16

1094 คำ
16 สายวันต่อมา มนูเดินเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านายที่นั่งดูเอกสารสำคัญ พอเห็นลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาในห้อง รัฐรวินทร์ตวัดสายตาขึ้นมอง วางปากกาลงบนเอกสาร เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “ได้เรื่องว่าไง” รัฐรวินทร์ถาม โดยที่มนูไม่ต้องถามกลับว่า เรื่องนั้นคือเรื่องใด เพราะตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวที่เจ้านายหนุ่มใคร่รู้มากที่สุด “เรื่องชรัณเป็นไปตามแผนครับ ส่วนเรื่องหลิน ผมได้รับรายงานจากไอ้เมฆว่า เธอไปแจ้งความและไปธนาคารที่มันเอาเช็คไปขึ้นเงินครับ เธออยู่ที่ธนาคารไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ไปทำงานต่อครับ” มนูรายงาน “ฉันไม่อยากให้ยืดเยื้อนาน เรื่องชรัณให้ทำให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้” “ครับคุณวิน” มนูตอบรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของคนเป็นนาย รัฐรวินทร์นั่งยิ้ม เป็นรอยยิ้มของชายใจเลือดเย็นที่กำลังได้ในสิ่งที่ต้องการ เกวลินทำให้เขาอับอายขายหน้า กล้าตบหน้าเขาต่อหน้าบุคคลอื่น ไม่เพียงแค่นั้น ภาพที่เขาโดนตบหน้ายังถูกโพสต์ลงในอินเตอร์เน็ต ที่มีคนไม่รู้อีกหลายร้อยคนได้เห็น นำพาความเจ็บแค้นเกิดขึ้นในหัวใจรัฐรวินทร์ เขาจึงต้องเอาคืนเกวลินให้สาสมด้วยแผนอันแยบยล และอีกไม่นาน เกวลินต้องมาสยบแทบเท้าตน เกือบสองทุ่มวันเดียวกัน เกวลินเดินเข้ามาในบ้านด้วยจิตใจอ่อนล้า วันนี้ก่อนไปทำงาน เธอต้องไปทำธุระเรื่องเช็คสิบล้าน ด้วยการไปติดต่อธนาคาร หาช่องทางเอาเงินคืนมาจากบุคคลนามว่า อดิศร จิตานิจ เป็นชื่อของคนที่นำเช็คเงินสดไปขึ้นเงิน เมื่อไปถึงธนาคาร เกวลินมีคำถามหลายคำถามที่ตนสงสัย เนื่องจากเธอไม่มีความรู้เรื่องเช็ค จึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดคนร้ายถึงได้นำเช็คไปขึ้นเงินได้อย่างง่ายดาย โดยที่ทางธนาคารไม่สงสัย พอได้รับคำตอบ เธอจึงเข้าใจ และคิดว่า งานนี้คงยากที่จะตามเงินคืนมา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ย่อท้อที่จะนำตัวคนผิดที่แท้จริงมาชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว ทว่าจะด้วยวิธีไหน เกวลินขอคิดสักวันสองวัน วันนี้เธอทั้งเหนื่อยและล้า ท้อแท้กับชีวิตมาก “พี่หลิน” เสียงเรียกจากปากน้องชาย ทำให้คนที่กำลังเดินขึ้นบันไดบ้านหยุดชะงัก “มีอะไรโจ้” เสียงที่ถามเบา สีหน้าคนพูดซีดเซียว “เรื่องเงินผมเคลียร์กับบริษัทได้แล้วนะพี่ คุณวิน เจ้าของบริษัทเขาใจดี พอเขารู้ว่าผมถูกทำร้ายและเช็คโดนปล้นไป เขาก็ผ่อนผันให้ผมใช้หนี้ ไม่ต้องคืนทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ แถมยังให้ค่าทำขวัญมาอีกหนึ่งหมื่น” วันนี้ชรัณเข้าบริษัทเพื่อพูดคุยกับอุดมหัวหน้าแผนกเรื่องหนี้สินที่ต้องชำระ เขาตั้งใจว่าจะเข้าไปขอผ่อนผันใช้หนี้ เพราะมั่นใจว่า หาเงินมาใช้ในคราวเดียวทั้งหมดไม่ได้ แต่พอไปถึง ชรัณได้รับข่าวดีโดยยังไม่ได้เอ่ยปากพูดสักคำ ข่าวดีนั้นก็คือ รัฐรวินทร์ให้ผ่อนผันใช้หนี้ได้ตามแรงกำลัง และไม่เอาผิดชรัณในด้านกฎหมาย เกวลินยิ้มบาง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นข่าวดี ทว่าก็ต้องใช้หนี้เขาอยู่ดี เพียงแค่ว่า ยืดเวลาให้หายใจหายคอได้มากขึ้น อีกทั้งจำนวนหนี้สิบล้าน ไม่ได้ใช้หมดภายในปีสองปีแน่นอน มันอาจยาวนานหลายสิบปีก็ว่าได้ เธอจึงไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องที่ได้ยิน “เขาคงต้องยอม เพราะเขาคงรู้ว่าเราไม่มีทางหาเงินจำนวนนั้นได้ภายในสิ้นเดือนนี้” เกวลินเสียงเนือย “แต่ถึงยังไงเราก็เป็นหนี้เขาอยู่ดี เขาไม่ได้ยกหนี้ให้เรานี่” “พี่หลินไม่ต้องห่วง ผมเชื่อว่า ผมหาเงินมาใช้คุณวินได้แน่ อาจจะภายในปีนี้ก็ได้” เกวลินขมวดคิ้วกับความมั่นใจของน้องชาย ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ เมื่อเห็นชรัณชูลอตเตอรี่ให้เธอดู “ผมซื้อหวยชุดไว้ ถ้าถูกขึ้นมาล่ะก็สิบแปดล้านเชียวนะพี่” “พี่เหนื่อยมากเลยโจ้ พี่ขึ้นข้างบนก่อนนะ” เกวลินไม่คิดว่า น้องชายจะถูกรางวัลที่หนึ่ง เพราะมันไม่ได้ถูกกันง่ายๆ คนถูกหวยรางวัลใหญ่ต้องดวงดีจริงๆ ซึ่งไม่ใช่กับครอบครัวเธอแน่นอน ชรัณมองตามพี่สาวที่เดินขึ้นไปบนบ้านด้วยความรู้สึกผิดและสงสาร เกวลินเป็นผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบสูง และความรับผิดชอบของเกวลินตอนนี้ก็ล้นมือ เขาจึงตัดสินใจเป็นเด็กส่งยา เนื่องจากค่าตอบแทนที่ได้รับคุ้มกับความเสี่ยง แล้วยังสามารถนำไปใช้หนี้ได้ “ผมจะไม่ให้พี่ต้องมาเดือดร้อน ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้าน เพื่อไปทำงานใหม่ที่วันนี้ ทำเป็นวันที่สอง ในขณะที่คนเป็นพี่และคนเป็นน้องกำลังทุกข์ใจกับปัญหาใหญ่ ศุภวรรณลูกคนกลางของบ้านไม่ได้รับรู้ปัญหานั้น ถึงรู้ก็คงไม่คิดช่วยอะไร เป็นเพราะเอาความสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง และตอนนี้เธอก็กำลังมีความสุขอยู่ในผับหรู ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น แน่นอนว่าฐานะอย่างเธอไม่มีวันเหยียบย่างเข้ามาในสถานที่ดูแพงได้แน่ ถ้าไม่ได้เข้ามากับรัฐรวิศ ลูกชายมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของประเทศ ที่วันนี้นัดเพื่อนร่วมก๊วนมาสังสรรค์ เพื่อนที่มาร่วมดื่มในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลูกเศรษฐีมีระดับทั้งสิ้น อุปนิสัยใจคอจึงคล้ายๆ กัน เอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ ใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่าเสื้อผ้า และไม่ลงหลักปักฐานที่ใคร คนแรกคืออัมรินทร์หรืออั้ม เป็นลูกขายร้านจิวเวอรี่ชื่อดังของเมืองไทย ส่วนคนที่สองคือภาสกรหรือม่อน ลูกชายเจ้าของโรงแรมดังย่านราชประสงค์ คนที่สามคือดลวิทย์หรือดล ทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าย่านสุขุมวิท และแน่นอนว่า พวกเขาทั้งสี่ได้หนีบสาวสวยที่เรียกกันว่า “เด็กเลี้ยง” มาด้วยที่ตอนนี้ต่างพากันไปห้องน้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม