ทุกคนเอ่ยเรื่องพ่อแม่ แต่ฉันกลับพูดได้แต่เรื่องยายกับคนในปางไม้เท่านั้น”         “เอ็งอย่าคิดมากเลย ถึงเอ็งไม่มีพ่อมีแม่ แต่เอ็งก็มียาย แม้ยายจะไม่ใช่คนในสายเลือดเดียวกับเอ็ง...แต่ตลอดเวลายี่สิบสามปีที่ผ่านมา และตลอดชีวิตของยายอบคนนี้ก็มีแค่เอ็งเท่านั้นแหละนังเทียนเอ๊ย”         วันวิสาปาดน้ำตาร้อนๆ ทิ้งแล้วมานั่งสวมกอดเอวนุ่มๆ ของยายอบแนบแน่น “ฉันรู้จ้ะ ฉันรู้ว่ายายรักฉัน ดีกับฉันมาก ตัวฉันเองก็อยากบอกยายให้รู้ไว้ว่า ต่อให้คนทั้งโลกทอดทิ้งยาย แต่ฉันไม่มีวันทิ้งยายหรอกนะ ฉันจะอยู่กับยายตลอดไป”         “แต่เอ็งก็น่าจะเข้าไปเรียนในเมือง ไม่ต้องมาห่วงยายนักหรอก ยายดูแลตัวเองได้”         หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันจบแค่มอ.หกก็พอแล้ว ฉันทำงานในปางไม้นี้ได้ และฉันก็อยากอยู่กับยายตลอดเวลา ฉันไม่อยากไปเรียนไกลๆ แล้วทิ้งยายไว้ลำพังหรอก ฉันเป็นห่วงยาย”         เรื่องเรียนต่อให้จบปริญญาตรีถูกหยิบยกมาพูดคุยหลายสิบครั้งแล้ว แต่ยายอบก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจหลานสาวคนนี้ได้เลยสักครั้ง จึงได้แต่กอดกระชับเรือนร่างบอบบางให้แน่นขึ้น         “ถ้ายายตาย เอ็งก็ไปใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีเถอะนะ อย่าจมปลักอยู่ที่นี่เลย”         “ยายทำไมพูดแบบนั้นล่ะจ๊ะ” น้ำตาเม็ดร้อนๆ ถึงกับไหลอาบแก้มของวันวิสาไม่หยุด “ยายไม่ตายหรอกจ้ะ ฉันไม่ยอมให้ยายตาย”         “โธ่...คนเรามันก็มีเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนหรอก อีกอย่างยายแค่บอกเอ็งเอาไว้ ถ้าหากยายเป็นอะไรไปก็ให้นึกถึงวันนี้...วันที่ยายบอกให้เอ็งไปจากที่นี่” ยายอบค่อยๆ ดันไหล่มนของหลานรักออกห่างแล้วเช็ดน้ำตาให้ด้วยแววตารักใคร่ “ใต้หมอนยายมีสมุดบัญชีเงินฝาก หลังจากทำศพยายเรียบร้อยแล้ว เอ็งก็เอาเงินที่เหลือไปใช้ ไปซื้อความสุขให้กับตัวเองซะ เงินที่ยายเก็บไว้ตั้งแต่เป็นสาว คงพอให้เอ็งอยู่ได้สบายไปหลายปี และถ้าเอ็งขยันสักหน่อย รู้จักใช้รู้จักต่อยอดเงิน เอ็งก็จะมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต”         “ยาย...”         “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราควรคุยกัน เอ็งไม่ต้องคิดมากหรอก”         “ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่อยากฟัง” วันวิสารีบยกมือปิดหูทั้งสองข้างแล้วสวมกอดยายอบแนบแน่น “ฉันไม่เอาเงิน ไม่เอาทรัพย์สมบัติเงินทองหรืออะไรทั้งนั้น ฉันต้องการแค่ยายคนเดียว”         คนเป็นยายหัวเราะเบาๆ เมื่อมองไปข้างนอกอีกครั้งก็ได้แต่ถอนหายใจ “จนป่านนี้ เสียงยังดังออกจากบ้านใหญ่ไม่หยุด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม