บทนำ
เมืองหลวงแคว้นเหลียวช่างมีชีวิตชีวา งดงามดั่งความฝัน...
แม้ที่ผ่านมาจะมีเหล่าจิตรกรสร้างสรรค์ภาพด้วยปลายพู่กันเพื่อถ่ายทอดทัศนียภาพอันวิจิตรจำนวนมากเพียงใด แต่ภาพเหล่านั้นก็มิอาจเทียบได้เลยกับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าร่างเล็ก ที่นั่งอยู่บนเกวียนเล่มเก่า สิ่งปลูกสร้างที่ต่างจากกระท่อมโทรมๆ และทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่บ้านเกิด ส่งผลให้นางมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ
ล้อเปรอะดินโคลนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เกิดเป็นเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งหลาย แล้วในที่สุดเกวียนก็เทียบจอดลงที่หน้าร้านค้าขนาดเล็ก สองสามีภรรยาอายุยี่สิบปลายๆ รีบก้าวลงไป โดยไม่แม้แต่จะหันมาช่วยบุตรสาววัยห้าขวบที่หันซ้ายหันขวา พยายามหาทางปีนลงไปเสียให้ได้
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! ข้าลงไม่ได้ มันสูงเกินไป” เสียงของชินอ้ายเรียกได้เพียงสายตาเฉยชาของผู้เป็นบิดา ที่ปรายมามองก่อนจะหันกลับไป
ร่างเล็กเห็นดังนั้นก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ท่านพ่อเย็นชากับนางเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมายังเมืองหลวง แต่เด็กน้อยวัยห้าขวบคิดไม่ออกว่าตนเองทำเรื่องอันใดไม่สมควร จึงทำให้อีกฝ่ายเคืองโกรธเข้าเสียได้
แม้จะไม่รู้สาเหตุ นางก็ตัดสินใจตะโกนออกไปอีกครั้ง “ท่านพ่อ...ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไม่ดื้อ ข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง ท่านพ่ออย่าโกรธข้าเลย”
น้ำเสียงของเด็กน้อยฟังดูเว้าวอนจนผู้ที่สัญจรไปมาอดหันมามองด้วยความสงสารไม่ได้ หญิงสาวที่เพิ่งลงจากเกวียนจึงเปิดปากพูด เพราะไม่อยากให้พวกตนกลายเป็นจุดสนใจ
“รออยู่ที่นี่ก่อน”
“ข้าทราบแล้ว” ชินอ้ายเห็นสีหน้าไม่สบายใจของมารดาจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย จนกระทั่งเห็นบุพการีทั้งสองกลับออกมาจากร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เคียงข้างมากับบุรุษวัยกลางคนร่างท้วมผู้หนึ่งซึ่งนางไม่เคยพบหน้ามาก่อน
“ขอบคุณเถ้าแก่มาก”
ร่างเล็กเพิ่งเห็นบิดายิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันก็ยิ้มตามไปด้วย ฟันกระต่ายซึ่งเป็นฟันน้ำนมของนางหลุดจนเป็นช่องโหว่ มองดูแล้วน่าขัน แต่แล้วรอยยิ้มของนางก็หายไปเมื่อคนทั้งสามเข้ามาในระยะประชิด สายตาของเถ้าแก่จ้องตรงมาที่นางราวกับกำลังตีค่าสินค้าชิ้นหนึ่ง
“นี่น่ะหรือ...เด็กที่ว่า”
เสียงแหบแห้งส่งผลให้เด็กน้อยรู้สึกไม่สบายใจ หันไปหามารดา
“ท่านแม่...”
อีกฝ่ายไม่โต้ตอบแต่กลับยื่นมือขึ้นมาอุ้มนางไปวางลงบนพื้น พยายามจัดเสื้อผ้าเก่าที่ผ่านการปะชุนมานับครั้งไม่ถ้วนให้ดูเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือผอมบางหยาบกร้านจากการทำงานหนักเคลื่อนไปตรึงเข้าที่ไหล่เล็ก แล้วหมุนร่างชินอ้ายให้หันมาเผชิญหน้ากับบุรุษแปลกหน้า
“อ้ายเอ๋อร์ ต่อไปนี้เจ้าอยู่ที่นี่ เชื่อฟังคำของเถ้าแก่เฉินให้ดี”
“เหตุใดข้าจึงต้องฟังเขาหรือท่านแม่...” เด็กน้อยถามอย่างโง่งม
สองสามีภรรยากลอกตาไปมา ความจริงการขายทาสในแคว้นเหลียวถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีพ่อค้าบางรายที่แอบซื้อทาสราคาถูกไว้ใช้งานอย่างลับๆ หากไม่อยากเสี่ยงให้ถูกจับได้ก็ต้องรีบจากไปโดยเร็ว
“เถ้าแก่เฉิน เช่นนั้นพวกเราขอลา” หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีกล่าวจบก็ขึ้นเกวียนโดยไม่สนใจเสียงร้องท้วงของบุตรสาว มุ่งหน้าจากไปโดยไม่หันหลังกลับ
ชินอ้ายตกใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม พยายามสะบัดข้อมือที่ถูกอีกฝ่ายตรึงไว้พลางส่งเสียงร้องไปด้วย “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านจะไปไหน อย่าทิ้งข้า...ฮึก! พาข้าไปด้วย”
“หุบปากได้แล้วเจ้า! ประเดี๋ยวกองปราบได้แห่กันมาพอดี” เถ้าแก่เฉินขึ้นเสียงอย่างรำคาญขณะลากร่างที่ดิ้นไม่หยุดเข้าร้าน แต่เด็กน้อยกลับไม่ยอมแพ้ ใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระหยิกเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างแรง
“โอ๊ย! เจ้าเด็กบ้านี่!” ความเจ็บส่งผลให้เถ้าแก่เฉินปล่อยมือ ใบหน้าแดงก่ำ
ชินอ้ายออกตัววิ่งตามทิศทางที่เกวียนมุ่งไปอย่างไม่รอช้า แต่จนแล้วจนรอดกลับยังไม่เห็นรถเกวียนเล่มเก่าแม้แต่เงา เด็กน้อยร้องไห้สะอื้น น้ำมูกน้ำตาไหลผสมเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้า แม้สวมเพียงรองเท้าเก่าขาดแต่นางก็ยังวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตลาดใหญ่ที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่ถึงขั้นเบียดเสียด
“หนีไปเร็ว! ม้าป่าพยศ! ม้าป่าพยศ!”
เสียงฝีเท้าที่ควบเข้ามาใกล้ส่งผลให้เด็กน้อยที่กำลังเสียใจเบือนหน้ากลับมาทางด้านหลัง ถนนที่เคยพลุกพล่านบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความวุ่นวายโกลาหล แผงลอยถูกผู้คนวิ่งชนล้มระเนระนาด เปิดทางให้อาชาสีดำตัวใหญ่พุ่งเข้ามายังทิศที่นางยืนอยู่ด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงยิ่ง!
ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลงด้วยความตกใจ ร่างกายหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง สมองที่ว่างเปล่าส่งผลให้ชินอ้ายไม่มีสติมากพอแม้แต่จะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เงามหึมาทาบทับลงบนร่าง ขนาดของมันย่อมเหยียบนางตายได้ภายในหนเดียว!
ในจังหวะที่สัตว์ร่างใหญ่กำลังจะย่ำเท้าลงมานั่นเอง ร่างในชุดสีขาวบริสุทธิ์กลับโฉบทะยานเข้ามาพาร่างที่สั่นระริกออกไปอีกทาง พ้นอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิด!
ดวงตากลมโตช้อนมองผู้ที่มาช่วยชีวิตตน น้ำตาที่ไหลอาบแก้มเริ่มแห้งเหือด อีกฝ่ายมีใบหน้างดงามประหนึ่งเทพธิดา ดวงหน้ารูปไข่สีขาวบริสุทธิ์ราวกับเปลือกไข่มุก ตัดกับคิ้วโก่งเรียวสีดำ ดวงตาสีเข้มเรียวดั่งตาหงส์ดูลึกลับ เรือนผมดำขลับบางส่วนที่ปล่อยสยายทาบทับลงบนริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูเรื่อ
แม้ผู้ที่ช่วยชีวิตนางไว้ดูอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบ ทว่านางก็มั่นใจว่า ภายภาคหน้าพี่สาวผู้นี้ย่อมเติบโตเป็นหญิงสาวผู้งดงามที่สุดในแผ่นดินอย่างแน่นอน!
เจ้าของดวงหน้าหมดจดไร้ที่ติไม่ถือสากับสีหน้าตะลึงงันของชินอ้าย เนื่องจากเห็นผู้อื่นเป็นเช่นนี้มาจนชินตาเสียแล้ว
ร่างเล็กที่ถูกปล่อยออกจากอ้อมกอดได้สติ รีบคุกเข่าลงบนพื้นหยาบ “พี่สาว! ท่านช่วยข้าไว้ ต่อแต่นี้ข้าจะติดตามรับใช้ท่านไปชั่วชีวิต!”
อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อย แต่ทวงท่าการวางตัวยังคงความสงบและสง่างามดูเป็นธรรมชาติ “ข้ามิได้ต้องการผู้ติดตาม”
เสียงอันไพเราะส่งผลให้ชินอ้ายอ้ำอึ้ง “เช่นนั้น...ข้า...” ทั้งมือและเสียงสั่นไปหมดด้วยความตื่นเต้น ยามนี้ความเลื่อมใสศรัทธาต่ออีกฝ่ายยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง!”
“เจ้าจะเชื่อฟังข้าทุกคำพูดจริงรึ?”
รอยยิ้มบางเบาบนริมฝีปากรูปกระจับส่งผลให้ผู้ที่คุกเข่าอยู่รู้สึกตาพร่า ส่งเสียงตอบกลับราวกับคนละเมอ
“เจ้าค่ะ...ข้าจะเชื่อฟังทุกคำพูดที่ท่านบอก”
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับพี่สาวเทพธิดาผู้งดงามทั้งร่างกายและจิตใจ...