SOMETIME 15
******************************
[TAN : SAID]
ผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง ICU ตอนนี้หวานเข้าไปในห้องนั้นเกือบสองชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ออกมา ตัวผมตอนนี้เปื้อนไปด้วยเลือดของเธอ
ผมไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าเธอจะกล้าฆ่าตัวตายเพราะผมเป็นต้นเหตุ ถ้าผมรู้ว่าเธอกล้าที่จะทำร้ายตัวเองแบบนั้นผมก็คงไม่กล้าทำร้ายเธอหรอก
ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ ไม่เคยคิดที่จะฆ่าเธอให้ตาย ผมก็แค่ขู่เท่านั้น และที่ผมต้องทำร้ายเธอเป็นเพราะผมหวงเธอมากไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนนอกจากผม
ยอมรับว่าผมแม่งเหี้ยที่ทำรุนแรงกับเธอ แต่นั่นมันเป็นนิสัยของผมซึ่งเธอก็รู้อยู่ก่อนแล้ว ถ้าเธอไม่ดื้อแล้วยอมทำตามที่ผมบอกเธอก็ไม่ต้องมาเจ็บตัวหรอก
เวลาที่ผมโมโหผมแม่งคุมตัวเองไม่ได้ และมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดเธอเองก็น่าจะรู้ว่าไม่ควรทำให้ผมโกรธหรือโมโห
“หวาน หวาน”
เหมยเพื่อนของหวานวิ่งร้องไห้มา ผมโทรหาเธอเองบอกว่าหวานโดนรถชนเข้าโรงพยาบาล เหมยหันหน้ามามองหน้าผมอย่างโกรธแค้นแทนเพื่อนของเธอ
เธอตรงเข้ามาทุบตีผมอย่างแรงโดยที่ผมได้แต่ปล่อยให้เธอทำอยู่อย่างนั้น ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเธอไม่มีทางได้เข้าถึงตัวผมได้มากขนาดนี้หรอก และผมก็คงไม่ปล่อยให้เธอได้ทำแบบนี้ด้วย
“ถ้าหวานเป็นอะไรไปเหมยจะฆ่าพี่ให้ตายเลย”
“...”
ผมได้แต่เงียบไม่ได้โต้ตอบอะไร ตอนนี้ผมเองก็ร้อนใจเหมือนกันผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
ผมยังไม่พร้อมทีจะเสียเธอไปตอนนี้ ยอมรับว่าตัวเองแม่งเหี้ยที่ทำร้ายเธอได้แต่จะให้ทำไงได้วะสันดานผมมันเป็นแบบนี้
เธอเองก็รับได้ตลอดเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องเอามาเป็นเรื่องทะเลาะกันได้เลย เพราะยังไงสุดท้ายผมก็เลือกเธอไม่ใช่คนอื่น
“พี่รู้ตัวหรือเปล่าพี่แทนว่าพี่ไม่คู่ควรกับเพื่อนของเหมยเลย เพื่อนเหมยแสนดีแต่พี่แม่งโคตรชั่ว เหมยขอร้องเหอะเลิกยุ่งกับชีวิตหวานได้แล้ว แค่นี้พี่ก็ทำร้ายเธอมากพออยู่แล้วนะ”
ผมไม่ตอบอะไร ผมรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับหวานเลย หวานกับผมมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปไหนได้ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นของผมแค่คนเดียวและจะเป็นของผมตลอดไปด้วย
ผมจะไม่ยอมให้เธอไปมีความสุขกับคนอื่นโดยที่ผมยังเป็นทุกข์แบบนี้ ถ้าผมทุกข์เธอก็ต้องทุกข์ไปกับผมด้วย
ผมแม่งไม่ใช่พระเอกไงที่เห็นว่าคนที่เรารักมีความสุขแล้วเราจะมีความสุขด้วย ในเมื่อผมไม่ได้ใครก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน
ไม่นานหมอก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่เครียดจัด ทำให้หัวใจผมเต้นแรงจนเจ็บไปหมดกลัวว่าหวานจะเป็นอะไรไป ผมยังไม่พร้อมที่จะเสียเธอไปตอนนี้
อย่าเพิ่งมาพรากเธอไปจากผมเลย ผมตรงดิ่งไปเขย่าตัวหมอเพื่อที่จะถามอาการของหวานว่าปลอดภัยดีหรือเปล่า เหมยเองก็ยืนฟังอยู่ข้างผมด้วยเหมือนกัน
“แฟนผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก ทางโรงพยาบาลมีเลือดกรุ๊ปเอบีไม่เพียงพอหมอต้องการเลือดมากที่สุดครับ” ผมนิ่งไป ตอนนี้หวานยังไม่พ้นขีดอันตรายจนกว่าจะได้เลือด
ผมยืนคิดอยู่นานว่าจะหาเลือดที่ไหนมาช่วยเธอก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองก็เลือดกรุ๊ปเอบีเหมือนกัน
ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเราสองคนจะมีกรุ๊ปเลือดเหมือนกันอย่างบังเอิญแบบนี้
และตอนนี้ผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะช่วยเหลือเธอเท่าที่ตัวเองจะทำได้เพื่อไถ่โทษในความผิดครั้งนี้ที่ทำให้เธอเกือบตายเพราะผม
หลังจากที่ให้เลือดหวานเสร็จหมอก็ให้ผมมานอนพักสักพัก ก่อนจะมีพยาบาลเดินมาบอกว่าตอนนี้หวานพ้นขีดอันตรายแล้ว ได้ยินแค่นี้ผมแม่งก็ดีใจแล้วว่ะ
ถ้าเธอกลับมาผมสาบานกับตัวเองว่าจะทำดีกับเธอให้มากกว่าเดิม จะดูแลเอาใจใส่เธอให้มากกว่าคนอื่น
ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าผมจะพยายามแล้วกัน
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่อาจเสียผู้หญิงคนนี้ไปได้ ถ้าเธอไม่ได้ทรยศผมผมก็พร้อมที่จะดูแลเธอต่อไป
แต่ถ้าวันไหนที่ผมรู้ว่าเธอหักหลังผมหรือสวมเขาให้ผม ผมจะเป็นคนฆ่าเธอด้วยตัวของผมเอง คนที่จะสามารถฆ่าเธอได้จะต้องเป็นผมเพียงคนเดียวเท่านั้น
เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะฆ่าตัวตายไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม
[TAN : SAID END]
ฉันพยายามลืมตาขึ้นมา แต่ก็รู้สึกว่ามันหนักอึ้งไปหมด ปวดตามร่างกายเหมือนว่าโดนอะไรทับอยู่อย่างนั้น
พอปรับโฟกัสสายตาได้สิ่งแรกที่ฉันมองเห็นคือคนที่นอนก้มหน้าจับมือฉันอยู่ข้างเตียง
ฉันมองไปรอบๆ ห้องก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลสายอะไรไม่รู้ระโรงระยางเต็มตัวฉันไปหมด
ฉันขยับตัวไม่ได้ มีท่ออะไรไม่รู้สอดเข้าไปในรูจมูกของฉันทำให้หายใจลำบาก หัวฉันถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล
ไหนจะแขนทั้งสองข้างที่ดูเหมือนถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลอย่างกับมัมมี่
“พะ...พี่แทน”
ฉันเรียกชื่อคนที่นอนก้มหน้าหลับใหลอยู่ข้างๆ ฉัน เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างงัวเงีย
พอเห็นว่าฉันลืมตาอยู่เขาก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ฉันไม่เคยเห็นพี่แทนยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ
เขากดเรียกหมอให้เข้ามาตรวจร่างกายฉัน หลังจากตรวจเสร็จเขาก็ยังคงนั่งเฝ้าฉันอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน
ฉันแอบสังเกตเห็นนะว่าใบหน้าของพี่แทนเหมือนคนไม่ได้พักผ่อนยังไงไม่รู้ ถ้าให้เดาเขาคงมาเฝ้าฉันทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ เลย
“อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะคะ”
พี่แทนกุมมือฉันเอาไว้หลวมๆ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเป็นห่วงทำให้ฉันยิ้มออกมาได้
นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ได้ยินเสียงที่เขาบอกว่าเป็นห่วงฉัน นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่เคยเห็นแววตาแห่งความดีใจที่เขามอบให้ฉัน
“พี่เป็นห่วงรู้ป่ะ”
“วะ...หวาน...”
ฉันไม่มีเสียงเปล่งออกมาจากลำคอเลย พี่แทนมองหน้าฉันยิ้มๆ ก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าเขาจะทำได้
เขาหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเองก่อนจะเปิดมันออกมาตรงหน้าฉัน และพบว่ามันคือแหวน
ใช่! มันคือแหวนที่สลักชื่อของฉันและชื่อของเขาเอาไว้
“หวานเป็นของพี่แล้วนะคะ”
พูดจบร่างสูงก็สวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ฉันพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เขายังคงยิ้มให้ฉันอยู่
แต่รู้อะไรมั้ยรอยยิ้มที่ดูโล่งใจที่ฉันฟื้นขึ้นมากับรอยยิ้มตอนที่เขาสวมแหวนให้ฉันนั้นมันช่างต่างกันลิบลับเลย
“ชีวิตของหวานคือของพี่”
“...”
“ถ้าพี่ไม่สั่งให้หวานตายหวานก็ตายไม่ได้”
ฉันหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินพี่แทนพูดแบบนั้น เหมือนเขาจะบอกฉันกลายๆ ว่าตัวของฉันฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับตัวเองได้ ฉันจะต้องตกอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
และเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถไปเริ่มต้นใหม่กับใครได้อีกนอกจากเขา เขาจะเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือเปล่า
แล้วฉันล่ะ เขาสามารถมอบชีวิตของเขาให้ฉันได้มั้ย หรือว่าชีวิตของเขาเขามอบให้คนอื่นไปหมดแล้ว แม้กระทั่งตัวของฉันเองยังไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเองเลย
“พี่คือเจ้าชีวิตของหวาน”
“...”
“เรื่องเมื่อวานพี่จะไม่เอาเรื่องด้วย แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอีกพี่ไม่รับรองความปลอดภัยของหวานนะคะ”
น้ำเสียงของพี่แทนเหมือนเขาจะบอกว่าเขาสามารถฆ่าฉันได้จริงๆ โดยที่ตัวเองไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
ฉันคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปแล้วซะอีก ที่ไหนได้เขาก็ยังคงเป็นแฟนที่ใจร้ายกับฉันเหมือนเดิม
เคยทำร้ายฉันยังไงก็ยังคงทำร้ายฉันอย่างนั้น ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตายไปเลยล่ะถ้าคิดว่าฉันมันเป็นแฟนที่ไม่ดีขนาดนั้น
แหวนที่เขาให้ฉันก็เหมือนเป็นโซ่ล่ามไม่ให้ฉันไปจากเขา