“โอ๊ย! เจ้านายตบกะโหลกผมทำไมครับ”
“มึงใจลอยไปไหน กูเรียกตั้งหลายครั้งไม่ตอบขานรับ”
“ผมขอโทษครับ”
“เก็บแครอทสิ มึงจะเหยียบอยู่แล้วไม่เห็นรึไง”
“ไหนแครอทครับ” ครามทำหน้าเหลอหลา
“ก็ที่มึงเหยียบอยู่นั่นไง” นักรบเสียงดังใส่ลูกน้อง พอพูดว่าจะเหยียบมันก็เหยียบลงไปทันที ไอ้นี่มันน่าตบกะโหลกอีกรอบ
“นี่ต้นแครอทเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน”
“ไอ้คนเมืองเอ๊ย! คนบ้าอะไรไม่รู้จักต้นแครอท”
“ผมไม่เคยเห็นจริงๆ คือผมไม่ได้ทำสวนทำไร่แต่เด็กน่ะครับ” เขาคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นก็คือไม่เคยเห็น จะไปรู้จักได้ยังไง
“มึงจะบอกว่ากูบ้านนอกเก็บผักเก็บหญ้าทำไร่ไถ่นาแต่เด็กว่างั้น” นักรบแดกดันลูกน้อง
“ผมเปล่านะครับเจ้านาย” ผิดอีกแล้วกูทั้งขึ้นทั้งล่อง หงุดหงิดที่ไม่ได้เห็นหน้าเมียน่ะสิ
รู้แหละ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว
“พูดมากฉิบ เก็บเข้าเร็วๆ เก็บแครอทเสร็จก็มันหวาน โน้นผักคะน้า ผักบุ้ง เก็บไปด้วย”
“ครับเจ้านาย”
“ปีนขึ้นไปเก็บผลไม้ด้วย มีลำไย ส้ม มะม่วง”
“ปีน ปีนเหรอครับ”
“ใช่ มึงปีนกูรอเก็บอยู่ใต้โคน”
“ไม่มีไม้สอยเหรอครับเจ้านาย” ครามเอ่ยถามตาปริบ ๆ
“มี”
“อ้าว”
“แต่กูจะให้มึงปีน มึงปีนขึ้นไป”
“ทำไมเจ้านายต้องแกล้งผมด้วย” ครามทำหน้าเหยเก
“ก็เพราะว่าเมื่อคืนมึงเสียงดัง จนคุณย่าจับได้ เพราะมึงเลยทำให้กูไม่ได้เห็นหน้าเมีย กูลงโทษมึงให้ปีนขึ้นไปเก็บผลไม้ แค่นี้ถือว่าเบาะ ๆ หรือมึงจะเป็นกระสอบทรายให้กูซ้อม”
“ก็ได้ครับ” ครามทำเสียงอ่อย ปีนขึ้นต้นไม้ก็ดีว่าเป็นกระสอบทรายให้ซ้อมแน่ ๆ
สองหนุ่มเก็บผักผลไม้กันจนเหงื่อโชก ก่อนที่ครามจะช่วยเจ้านายแบกของพวกนั้นกลับไปที่บ้าน
“ดีมาก ของครบดี” หงส์หยกยิ้มในหน้า หลานชายยืดอกอย่างภาคภูมิใจมิน้อย
ครามเพิ่งเห็นบุคลิกแบบนี้ของเจ้านายกับญาติผู้ใหญ่ สำหรับเขามันดูน่ารักน่าหยอกดี
“ยิ้มอะไรของแก” นักรบแยกเขี้ยวใส่ลูกน้องที่ยืนยิ้มตาลอยอยู่ข้าง ๆ
“เปล่าครับเจ้านาย”
“แกได้รับเกียรติจากฉันมากนะรู้ไหม ที่ฉันพาแกมาที่นี่ด้วยกัน เพราะคนอื่นไม่มีทางที่ฉันจะพามาทำอะไรแบบนี้แน่นอน”
“ครับเจ้านาย” ครามรับปากใบหน้าเหยเก
ก็ใช่น่ะสิ ให้มาทำอะไรแบบนี้ ใครเขาจะมากันเล่า
“โอ๊ย! เจ้านายตบกะโหลกผมอีกแล้ว”
“ก็แกเอาแต่ใจลอย ฉันรู้นะว่าแกแอบนินทาฉันอยู่ในใจ ถ้าขืนยังไม่เลิกนินทาฉัน แกโดนโยนลงจากเขาแน่นอน”
“ผมเหรอครับจะกล้านินทาเจ้านาย ผมไม่กล้าหรอกครับ” คนไม่ใช่หายใจก็ผิด คนที่ใช่แค่ยืนเฉย ๆ เขาก็รัก
แม่งจริง!!!
“ไปจับกุ้งมาด้วย เอามาแปดสิบตัวก็พอ ไม่ขาดไม่เกินจากนี้ ไปสิ” หญิงชราเดินออกมาพร้อมด้วยอุปกรณ์จับกุ้งและถังขนาดใหญ่
“รับมาสิ แล้วก็ตามมาเร็ว ๆ ยืนบื้ออยู่นั่นแหละ” ครามรับมาอย่างงง ๆ เอากับเจ้านายสิ
แต่เดี๋ยวนะจับกุ้งให้ได้แปดสิบตัวไม่ขาดไม่เกินนี่ต้องนับทีละตัวอย่างนั้นเหรอ
บ้าน่ะสิ! ใครเขาจะไปทำแบบนั้นกัน
“เจ้านายครับ เราต้องนับกุ้งทีละตัวเลยเหรอครับ”
“อืม... แกมีปัญหาอะไร” คนตอบเริ่มมองบ่อเลี้ยงกุ้งขนาดใหญ่ที่เลี้ยงอยู่ในทะเลให้น้ำไหลผ่าน
ที่นี่อยู่บนเขาและที่สำคัญอยู่บนเกาะด้วย ครอบครัวของเขามีเงินเลยซื้อเกาะนี้เอาไว้นานมากแล้ว และคุณย่าของเขาก็ชอบมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ท่านมาสร้างทุกอย่างเอาไว้อย่างครบวงจร
สิ่งที่สร้างไม่ใช่เทคโนโลยีแต่เป็นอาหาร
บนเกาะแห่งนี้มีทุกอย่างที่กินได้ ทั้งอาหารทะเล ผลหมากรากไม้ หมู เห็ด เป็ด ไก่ สมุนไพรทุกชนิด พืชผักสวนครัวทุกชนิด อันไหนกินไม่หมดย่าของเขาก็จะถนอมอาหารเอาไว้ ถ้าใครเผลอมาติดอยู่ที่เกาะนี้รับรองได้เลยว่าไม่อดตาย
บนเขามีน้ำตกและลำธาร คุณย่าของเขาเลี้ยงปลานิลให้สายน้ำไหล ปลานิลเนื้ออร่อย หอมหวานไม่คาว เขามาที่นี่มักได้กินปลานิลของคุณย่าเสมอ
“โหย... กุ้งตัวใหญ่มากเลยครับ” ครามมีท่าทางตื่นเต้น
“รีบหยิบใส่ถังสิ” คนช้อนกุ้งเอ่ยเสียงดุ
ย่าของเขาสอนให้ทำการเกษตรตั้งแต่เด็ก เพราะจะได้เอาตัวรอดได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามที
นักรบช้อนกุ้งเฉพาะตัวที่โตเต็มวัยแล้ว ตัวไหนยังเล็กอยู่ก็ปล่อยมันไป
ครามมองเจ้านายอย่างชื่นชม เพราะเจ้านายของเขาช่างมีความรอบรู้เสียจริง
“แกนับให้ครบด้วยนะถังละยี่สิบตัว ถ้าแกนับขาดหรือเกินคุณย่าโมโหขึ้นมา ฉันไม่ให้เจอหน้าเมียขึ้นมา ฉันฆ่าแกซะ”
“โห... เจ้านายอย่าโหดกับลูกน้องตาดำ ๆ อย่างผมมากนะครับ ผมกลัวแล้ว” คนพูดโอดครวญ
“อย่ามัวแต่พูดมาก รีบจับกุ้งเข้าเร็ว ๆ เมียกับลูกของฉันหิวแล้ว”
“ขอรับเจ้านาย” ครามทำท่าตะเบะล้อเลียน เกือบโดนเตะตกบ่อกุ้งดีที่หลบบาทาของเจ้านายได้ทัน
หลังจากจับกุ้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณย่าก็ให้ไปจับปลา คราวนี้ต้องใช้ฉมวกแทงปลากันที่ริมหาด