อัมพิกาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่รีบทำงานบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปมหาวิทยาลัย ซึ่งอีกไม่กี่สัปดาห์เธอก็จะปิดเทอมภาคเรียนที่ 1 เทอมสุดท้ายก็จะได้ฝึกงานและไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเรียน เธอจะได้ทำงานดี ๆ อย่างคนอื่น คนไม่มีแม่อย่างเธอคงทำอะไรไม่ได้มาก ถ้าท่านอยู่เธอคงสุขสบายไปแล้ว
"ฝากน้าบีดูแลคุณท่านด้วยนะคะ หนูทำข้าวต้มเสร็จแล้ว บอกท่านว่าเย็นนี้พิจะมาหาค่ะ"
"ได้ค่ะ น้าจะบอกให้นะ"
หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะถือกระเป๋าขึ้นมาสะพายไว้ที่หลัง จากนั้นก็เดินออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อไปยังมหาวิทยาลัย เธออยากจะเรียนให้จบสักที จะได้ทำอะไรง่ายขึ้น
"อีกไม่นานก็จะเป็นอิสระแล้ว สู้โว้ย!"
ทางด้านชัชวินชายหนุ่มสะลึมสะลือตื่นนอน มองออกไปโดยรอบก่อนจะสะบัดหน้าไล่ความมึนออกไป และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย และคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นผับที่เขาปาร์ตี้เมื่อคืน ขยับตัวลุกขึ้นมองโดยรอบก่อนจะเจอผู้ช่วยคนสนิทสองคนนอนหลับอยู่ตรงโซฟา
"ลาฟา ลาส พวกนายมานอนทำไมตรงนี้"
พวกเขาได้ยินเสียงของเจ้านายก็รีบขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อย เมื่อคืนแต่ละคนดื่มหนักกลับบ้านไม่ได้ ก็เลยต้องนอนค้างที่นี่ โชคดีที่ห้องของผับค่อนข้างกว้างและมีโซฟาขนาดใหญ่อยู่จึงสามารถนอนด้วยกันได้หลายคน
"ตื่นแล้วเหรอครับเจ้านาย เมื่อคืนดื่มกันหนักไปหน่อยก็เลยไม่มีใครพาใครกลับ"
"เมื่อคืนฉันให้นายไปส่งแม่หนูคนนั้นถึงบ้านอย่างปลอดภัยใช่ไหม"
ถึงแม้ว่าจะเมาหนักแต่เขาก็จำได้ว่าเมื่อคืนนั่งคุยอยู่กับใคร เธอเป็นคนที่คุยสนุกที่สุด และการที่อัมพิกามาคอยดูแลเขาเมื่อคืน มันทำให้คนที่จริงจังกับงานไม่มีเวลาได้ผ่อนคลาย มีความรู้สึกสบายใจกับการอยู่กับเธอคนนั้น
"ปลอดภัยหายห่วงครับ นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของเด็กคนนั้น เธอชื่ออัมพิกาครับ"
เขารับเบอร์โทรศัพท์จากมือของลูกน้องมาไว้ในมือ จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องน้ำทำความสะอาดให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จก็เดินออกมาก่อนจะสลับให้ลูกน้องไปล้างหน้าล้างตาบ้าง ลาฟลงไปก่อนเพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท เนื่องจากว่าฝ่ายบัญชีจะเคลียร์เฉพาะที่เป็นรายจ่ายของบริษัทเท่านั้น ใช้เวลาจัดการประมาณสิบนาทีก็พากันไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงลานจอด
"วันนี้เจ้านายจะเข้าออฟฟิศไหมครับ"
"ไม่ วันนี้ฉันเหนื่อยขอกลับไปนอนพักผ่อนก่อน ส่วนลาฟายังไงช่วยจัดการเรื่องเด็กคนนั้นด้วยนะ ฉันจะปั้นให้เป็นนักแสดงในสังกัด ทำยังไงก็ได้ให้เธอดูโดดเด่นมากที่สุด"
"เจ้านายดูสนใจเด็กคนนี้เป็นพิเศษนะครับ ทำไมถึง..."
ลาฟา ไม่รู้ว่าเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่าที่อยากจะรู้เรื่องพวกนี้ แต่โดยปกติเจ้านายจะไม่สนใจใครแม้แต่กระทั่งนักแสดงไม่ว่าจะโนเนมหรือโด่งดังเป็นที่หนึ่ง แต่เด็กเสิร์ฟเพียงคนเดียวเขากลับเอาใจใส่และหาลู่ทางในการได้เป็นนักแสดงในอนาคต มันเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อาจคาดเดากับความรู้สึกได้
"ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากให้เด็กคนหนึ่งมีอนาคตที่ดี"
"เจ้านายคงจะไม่..."
"ก็ไม่แน่หรอกนะ เพราะถ้าครบสามปีพิมพ์ชนกยังไม่สามารถรักษาตัวเองให้หาย เรื่องที่เธอป่วยอาจจะต้องถึงหูคุณพ่อ ถึงตอนนั้นฉันก็ไม่รับประกันว่าครอบครัวนั้นจะโดนอะไรบ้าง แต่สำหรับฉันเด็กคนนั้นเป็นคนที่น่าสนใจดี ฉันอยากรู้จักให้มากกว่านี้ก็เท่านั้น..."
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะนิ่งเงียบไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ เขาไม่รู้หรอกว่าอนาคตครอบครัวที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้มันจะไปจบที่ตรงไหน และการมองอนาคตทางอื่นก็เป็นสิทธิที่เขาทำได้เช่นกัน มันผิดตั้งแต่เริ่มแล้ว และเขาตามใจทุกคนมาตลอด ซึ่งถ้าครบสามปีเมื่อไหร่เขาขอเป็นคนตัดสินอนาคตของตัวเองบ้างแล้วกัน
เมื่อชายหนุ่มกลับมาถึงท่ี่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน พิมพ์ชนกได้ยินเสียงรถเคลื่อนที่เข้ามาก็ยิ้มอย่างดีใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้เดินเข้ามาด้วยท่าทีเหนื่อยล้า
"คุณวินกลับมาแล้วเหรอคะ"
หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้ ชัชวินเหลือบสายตาหันไปมองเพียงครู่เดียวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับผู้หญิงอีกคน ซึ่งเป็นคุณแม่ของพิมพ์ชนก เขาชักมือกลับก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม
"สวัสดีครับคุณแม่"
"สวัสดีจ้ะคุณวิน ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้านล่ะ ปล่อยให้พิมพ์อยู่คนเดียวมันจะดีเหรอคะ"
เธอเอ่ยออกมาเหมือนจะเตือนชายหนุ่มกลาย ๆ เพราะยังไงเสียทั้งสองคนก็แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน จะทำเหมือนทิ้งขว้างมันไม่ควรเลยสักนิด
"ผมว่าพิมพ์น่าจะดูแลตัวเองได้นะครับ อีกอย่างหนึ่งผมเป็นผู้บริหาร มีลูกน้องให้ดูแลเป็นหมื่นคน ตอนนั้นไม่เห็นจะเรียกร้องความใส่ใจอะไรเลยนี่ครับ ขอแค่ผมยอมแต่งงานเท่านั้นอย่างอื่นยอมทุกอย่างไม่ใช่เหรอครับ"
ชายหนุ่มสวนกลับเพราะคิดว่าในตอนนี้คุณแม่ของพิมพ์ชนกกำลังล้ำเส้นเขาอยู่ ถ้าตอนนั้นไม่มาอ้อนวอนขอร้องเขาคงบอกความจริงกับคุณพ่อไปแล้ว และคงไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นเพราะถ้ารู้ความจริงบางอย่าง นี่ถือว่าเค้าอดทนและให้โอกาสผู้หญิงคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเพราะยังให้เกียรติ แต่ถ้าเกิดยังใช้คำพูดเหมือนจะบงการชีวิตเขา สามปีที่ว่าอาจจะเร็วขึ้นกว่าที่คิดก็ได้
"แม่ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย คุณวินคงจะมีงานต้องทำแม่เข้าใจ พิมพ์พาคุณวินไปพักผ่อนสิเดี๋ยวแม่จะกลับก่อน แม่กลับก่อนนะคุณวินต้องไปทำธุระต่อ ยังไงฝากดูแลลูกแม่ด้วยนะ"
"ครับ สวัสดีครับคุณแม่"
เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะปล่อยให้ท่านเดินออกไปจากตรงนั้น คล้อยหลังที่คุณแม่ของเธอกลับไป พิมพ์ชนกก็หันมาเอาใจคนเป็นสามี พยายามที่จะเป็นคนสดใสเพื่อให้ชายหนุ่มสบายใจและมีความสุขในการอยู่ด้วยกัน
"พิมพ์พาคุณไปพักผ่อนดีมั้ยคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกผมไปเองคุณอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ลาฟา ลาส วันนี้ฉันจะไม่เข้าออฟฟิศ พวกนายก็กลับไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยทำงานกัน วันนี้คงไม่มีอะไรหรอก"
"ได้ครับเจ้านาย"
ลูกน้องของเขาส่งชุดสูทแล้วก็เอกสารบางอย่างไปให้แม่บ้านถือไว้ จากนั้นก็พากันกลับไปพักผ่อน ส่วนชัชวิน เขาก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันทีโดยไม่ได้สนใจภรรยาแม้แต่น้อย พิมพ์ชนกกำมือแน่นอย่างรู้สึกเป็นกังวล ให้ความความรู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังเบื่อเธอและมีคนอื่นอยู่นั้นแหละ
"ไม่ได้การแล้ว จะต้องรีบทำตามแผนให้เร็วไม่อย่างนั้นคุณวินจะไม่สนใจเธอแน่"