บทที่5

1496 คำ
เสียงเคาะประตูห้องทำให้คนที่กำลังรุมทึ่งฉีกชุดราตรีของคนใต้ร่างชะงักก่อนจะสบถขึ้นมาเบาๆ อย่างหัวเสียเมื่อจู่ๆ ก็มีคนมาขัดจังหวะความสุขของเขาเข้าจนได้ มันทำให้พิชัยตัดสินใจผละห่างออกจากร่างหอมกรุ่น แต่ก็ไม่วายเอ่ยบอกหล่อนด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “อดทนรอพี่อีกเดี๋ยวนะครับน้องอ้าย แล้วเราจะขึ้นสวรรค์ไปด้วยกัน” คำพูดนั้นทำให้มธุรสสะอื้นหนัก เธอพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงนั้นกลับไม่เอานวยเอาซะเลย อาจเพราะอาการจุกยังไม่จางหาย แค่ขยับตัวเธอก็เจ็บร้าวไปทั่วร่างแล้ว พี่หนึ่ง…ช่วยอ้ายด้วย เพียงไม่นานก็เกิดเสียงโวยวายขึ้นจากด้านนอกก่อนที่ภาพของใครบางคนจะปรากฏตัวต่อสายตาในเวลาต่อมา มันทำให้คนที่ได้แต่นอนรอตกนรกทั้งเป็นอย่างสิ้นหวัง แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “มันได้ทำอะไรอ้ายรึเปล่า!” วัชระเอ่ยถามก่อนจะตัดสินใจแหวกชุดราตรีที่ตอนนี้อยู่ในสภาพยับเยินจนไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมให้ได้เห็น รอยช้ำที่ท้องน้อยทำให้เขารู้โดยไม่ต้องถามอะไร ได้แต่รั้งคนน่าสงสารมากอด จูบซับรอยน้ำตาให้ท่ามกลางความรู้สึกโล่งใจ “พี่ขอโทษที่มาช้า มันยังไม่ได้ทำอะไรอ้ายใช่ไหม” คนถูกถามรวบรวมเรี่ยวแรงพยักหน้ารับอย่างช้าๆ ก่อนจะถูกพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินออกมาจากห้อง ภาพของพิชัยที่ตอนนี้ใบหน้าปูดบวมจนแทบดูไม่ได้เป็นสิ่งแรกที่ได้เห็น ข้างกายของเขามีผู้ชายสองคนยืนประกบอยู่ใกล้ๆ คอยกันไปให้คนผิดมีโอกาสได้หนีไปไหนระหว่างรอตำรวจที่กำลังจะมาถึง “น้องอ้าย! ไม่เป็นไรนะคะ พี่ขอโทษ พี่ไม่น่าปล่อยให้น้องอ้ายไปห้องน้ำคนเดียวแบบนั้นเลย พี่ขอโทษจริงๆ นะคะ” ดาริกาเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น ยิ่งได้เห็นสภาพของมธุรสก็ยิ่งกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเธอเอง ทั้งๆ ที่รับปากเจ้านายเอาไว้แล้วว่าจะดูแลอีกฝ่ายไม่ให้คาดสายตา แต่ก็ทำไม่ได้จนเกิดเรื่องร้ายขึ้น “พี่ดาอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ อ้ายไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ค่ะ” คนที่เริ่มจะกลับมามีเรี่ยวแรงได้อีกครั้งเอ่ยขึ้น เรื่องนี้หากจะมีใครสักคนผิดเธอขอโทษให้เป็นผู้ชายเลวๆ คนนั้น คนที่กำลังยืนมองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น “อย่าอยู่เลยมึง!” ทว่ายังไม่ทันที่ใครสักคนจะได้คาดคิด คนที่กลัวความผิดจนขาดสติก็ตวาดลั่นพร้อมสะบัดตัวหลุดจากการจับกุมก่อนจะวิ่งเข้าไปหยิบมีดปอกผลไม้มากำไว้แน่น สายตาจ้องคนเพียงคนเดียวอย่างคาดโทษในขณะที่ทุกคนพร้อมใจกันถอยกรูด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีอาวุธ ไม่ควรที่จะพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงจนเกิดอันตรายขึ้น “ถ้ากูไม่ได้ใครหน้าไหนก็หวังว่าจะได้เลยมึง!” ทว่าเป้าหมายนั้นกลับไม่ใช่ร่างสูงของวัชระแต่อย่างใด ด้วยรู้แก่ใจดีว่าเขาคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้ มันคงดีกว่าหากจัดการกับคนที่มันหวงนักหวงหนา เพราะยังไงเสียเขาก็คงถูกแจ้งความจับอยู่แล้ว และจะไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียว ปลายมีดแหลมๆ ที่กำลังพุ่งเข้ามาหากันนั้นทำให้มธุรสเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหนี เธอทำได้เพียงหลับตาแน่น เฝ้ารอความเจ็บปวดที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาตัวเอง ฉึก! ทว่าคนที่ตอบสนองภัยร้ายได้อย่างรวดเร็วกว่าใครๆ นั้นกลับเป็นวัชระ เขามีเวลาตกใจไม่มากก่อนจะกระชากคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอดได้ทัน ก่อนจะหันหลังรับปลายมีดแหลมๆ นั่นด้วยตัวเอง “คุณหนึ่ง!” มธุรสตกใจจนแทบหมดสติเมื่อเห็นว่าใครที่รับปลายมีดนั้นแทนเธอ ส่วนคนก่อเหตุนั้นวิ่งหนีออกไปจากห้องทันทีโดยมีพนักงานสองคนวิ่งไล่ตามไปติดๆ “อ้ายเจ็บตรงไหนไหม” คนเจ็บถามก่อนจะมองคนในอ้อมกอดเพื่อหาความเสียหาย เมื่อไม่พบความผิดปกติใดๆ เขาจึงยิ้มออก “คนบ้า! ทำไมทำแบบนี้คะ เอาตัวเข้ามาบังอ้ายทำไม!” กลับเป็นคนถูกปกป้องเสียเองที่ร้องโวยวายขึ้น ใบหน้าอ่อนหวานบัดนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความกลัว ยิ่งได้เห็นเลือดที่ไหลทะลักจากหลังของเขาเธอก็ยังกลัว เขาไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรต้องมาเจ็บตัวเพราะคนอย่างเธอเลย เธอไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้นเลยสักนิด! “ก็พี่รักของพี่…ไม่ให้ปกป้องคนที่พี่รักจะให้พี่ไปปกป้องใครที่ไหน” วัชระตอบก่อนจะจ้องมองใบหน้าอ่อนหวานอยู่นาน ส่วนดาริกาหลังจากตั้งสติได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรเรียกรถพยาบาลทันที กลัวเหลือเกินว่าเจ้านายจะเป็นอะไรเพราะเลือดของเขาไหลเยอะมาก มันคงไม่ดีแน่หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลได้ทันถ่วงที “อายล่ะ…เริ่มรู้สึกอยากจะรักพี่บ้างรึยัง” ทว่าคนเจ็บนั้นกลับไม่ได้สนใจบาดแผลของตัวเอเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเฝ้าเพียรถามคำถามเดิมๆ ที่ไม่ว่าจะถามกี่ครั้ง ก็ไม่เคยได้รับคำตอบกลับมาสักที “แต่ว่าพี่…รักอ้ายนะ…” สุดท้ายก็กลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายบอกรักเธอก่อนที่สติที่มีจะดับวูบไป พร้อมๆ กับเสียงร้องของอีกคน มธุรสร้องไห้จนหมดสติไปสองรอบเมื่อจู่ๆ คนในอ้อมแขนก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตากัน โดยที่เธอยังไม่ทันได้บอกคำๆ นั้นออกไป แม้ว่าเขาจะปลอดภัยแล้วในตอนนี้แต่เธอก็ยังรู้สึกโกรธตัวเองอยู่ดีที่ทำอะไรก็เชื่องช้า แค่จะบอกว่ารักเขายังไม่กล้า ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปจนเกือบจะทำให้ตัวเองไม่มีโอกาสที่ว่านั้นอีกเลยชั่วชีวิต “คุณหนึ่ง!” เสียงหวานร้องลั่นเมื่อคนที่หมดสติไปนานเป็นวันในที่สุดก็ตื่นขึ้นเสียที เธอไม่กล้าบอกความจริงกับคนที่บ้าน เลยได้แต่โกหกว่าวัชระมีงานด่วนต้องเดินทางไปต่างจังหวัดซึ่งเขาขอร้องให้เธอกับเลขาเดินทางไปด้วยกัน ดูเหมือนจะไม่มีใครสงสัยอะไรในเรื่องนี้อีกทั้งเรื่องคดีความดาริกาก็เป็นคนจัดการปิดข่าวให้แทบจะทั้งหมด ตอนนี้คนผิดคงได้รับโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถึงต่อให้เขามีทนายที่เก่งสักแค่ไหนก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงยื่นมือเข้ามายุ่งเพราะคนเจ็บคือทายาทตระกูลดังอย่างวัชระ เรื่องนี้เธอได้รู้มาจากรุ่นพี่ที่แวะมาเยี่ยมเจ้านาย และเพิ่งขอตัวกลับไปสะสางงานต่อที่บริษัท “ร้องไห้ทำไม พี่ยังไม่ตายสักหน่อย” เสียงเข้มของคนเจ็บทำให้เธอทิ้งทุกๆ เรื่องในหัวออกไปจนหมดสิ้น นาทีนี้เขาเท่านั้นที่สำคัญ “ฮึก ห้ามพูดแบบนี้อีกนะคะ อ้ายไม่ชอบเลย! เจ็บมากไหมคะ” วัชระส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ ถึงจะเจ็บมากกว่านี้เขาก็ยอมดีกว่าต้องทนเห็นอีกคนเจ็บ ยอมรับว่าวินาที่เห็นไอ้บ้านั่นมันถือมีดพุ่งจะเข้าทำร้ายเธอใจของเขามันแทบจะหยุดเต้น โชคดีที่เขาไวต่อสัมผัสถึงได้ช่วยเธอทันไม่อย่างนั้นเขาเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนหากคนที่ต้องนอนเจ็บอยู่บนเตียงเป็นเธอไม่ใช่ตัวเอง “พี่ขอโทษ อ้ายอย่าร้องไห้เลยนะ พี่เจ็บทุกทีที่เห็นน้ำตาอ้าย อีกอย่างพี่ไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินคำว่าระ…” “อ้ายรักพี่หนึ่งค่ะ” ถึงตอนนี้คงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องปิดกั้นหัวใจจากเขาอีกแล้ว มธุรสคิดก่อนจะบอกคำว่ารักที่เขาอยากฟังออกไป มันคือคำว่ารักที่สะกดให้คนฟังตัวแข็งเพราะยังคงตั้งรับไม่ทัน “อะ…อ้ายพูดว่าอะไรนะครับ!” วัชระย้อนถามอย่างคนเก็บอาการตื่นเต้นดีใจไว้ไม่อยู่ เขาอยากจะฟังมันอีกครั้งชัดๆ อย่างน้อยก็เพื่อยืนยันกับตัวเองว่าเมื่อครู่หูเขาไม่ได้ฝาดไป เธอเพิ่งจะบอกรักเขา! “ไม่พูดแล้วค่ะ ไม่ได้ยินก็ช่วยไม่ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม