ภายในเรือนฟางเฟย
จ้าวหวังเหล่ยเดินกลับเข้ามา ภายในเรือนของตนด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอันใด ไปโน้มน้าวจ้าวฟางหรู บุตรีคนโตที่มีอายุสิบแปดปี ให้นางยินยอมออกเรือนไปกับคุณชายใหญ่สกุลเซี่ยดี ครั้นได้พบหน้าภรรยาเขาจึงลองปรึกษาเรื่องนี้กับนาง หวงฟางหรงถึงกับถอนหายใจออกมา และแล้วสิ่งที่นางกังวลก็เกิดขึ้นจริงๆ เรื่องนี้คงจะปัดภาระให้พ้นตัวมิได้ เพราะตระกูลจ้าวมีหลานสาวสายตรงเพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือบุตรีทั้งสองของนาง
“ฮูหยิน…เจ้าว่าหรูเอ๋อร์จะยินยอมออกเรือนไปกับคุณชายใหญ่สกุลเซี่ยหรือไม่ ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า คุณชายใหญ่สกุลเซี่ยผู้นั้นเป็นบุรุษที่มีหน้าตาดี และรูปร่างสง่างามยิ่งนัก อนาคตภายหน้าตำแหน่งแม่ทัพใหญ่คงจะไม่พ้นเป็นของเขา เพราะยามนี้ตระกูลเซี่ยเหลือเพียงแค่เขาที่เป็นทายาทสืบสกุล” จ้าวหวังเหล่ยถามความเห็นของภรรยาออกมา
“ท่านก็รู้นี่เจ้าคะ ว่าหรูเอ๋อร์นางเป็นสตรีที่มีใจเด็ดเดี่ยว ยึดมั่นในความคิดของตนเองมาตลอด นางเคยบอกกับน้องว่า จะไม่ยอมออกเรือนไปกับตระกูลแม่ทัพ หรือขุนนางฝ่ายบู๊เป็นเด็ดขาด แล้วท่านว่า…ท่านจะสามารถเกลี้ยกล่อมนางได้หรือเจ้าคะ”
หวงฟางหรงบอกสามีออกมาตามที่นางได้ยิน ยามที่นางนั่งกินมื้อเช้ากับลูกๆ จ้าวฟางหรูเป็นผู้ที่กล่าวเรื่องนี้ออกมาเอง ว่านางจะไม่ขอออกเรือนไปกับตระกูลแม่ทัพ หรือพวกตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊เป็นอันเด็ดขาด หากยังดึงดันบังคับให้นางออกเรือนไป มีหวังบุตรีของนางผู้นี้ คงได้ต่อต้านจนถึงที่สุดเป็นแน่ แต่ถ้าจะผลักภาระหน้าที่นี้ไปให้บุตรสาวคนเล็ก นางก็ยังเยาว์วัยเกินกว่าที่จะออกเรือน
“เฮ้อ…เวรกรรมอันใดของข้ากัน เหตุใดเจ้ารองถึงได้ไม่มีบุตรีสักคนนะ” จ้าวหวังเหล่ยถอนหายใจ พลางเอ่ยออกมาอย่างคิดหนัก
“เรื่องนี้ถึงเช่นไรก็ต้องมีทางออก แล้วทางนั้นเขากำหนดมาหรือยังเล่าเจ้าคะ ว่าจะมาสู่ขอแล้วให้ออกเรือนเลย หรือว่าจะหมั้นหมายกันเอาไว้ก่อน” หวงฟางหรงเอื้อมมือไปวางบนหลังมือของสามีแล้วตบลงเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยถามสามีออกมา
“เห็นท่านพ่อบอกว่า จะให้หมั้นหมายกันเอาไว้ก่อน อีกปีสองปีถึงจะมาสู่ขอ เพราะที่จวนสกุลเซี่ยเพิ่งจะสูญเสียคุณชายรองไปได้ไม่ถึงสามเดือน คงยังไม่พร้อมที่จะจัดงานมงคลในยามนี้หรอก” หากปีสองปีก็ยังพอมีเวลาให้ได้เตรียมใจ ยังไม่แน่ว่าบุตรีคนใดที่จะเป็นฝ่ายยินยอม
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ยังมีเวลาเกลี้ยกล่อมหรูเอ๋อร์อยู่หรอกเจ้าค่ะ อีกอย่าง…นางก็ถึงวัยออกเรือนแล้วด้วย เห็นสหายวัยเดียวกันออกเรือนไปเสียหมด เกรงว่านางก็คงจะทนอยู่กับพวกเราได้อีกไม่นาน” จ้าวหวังเหล่ยพยักหน้าเห็นด้วยกับภรรยา พลางถอนหายใจหนักๆ ออกมา
“มีเจ้าเป็นภรรยานั้นช่างเป็นโชคดีของข้ายิ่งนัก” เขายิ้มให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน ยามที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา ผู้เป็นภรรยาเผยรอยยิ้มให้สามีเพื่อเป็นการขอบคุณสามีเช่นกัน
ณ โรงน้ำชาอู๋เหลียง
จ้าวฟางหรูนั่งชมเหล่าบัณฑิตต่อบทกวีกันอยู่กับสหายอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่สายตาของนางจะไปสบเข้ากับบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่ง เขามีโครงหน้างดงามราวกับอิสตรี ริมฝีปากแดงระเรื่อ ยามฉีกยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด และรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม จ้าวฟางหรูสนใจในตัวบัณฑิตหนุ่มผู้นั้นเป็นอย่างมาก และคงเป็นเพราะสายตาของนาง ที่เอาแต่จับจ้องอยู่กับบัณฑิตหนุ่มผู้นั้น ทำให้เหลียงเยว่เล่อ คุณหนูรองสกุลเหลียงมองตามสายตาของสหายสนิทไป
“เจ้า…สนใจบัณฑิตผู้นั้นหรือ”
นางมิใช่สตรีที่ไร้คู่หมายเช่นเดียวกับสตรีที่มีรูปโฉมงดงามตรงหน้า จึงแสดงท่าทีออกมาได้ไม่มาก บุรุษที่สหายของนางสนใจ นางเองก็เคยสนใจในตัวเขามาก่อน แต่เขากลับไร้ไมตรีต่อนาง ทำให้นางต้องตอบรับการหมั้นหมายจากชายอื่น
“อือ…เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเขาเป็นคุณชายจากตระกูลใด” จ้าวฟางหรูตอบสหายสนิทออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“รู้สิ….บัณฑิตหนุ่มที่มีรูปโฉมงดงามราวกับอิสตรี และอาศัยอยู่ในเมืองหนานจางเช่นนี้ คงจะเป็นคุณชายจากตระกูลใดไปไม่ได้ นอกจากคุณชายใหญ่ตระกูลเถียน มีนามว่าเถียนซ่ง”
“ตระกูลเถียนเช่นนั้นรึ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อสกุลนี้มาก่อน” จ้าวฟางหรูมองสหายด้วยแววตาสับสนงุนงง
“หรูเอ๋อร์… เจ้าไปอยู่ที่ใดมา ถึงได้ไม่รู้จักทั่นฮวาประจำปีนี้น่ะ”
จ้าวฟางหรูตาโต ก่อนที่นางจะหันกลับไปมองบัณฑิตหนุ่มผู้นั้นอีกครา ทว่าสายตากลับสบเข้ากับบัณฑิตหนุ่มพอดี เขาพยักหน้าให้นางเพียงเล็กน้อยพลางยิ้มแย้มออกมา จ้าวฟางหรูรู้สึกเคอะเขิน แต่นางก็ไม่ได้แสดงอาการนั้นออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น นางพยักหน้าให้เขาเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงส่งยิ้มไมตรีกลับไปให้เขาเช่นกัน
เหลียงเยว่เล่อได้แต่มองการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาวด้วยความอิจฉาริษยา ก่อนหน้านี้นางเองก็เคยมอบไมตรีให้แก่คุณชายใหญ่สกุลเถียนผู้นี้ ทว่าเขากลับไม่สนใจที่จะรับไมตรีจากนาง จึงทำให้นางพลาดจากเขาไปหมั้นหมายกับคุณชายรองสกุลจ้ง ไม่คิดว่าพอเป็นจ้าวฟางหรูแล้ว นางกลับทำให้เขาแสดงความสนใจออกมาได้
บุรุษคนก่อนที่มาสนใจจ้าวฟางหรู นางก็เป็นผู้ที่คอยแอบกันท่าอีกฝ่าย โดยที่สหายไม่เคยรู้เรื่องนั้นมาก่อน บัณฑิตหนุ่มรูปงามแห่งเมืองหนานจงผู้นั้นช่างโง่เขลา มอบของกำนัลราคาแพงให้แก่จ้าวฟางหรูมากมาย แต่มีหรือที่ของเหล่านั้น จะไปถึงมือของจ้าวฟางหรูสักชิ้น นั่นเป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาฝากให้แก่จ้าวฟางหรู ล้วนตกมาอยู่ที่นางทั้งหมด
ก็ผู้ใดใช้ให้เขามาปฏิบัติต่อนางเป็นเช่นสะพานเพื่อให้เขาได้ข้ามไปกัน สุดท้ายนางก็บอกคุณชายผู้นั้นว่า จ้าวฟางหรูไม่ชอบเขา และกำลังจะออกเรือนไปกับคุณชายใหญ่ตระกูลคหบดีเช่นกัน หลังจากวันนั้นนางก็ไม่เห็นบัณฑิตหนุ่มผู้นั้นอีกเลย แต่กับคุณชายใหญ่สกุลเถียนผู้นี้ คงไม่คิดที่จะใช้นางเป็นสะพานเพื่อข้ามไปหาจ้าวฟางหรูเป็นแน่
“เยว่เล่อ…เจ้าว่าเขามีคู่หมายแล้วหรือยัง”
จ้าวฟางหรูถามสหายสนิทออกมาด้วยความสนใจ โดยที่นางไม่รู้ตัวเลยว่า สหายข้างกายที่นางคบหามานานเกือบสามปีนั้น จะเป็นสตรีที่ขี้อิจฉาริษยาเพียงใด
“แล้วเจ้าคิดว่ารูปร่างหน้าตาเช่นนั้น ความสามารถมากมายถึงเพียงนั้น จะยังเหลือรอดมาถึงมือเจ้าอยู่อีกรึ”
ในเมื่อนางไม่ได้ จ้าวฟางหรูก็จะไม่มีวันที่ได้ลงเอย กับชายหนุ่มผู้นั้นเช่นกัน จ้าวฟางหรูที่ไม่เคยรู้เท่าทันสหายข้างกายพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย อุตส่าได้พบเจอบุรุษที่ถูกใจ ทว่ากลับไร้วาสนาต่อกัน