อากาศร้อนและแดดจัด ส่งผลให้ผู้คนต่างก็หลั่งไหลมาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อหาสถานที่คลายร้อน
พราวมุกออกจากคอนโดตั้งแต่เที่ยงครึ่งและมุ่งตรงมายังห้างสรรพสินค้า ก่อนจะเจอกับจัสมินที่นัดกันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
“หิวไหม ไปหาอะไรกินกันเถอะ” จัสมินเอ่ยถามทันทีที่เจอหน้าเธอ
“ไปสิ ฉันก็หิวเหมือนกัน”
“ถ้างั้นกินอะไรกันดีนะ”
“ชาบูดีไหม”
“ดี ไปกันเถอะ” สองสาวรีบพากันไปที่ร้านชาบู ก่อนจะสั่งอาหารกันแบบจัดเต็ม โดยที่จัสมินเสนอตัวว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงชาบูมื้อนี้เอง
หลังจากที่กินชาบูด้วยกันจนอิ่มแปล้ ก็พากันช้อปปิ้งต่อตามประสาผู้หญิง แต่พราวมุกก็มีของที่เธอตั้งใจจะมาซื้อในวันนี้ด้วยเช่นกัน
“สนใจเป็นรุ่นไหนดีคะ” พนักงานร้านเอ่ยถาม พลางเข้ามาต้อนรับลูกค้า
พราวมุกมองไปที่โทรศัพท์มากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อที่วางเรียงรายกันเต็มไปหมด
“จัสมิน เธอว่ายังไง” เธอหันไปขอความช่วยเหลือกับจัสมิน เพราะตัวเธอเองไม่ค่อยจะถนัดเรื่องนี้สักเท่าไหร่
“เอารุ่นนี้ดีไหม น่าจะเหมาะกับเธอ” จัสมินเอ่ย พลางชี้ไปที่โทรศัพท์รุ่นหนึ่งที่วางอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์พนักงาน
“รุ่นนี้เป็นรุ่นขายดีเลยค่ะ ราคาไม่แรงแถมสเปกดีค่ะ”
“งั้นเอารุ่นนี้ก็ได้ค่ะ” พราวมุกตกลงและจ่ายเงินทันที เธอต้องการโทรศัพท์ไว้เพียงเพื่อติดต่อกับคนอื่น เธอไม่ได้ชอบเล่นเกมหรือโซเชียลสักเท่าไหร่
“เธออยากซื้ออะไรอีกไหม” เธอหันไปถามจัสมินที่เดินไปซื้อของพร้อมกับเธอแต่กลับซื้อเพียงไม่กี่อย่าง
“ไม่ล่ะ”
“สวัสดีครับน้องพราวมุก” เสียงทะเล้นของใครบางคนดังขึ้น ก่อนจะเดินมาข้างๆ ของจัสมิน
“สวัสดีค่ะพี่คีตะ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” พราวมุกเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม
“เอ่อ... เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ” จัสมินหันมาถาม
“อืม”
“แล้วจะกลับกันแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ” พราวมุกรีบพยักหน้าตอบ
“น้องพราวมุกคงให้คณินมารับสินะครับ” คีตะรู้ดีว่าอย่างไร พี่ชายของเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้หญิงสาวกลับเองแน่ๆ
“ค่ะ เขาบอกว่าจะมารับ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง” เขารีบเสนอตัวไปส่งจัสมิน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้” คีตะหน้าหงอยลงเมื่อโดนหญิงสาวปฏิเสธทันควัน
“ทำไมล่ะ ให้พี่คีตะไปส่งก็ดีออก จะได้ประหยัดค่ารถไง แล้วตอนนี้คนก็กำลังเลิกงาน รถโดยสารน่าจะแออัดมากเลยนะ”
“พราวมุก!” จัสมินงอแง เมื่อเธอเข้าข้างคีตะ
“เถอะหน่า พี่คีตะเขาไม่ทำอะไรเธอหรอก ฉันรับประกัน”
“เห็นไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ก็ได้” จัสมินจำใจยอมให้ชายหนุ่มไปส่ง อย่างน้อยก็ประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะอยู่ และจะได้ไม่ต้องหอบของขึ้นรถเมลพะรุงพะรัง
“ถ้างั้นมุกขอตัวก่อนนะคะ” เธอหันไปบอกลากับจัสมินและคีตะ แล้วจึงรีบปลีกตัวออกมารอคณินที่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้า
พราวมุกนั่งรอเขาอยู่ที่ป้ายรถเมล์อย่างใจจดใจจ่อ ของที่พะรุงพะรังไปหมดทำให้เธอไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่
“พราวมุก” เสียงหนาทุ้มของใครคนหนึ่งเอ่ยดังขึ้น ทำให้เธอรีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นคนที่เธอไม่อยากจะเจอหน้าเลยสักนิด
“น่านน้ำ” อดีตเพื่อนสนิทและแฟนเก่าที่ทำให้เธอต้องอับอายขายหน้า โดนตราหน้าว่าแย่งสามีคนอื่น
“เดี๋ยวสิ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้ เราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีกแล้ว” พราวมุกรีบเดินหนีไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
ขณะเดียวกันคณินที่ตั้งใจจะมารับพราวมุกก็เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพอดี จึงรีบขับรถตามมาจอดรับหญิงสาว
“รีบส่งของมาสิ” คณินรีบรับของมาก่อนจะใส่ทุกอย่างไว้ด้านหลัง ส่วนเธอก็รีบขึ้นรถทันทีโดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของคนที่ตามมาด้านหลัง
“เห้อ ยังไม่หมดเวรหมดกรรมอีกเหรอเนี่ย” หญิงสาวบ่นกับตัวเอง ไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมาเจอหน้าคนแบบนี้อีกครั้ง หนำซ้ำผู้ชายแบบนั้นยังหน้าไม่อาย กล้าที่จะเข้ามาทักเธออีก
“ให้พี่จัดการไหม”
“ไม่ต้องหรอก มุกพยายามเลี่ยงได้”
“แต่ถ้ามันมายุ่งกับเธออีก ต้องบอกพี่นะ เข้าใจไหม” เขาเน้นย้ำด้วยความเป็นห่วงหญิงสาว เพราะคนอย่างน่านน้ำไม่มีทางยอมเลิกยุ่งกับพราวมุกง่ายๆ แน่นอน
“อืม แล้วนี่จะพาไปไหน”
“ไปเที่ยวกัน”
“หืม ตอนนี้เนี่ยนะ แต่มุกไม่มีเสื้อผ้าหรือของอะไรติดตัวมาเลยนะ”
“พี่เก็บมาให้แล้ว”
“วางแผนไว้แล้วสินะ” พราวมุกเอ่ยพลางกอดอก
“เธอก็รู้จักพี่ดีไม่ใช่หรือไง”
“คนเจ้าเล่ห์” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอและเขาพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองตากันและหัวเราะออกมา
กว่าจะเดินทางมาถึงสถานที่ที่เขาว่าก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเดินเล่นริมทะเลมากที่สุด
“คิดยังไงถึงพามาทะเลเหรอ”
“ก็เธอเคยบอกว่าชอบไปเที่ยวทะเล”
“จำได้ด้วยเหรอ”
“ไม่เคยคิดที่จะลืมเลยต่างหาก” หากเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับคนที่ตัวเองรัก ใครจะลืมได้กัน
ลมเย็นที่พัดมาปะทะผิวกาย ทำให้หญิงสาวห่อตัวพลางยกมือขึ้นลูบแขนของตัวเองเล็กน้อย คณินรีบโอบเธอเอาไว้
“ไปที่พักกันก่อนเถอะ” เขาเสนอความคิด ก่อนที่พราวมุกจะพยักหน้าตอบ
คณินรับหน้าที่ในการขนของทั้งหมด ส่วนเธอมีหน้าที่เดินนำหน้าเขาและไปยังที่พักที่เป็นรีสอร์ท
ทั้งเธอและเขาต่างก็แยกย้ายกันไปเก็บของของตัวเอง และทำธุระส่วนตัว ก่อนจะลงมาเจอกันอีกครั้งที่ชั้นหนึ่งของบ้าน
อาหารมื้อเย็นถูกสั่งมาจากทางรีสอร์ทโดยตรง เพราะคณินไม่อยากรู้สึกเหนื่อยมากเกินไปทั้งที่เพิ่งจะมาถึง จึงสั่งอาหารจากทางโรงแรมมาแทน
“กินข้าวเสร็จแล้ว ดูหนังด้วยกันไหม” พราวมุกเป็นฝ่ายเอ่ยชวนก่อน
“ได้สิ” เขาไม่ปฏิเสธคำชวนของหญิงสาว แน่นอนล่ะ เพราะเป็นเธอ เขาถึงได้ไม่คิดที่จะปฏิเสธเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
พราวมุกยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรีบทานอาหารตรงหน้าให้หมดโดยเร็ว เธออดใจไม่ไหวที่จะได้ดูหนังพร้อมกับคณินในรอบหลายปีแล้ว
ห้องนอนถูกปรับเปลี่ยนทิศทางใหม่เล็กน้อย โปรเจกเตอร์วางอยู่ด้านหน้าพลางฉายภาพไปทางผนังสีขาว
พราวมุกกระโดดเข้าที่ของตัวเองพร้อมกับคณินที่ตามมาทีหลังและเบียดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน
“เริ่มแล้วนะ” เธอเอ่ย ก่อนจะเริ่มเปิดหนังฉายผ่านโปรเจกเตอร์
หนังวันนี้ที่เธอเลือกเป็นหนังผี เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เธอชอบดูมากที่สุด แต่ใครจะคิดกันว่าคนที่ชอบดูหนังผีอย่างเธอก็กลัวผีมากเช่นกัน เพราะงั้นจึงต้องหาใครสักคนมานั่งดูเป็นเพื่อนเสมอ
“กรี๊ดดดดด”
“อร๊ายยยย ไอ้ผีบ้า”
“อ๊ากกกกก”
เสียงของพราวมุกที่ร้องดังขึ้นทุกฉากที่ผีโผล่ออกมา ทำให้คณินต้องหัวเราะออกมา
พราวมุกหันไปมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะรีบเขยิบตัวออกห่างจากเขา แต่ผ่านไปได้ไม่นานก็เด้งกลับมาตัวติดกับเขาเหมือนเดิมเพราะกลัวผี
“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย” เธอปฏิเสธเสียงเบา ก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาดูหนังต่อและยังคงส่งเสียงร้องจนกระทั่งหนังจบลง
ฟู่~
เธอผ่อนลมหายใจออกมา หลังจากที่กลัวผีจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดโปรเจกเตอร์และหันมามองหน้าคณินที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่ยอมกลับห้องของตัวเอง
“ไม่กลับห้องเหรอ”
“ไม่ พี่กลัวผี เพราะงั้นคืนนี้จะนอนกับเธอ”
“พี่เนี่ยนะ กลัวผี?” ข้ออ้างที่ใช้ไม่ได้เลยสักนิด เธอจำได้อย่างแม่นยำว่าคณินไม่กลัวเรื่องแบบนี้เลย จะมีก็แต่เธอที่ขี้กลัว
“อืม เธอต้องรับผิดชอบด้วยการมานอนเดี๋ยวนี้” เขาไม่รอให้เธอตอบตกลง พลางคว้าร่างเล็กลงมานอนด้วยทันที
“อย่ามาหลอกแต๊ะอั๋งกันนะ”
“ไม่ได้หลอก เธอเป็นคนชวนพี่มาที่นี่เอง” คณินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พลางกอดคนตัวเล็กเอาไว้จนใบหน้าของเธอแทบจะจมอกของเขา
“ปล่อยนะ”
“ไม่”
“ปล่อย”
“ไม่”
“ปล่อยนะ”
“ถ้าไม่หยุดดิ้นพี่จะจูบเธอ” เขาเอ่ยคำขู่ขึ้นมา หวังจะให้คนตัวเล็กหยุดดิ้น แต่ทว่าร่างเล็กกลับยิ่งดิ้นหนักกว่าเดิมเสียอีก
“ไม่กลัวหรอก”
“แน่ใจ”
“ใช่ ปล่อยนะ อื้อออ~” ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากตอนที่เธอกำลังตกใจ
ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นเล็กก่อนจะลิ้มรสหวานจากโพรงปากเล็กอย่างละเมียดละไม
มือเล็กทุบไปที่ไหล่หนาหลายครั้ง จนกระทั่งเขายอมผละริมฝีปากออก
ใบหน้าหวานพลันเห่อแดงเมื่อถูกเขาจ้องมอง ก่อนจะรีบหลบตาของเขาที่มองมาด้วยความเขินอาย
“เขินเหรอ”
“ทำบ้าอะไรของพี่ พอเลยนะ” พราวมุกรีบโมโหกลบเกลื่อน
“เรื่องปกติของคนเป็นแฟนกันเขาทำไม่ใช่หรือไง”
“เหอะ ออกไปได้แล้ว”
“ไม่” คณินยังคงปฏิเสธจนสุดตัว ว่าเขาจะไม่ยอมไปไหนหรือออกไปจากห้องนี้
ในเมื่อเขาไม่ยอมออกไป เธอเองก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่ได้อยากให้เขาออกไปนักหรอก เพียงแค่ไม่อยากเสียฟอร์มให้กับเขาเท่านั้นเอง
“คืนนี้พี่ขอเป็นเจ้าของเธอ...”
“ทั้งตัวและหัวใจ... ได้ไหม” คำขอของเขาทำให้พราวมุกนิ่งไป เธอแค่ไม่คิดว่าเขาจะพูดไวขนาดนี้ แต่เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เธอรู้ว่าเขายังคงเป็นคณินคนเดิมที่แสนดีเหมือนเดิม และเธอรู้จักเขาเป็นอย่างดี
“เพิ่งจะเป็นแฟนกันได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ”
“ก็...”
“ก็ได้ แต่สัญญากับมุกก่อน ว่าจะไม่หายไปไหนอีกแล้ว” เธอเอ่ยพลางยื่นนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวกับเธอไว้
“พี่สัญญา”