คลุมถุงชน 1/3

1435 คำ
ST ผับ You can let the top back (back) Feel the wind blow (blow!) I can feel your energy Girl I like your tempo Do you wanna slide with me Vibe with me You aint gotta tell me I already know the answer baby You can let the top back (back) Feel the wind blow (blow!) I can feel your energy Girl I like your tempo Do you wanna slide with me Vibe with me You aint gotta tell me I already know the answer baby DO YOU – ฟักกลิ้ง ฮีโร่ (Ft. BamB amGot7) “ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะค่ะ เพื่อนๆ ไปไหนกันหมดเหรอ” เสียงหวานพูดกรอกหูในระยะประชิด และก็ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่ชิดใกล้ เธอขยับมาทั้งร่างกายที่มีส่วนเว้นส่วนโค้ง เบียดเสียดกับแผงอกของผมอย่างเอาใจ “นั่นสิ เซ็งสุดๆ เลยอ่ะ” ผมหันไปยิ้มหวานให้สาวสวยข้างกายพร้อมกับยกเรียวแขนขึ้นโอบไหล่และลูบต้นแขนเธอเบาๆ สาวสวยยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับการกระทำของผม ใช่ว่าผมอยากมาเที่ยวคนเดียวซะเมื่อไร สามสิบนาทีที่แล้ว... ตุ๊ดดดดดดดดดดด [ว่า?] “ออกมาดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อย ไอ้เรซ” [ไม่ว่าง สอนต้าหนิงทำการบ้านอยู่] ตุ๊ดๆๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้เพื่อนยาก แต่ผมก็ยังไม่ล่ะความพยายามที่จะชวนเพื่อนออกมาเที่ยวด้วย [ไง?] “กูเหงาอ่ะ โต้ง... ออกมาหากูหน่อย” คราวนี้ผมใช้ลูกอ้อนเข้าใส่ และหวังว่ามันจะได้ผล [กูกำลังเสกเด็กเข้าท้องมิรินอยู่ ไม่ว่าง] ตุ๊ดๆๆๆๆ นั้นไง ขนาดใช้ลูกอ้อนก็ยังไม่ได้ผล ใช่สิ! ผมมันก็แค่เพื่อน จะไปสำคัญสู้เมียพวกมันได้ไง แต่ผมก็ยังไม่ล่ะความพยายาม ยังเหลืออีกคน และหวังว่ามันคงไม่มีข้ออ้างอะไรที่พิสดารอีกนะ [มีไร?] “กูดื่มต่อไม่ไหวแล้วว่ะ มาช่วยกูดื่มหน่อย” [ไม่ว่าง กูกำลังฟัน...] “เฮ้ยๆๆ มึงอย่างพูดอะไรที่มันติดเรทนะโว๊ย” ผมรีบท้วงบิ๊กไบค์ก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมา [ติดเรทไรมึง กูกำลังฟันมะพร้าวให้แม่ยายกูอยู่ แม่ยายกูจะเอาไปทำขนม] “อ้าว...กูเข้าใจผิดเหรอ” [กูวางล่ะ] ตุ๊ดๆๆๆๆ “อ้าว เฮ้ย! เดี๋ยวดิ” กลับมาที่ปัจจุบัน... ก็ตามนั่นแหละครับ ไม่มีใครมาสักคน ผมคงไม่มีความสำคัญกับพวกมันแล้วจริงๆ ไม่มีใครสนใจผมเลย เดี๋ยวปัดแช่งให้เลิกกันซะเลยดีไหม หมั่นไส้พวกมันนัก “ทำไมเพื่อนๆ ใจร้ายจังค่ะ ผู้หญิงพวกนั้นมีดีอะไรถึงได้ทำให้ลืมเพื่อนที่น่ารักอย่างเลโอไปได้” ผมไม่ชอบคนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเรื่องของผมหรือเพื่อนผม “เธอไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับผู้หญิงของเพื่อนฉัน” ผมยกเรียวแขนออกจากไหล่ของเธอ แล้วมาจับแก้วเหล้าแทน “ขอโทษค่ะ” เมื่อเธอเห็นกิริยาที่เปลี่ยนไปของผม เธอก็รีบเอ่ยขอโทษทันที “ไม่เป็นไร แต่ว่า ออกไปได้แล้ว ผมอยากอยู่คนเดียว” สาวสวยหน้าถอดสีเมื่อโดนผมไล่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ต่อให้สวยบาดใจแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากทำให้ผมขุ่นเคืองแม้แต่นิดเดียวละก็...ผมจะไม่ชายตาแลอีก ความจริงก็ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก ผมแค่อยากอยู่คนเดียว อยากใช้ความคิดสักพัก อยากคิดทบทวนบางเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นกับผม เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนหน้าวันรับปริญญาเพียงไม่กี่วัน สองอาทิตย์ที่แล้ว ก่อนวันรับปริญญา.... วันนี้ผมกลับบ้านเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน สาเหตุที่กลับมาก็เพราะว่า แม่โทรบอกให้มาเพราะมีธุระสำคัญจะคุยด้วย น้ำเสียงของแม่ฟังดูเหมือนกังวลแปลกๆ ผมจึงรีบขับรถกลับมาบ้านตามที่แม่บอก เมื่อมาถึงบ้าน ผมก็เจอกับรถตู้คันหนึ่งซึ่งไม่ใช่รถของบ้านผม มีแขกงั้นเหรอ? ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อผมเดินเข้ามา แม่บ้านก็ผายมือให้ผมเดินไปที่ห้องรับแขก โดยไม่บอกอะไรแม้แต่น้อย ผมเดินเข้ามายังห้องรับแขก ก็เจอกับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อ ซึ่งผมพอจะจำได้รางๆ ว่าเขาคนนี้คือเพื่อนสนิทของพ่อนั่นเอง ส่วนที่นั่งข้างๆกันก็คือภรรยาของท่าน “สวัสดีครับ” ผมจึงยกมือไหว้ท่านทั้งสองก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวใกล้ๆกับแม่ “เลโอเหรอเนี่ย โตเป็นหนุ่มจนพ่อจำไม่ได้เลยนะ” “ครับ ไม่ได้เจอกันนาน ผมก็เกือบจะจำพ่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน” ผมพอจะจำได้อยู่บ้างว่าเพื่อนคนนี้ของพ่อ เป็นคนที่ท่านสนิทมากที่สุด เพราะแบบนี้ ผมถึงต้องเรียกท่านว่าพ่ออีกคน “งั้นแกก็จำให้ได้เร็วๆล่ะ เพราะนี่คือว่าที่พ่อตาของแก” ผมหันขวับไปหาพ่อคอแทบเคล็ด เมื่อกี้พ่อพูดว่าอะไรนะ? “ใจเย็นๆ ให้เด็กๆ เขาคุยกันเองดีกว่าเรื่องแบบนี้ ฉันไม่อยากบังคับใจพวกเขา” “เอางั้นเหรอ...” “เดี๋ยวนะครับ นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่” ผมหันไปมองหน้าพ่อทั้งสองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “คือว่า...” แม่กำลังจะอธิบาย แต่ยังไม่ทันได้พูดก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน “สวัสดีค่ะ” ผมหันไปมองตามน้ำเสียงหวานนั่น ก็เจอกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาวประบ่า ความสูงของเธอเพียงอกผมเอง คนอะไรตัวเล็กจังว่ะ อย่างกับตุ๊กตา แต่นั้นไม่ได้ทำให้ผมตกใจเท่าที่ว่า ผมเคยเจอเธอมาก่อนที่คอนโดของผม เธอมาหาไอ้โต้งเพราะเป็นญาติกัน “เธอ!” ผมลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “นี่...ลูกจำต้นหลิวได้ด้วยเหรอ” แม่ผมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเหมือนยินดี “ผมเคยเจอเธอที่คอนโด เพราะเธอไปหาไอ้โต้ง แต่เดี๋ยวก่อนนะ!” “ทำไมแม่พูดเหมือนว่าเราเคยเจอกันมาก่อนล่ะ” ผมหันมาถามแม่ “ก็เคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆไง นี่นะ ต้นหลิว ลูกสาวเพียงคนเดียวของเพื่อนสนิทพ่อเราไง และที่สำคัญ เราเคยสัญญากันไว้ว่า ถ้าลูกเกิดมาเพศเดียวกัน เราจะให้เป็นเพื่อนรักกัน แต่ถ้าเป็นคนล่ะเพศ...เราจะให้ลูกๆ แต่งงานกัน” แม่อธิบาย “ห๊ะ!! ได้ไงอ่ะ” ในขณะที่ผมกำลังช็อกกับเรื่องที่ได้ยิน ต้นหลิวกลับยืนนิ่งเหมือนเธอจะรู้เรื่องอยู่แล้ว “เธอรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ” ผมถามต้นหลิว เธอจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ “แล้วทำไมไม่บอกฉัน!” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่เธอด้วยความไม่พอใจ “เลโอ!!” ซึ่งมันทำให้พ่อเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นเหมือนกัน ท่านคงกลัวจะเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนรัก เพราะผมแสดงกิริยาไม่ดีต่อลูกสาวของเพื่อนพ่อ “ผมไม่แต่ง!!” ผมหันมาตอบพ่อทันควันโดยที่ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น “แต่แกต้องแต่ง!!” พ่อลุกขึ้นยืนแล้วโต้กลับอย่างไม่ยอมเหมือนกัน “นี่เธอ!! ทำไมไม่พูดอะไรบ้าง!!” ผมหันไปตะคอกใส่ต้นหลิวที่เอาแต่ยืนเงียบไม่ยอมพูดอะไร “นี่! ฉันพูดก่อนนายมาเยอะแล้ว ตัวเองพึ่งรู้ยังจะมาว่าฉันอีก ตาทึ่ม!!” แล้วผมก็โดนเธอด่ากลับมา “เธอนะสิ ทึ่ม! ถ้าพูดแล้วจริงๆ ทำไมผู้ใหญ่ยังยืนยันให้เราแต่งงานกันอีกล่ะ” “เพราะพ่อเองแหละ” พ่อผมพูดแทรกขึ้น “พ่ออยากให้แกแต่งงานกับต้นหลิว จึงไม่ยอมฟังคำค้านใดๆ” “ทำไมล่ะพ่อ ผู้หญิงเขาก็ปฏิเสธแล้วนิ พ่อจะอะไรอีก” “เพราะว่าต้นหลิวปฏิเสธไง” ผมชะงักค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะทำใจเย็นแล้วฟังพ่อพูดต่อ “ถ้าแกมีดี ผู้หญิงก็คงอยากได้แกไปทำพันธุ์แล้ว แต่ไม่ใช่กับต้นหลิว แกไม่มีดีอะไรให้ผู้หญิงดีๆ อย่างต้นหลิวสนใจเลย รู้ตัวบ้างไหม” ผมรู้สึกชาไปทั้งร่างเมื่อโดนพ่อด่าแบบเบาๆ ผมนี่เหรอ ที่ผู้หญิงไม่อยากได้ ใครๆ ก็อยากได้ผมทั้งนั้นแหละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม