สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติ เสียงพูดคุยหลากภาษาดังไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะบริเวณหน้าทางออกที่มีผู้คนครึ่งร้อยถือป้ายใหญ่น้อยโบกสะบัดไปมาเรียกสายตาจากใครหลายคน
ณัฐรินีย์ เองก็มองไปที่ป้ายเหล่านั้น ดวงตาคู่สวยมองไล่ผ่านป้ายทุกใบไม่มีขาดตก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีป้ายที่เป็นชื่อเธอเลย...
ทั้งๆ ที่รู้ว่าวันนี้เธอจะกลับมาเพราะขัดคำสั่งไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ได้กลับประเทศบ้านเกิดมาร่วมห้าปีแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะส่งคนมารับเธอ
หญิงสาวยักไหล่ ชินเสียแล้วกับอะไรแบบนี้ ในเมื่อเธอเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง พวกเขาจะไม่สนใจเธอเลยก็ไม่คงไม่ผิด
ร่างเพรียวบางเดินออกจากบริเวณนั้นไป เธอเลือกเดินไปตรงส่วนที่มีรถแท็กซี่มากมายจอดนิ่งเพื่อรอรับผู้โดยสารที่ไม่มีใครมารับเช่นเธอ ขาเรียวเกือบจะเดินเข้าไปหาแท็กซี่คันแรกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนึกอะไรบางอย่างได้เสียก่อน
เธอเกือบลืมส่งข้อความไปบอกคนที่อยู่อีกซีกโลกว่ามาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพเสียแล้ว
คิดได้ดังนั้นณัฐรินีย์ก็หยิบมือถือขึ้นมา กดเชื่อมต่อกับวายฟายของสนามบิน แต่เพราะตรงนี้สัญญาณไม่ค่อยดี เธอจึงต้องเดินกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง
‘เฮ้ที่รัก ฉันมาถึงประเทศไทยแล้วนะ ที่นี่ร้อนเหมือนอยู่ในนรก อาทิตย์หน้าถ้านายมาต้องเตรียมตัวให้ดีล่ะ อ้อ! ฉันรู้หรอกนะว่านายนอนอยู่ และที่นิวยอร์กเองก็ดึกมากแล้ว แต่ฉันอยากส่งตอนนี้อะ มีอะไรไหม?’
ส่งข้อความที่กวนประสาทนั้นเสร็จ หญิงสาวก็ปิดปากหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว การที่ได้แกล้งอีกฝ่ายถือเป็นงานอดิเรกของเธอ
ณัฐรินีย์เก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงที่สวมใส่อยู่ เธอกระชับกระเป๋าเป้เพียงใบเดียวที่ขนมาจากอีกซีกโลก แน่นอนว่าเธอไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองหลายปีไม่มีทางที่จะมีข้าวของแค่นี้ แต่เธอไม่ได้คิดจะกลับมาอยู่บ้านเกิดถาวร จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องขนของพวกนั้นกลับมาด้วย
เธอกลับมา เพราะคำสั่งของพ่อและแม่เท่านั้น
“ณัฐรินีย์” เสียงทุ้มที่เอ่ยกระซิบอยู่ใกล้กว่าปกติทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เธอไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย คนๆ นี้คงไม่ใช่คนของที่บ้านส่งมา เพราะไม่มีใครที่นั่นเรียกชื่อเธอเต็มยศขนาดนี้ “อย่าตุกติก ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอ”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำขู่นั้น เธอตำหนิตัวเองที่มัวแต่สนใจมือถือจนไม่รู้ว่ามีคนมาประชิดตัวขนาดนี้ การอยู่ในที่สาธารณะมันไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป โดยเฉพาะสถานที่ที่ผู้คนต่างเร่งรีบจนไม่สนใจใครอย่างสนามบิน
“ต้องการอะไร?” เธอบังคับหัวใจที่เต้นถี่ให้เต้นช้าลง ก่อนจะเอ่ยถามออกไป น้ำเสียงใสๆ ไม่สั่นกลัวแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่ตัวเย็นเฉียบไปหมด “คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน?”
“ไปด้วยกันหน่อย”
“ไปไหน?”
“ความลับ”
ในตอนนั้นเองที่ณัฐรินีย์อดใจไม่ไหว หันกลับไปมองหน้าของคนที่ขู่ฆ่าเธอ อย่างน้อยถ้าเธอจะถูกพาไปฆ่าจริงๆ เธอก็ขอมองหน้ามัจจุราชตนนี้ซักครั้ง
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นคนที่เธอไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย รูปร่างของเขาสูงใหญ่เหมือนไม่ใช่คนไทยแท้ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราที่รกและยาวเฟี้อยจนดูไม่ออกว่าหน้าตาที่แท้จริงของเขาเป็นแบบไหน
เธอสาบานได้ว่าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้จริงๆ
“ไปกับฉัน”
หญิงสาวไม่ตอบ เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ถึงมี... เธอก็ยังลังเล
ลังเลทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเธอควรกลัว ผู้ชายคนนี้จะพาเธอไปไหนไม่มีใครรู้ แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้คือถ้าเธอกลับบ้านไป เธอจะถูกพ่อและแม่กระทำไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เธอจะถูกสวมใส่ปลอกคอที่เกลียดแสนเกลียด หนีไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แม้แต่จังหวะหายใจเธอก็จะถูกควบคุม
แต่ถ้าเธอไปกับเขา ร้ายที่สุดก็แค่ตาย แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นคนเลือกทางนี้ให้ตัวเอง...
“เอาสิ ฉันจะไปกับคุณ”