บทนำ อุ้ยอ้าย

1215 คำ
“แม่ขา น้องอ้ายไปก่อนนะคะ คุณพ่อล่ะคะ คุณพ่ออยู่ไหน” เสียงเรียกร่าเริงชัดแจ๋วพร้อมเสียงฝีเท้าที่วิ่งลงบันไดบ้านมาอย่างไม่ดังมากนักนั้น ทำให้อาทิตยาต้องเดินออกมาจากห้องอาหารเพื่อมาตอบคำถามของคนที่น่าจะตื่นเต้นมากอยู่พอสมควรกับการฝึกงานวันแรกในวันนี้ “คุณพ่อออกไปแล้วลูก” วันนี้ขุนพลไม่ได้รอรับประทานอาหารเช้ากับครอบครัวเนื่องจากต้องรีบออกไปเตรียมประชุมงานสำคัญ และคำตอบนั้นก็ทำเอาคนที่อยากเจอพ่อก่อนใครหน้าหงอย “งื้อ...คุณพ่อชอบหนีออกไปก่อนอีกแล้ว ไม่ยอมรอน้องเลย” “คุณพ่อมีประชุมเช้าเลยรีบออกไป อ้ายอย่างอแงสิลูกไม่ใช่เด็กแล้ว” สาวอวบขวัญใจพี่คิงดุลูกสาวคนสวยที่ยังคงทำตัวเป็นเด็กเสมอไม่จริงจังนัก “ก็อ้ายอยากได้กำลังใจจากคุณพ่อก่อนนี่คะ ฝึกงานวันแรกอ้ายตื่นเต้น” “ค่อยไลน์หาคุณพ่อก็ได้จ้ะ เดี๋ยวคุณพ่อว่างแล้วก็ตอบเองนั่นแหละลูก” ขนิษฐา สุธีรากรโชติช่วง หรืออุ้ยอ้ายพยักหน้ารับแบบหงอยๆ แต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับแม่อีก อาทิตยาเห็นดังนั้นเลยเดินมาจูงมือพาลูกสาวไปกินข้าวเช้าด้วยกัน โดยที่ตอนนี้ในห้องอาหารของบ้านก็มีคุณปู่คุณย่าของอุ้ยอ้ายลงมานั่งประจำที่เก้าอี้ของตนแล้ว ครอบครัวสุธีรากรโชติช่วงใช้เวลารับประทานอาหารเช้าร่วมกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำภารกิจยามเช้าของตน ขนิษฐาก็เดินกอดแขนแม่พากันออกมาหน้าบ้าน “วันนี้ฝึกงานวันแรก แม่ว่าน้องอ้ายจะทำได้ไหมคะ” ถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก ความจริงแล้วขนิษฐาไม่ได้กลัว แค่อยากได้กำลังใจจากคนที่รักก็เท่านั้นเอง “ทำได้สิลูก อุ้ยอ้ายเก่งอยู่แล้ว สู้ๆ แม่เป็นกำลังใจให้” “ขอบคุณค่ะ” ขนิษฐายิ้มแฉ่งเมื่อได้ฟังคำพูดเชิงบวกแบบนั้น และในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังสนทนากัน ก็มีรถเบนซ์ป้ายแดงขับเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านด้านใน ก่อนที่ร่างสูงของคนหน้าเรียวท่าทางอารมณ์ดีจะก้าวลงมาจากรถพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก มาดอย่างกับพระเอกยุคเก้าศูนย์ดูคลาสสิกสุดๆ “ได้ข่าวว่ามีคนฝึกงานวันแรก ต้องการรถรับส่งอะเปล่า” “ลุงเล็ก!” ขนิษฐาร้องเรียกอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปกระโดดกอดเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ เล่นเอาคนมาใหม่ไม่ทันตั้งตัวเกือบหงายหลัง “เฮ้ย! มันไม่ใช่หมูน้อยแล้วนะ มันเป็นแม่หมูแล้ว ตัวเบ้อเริ่ม!” วรฤทธิ์บ่นเสียงดุ ส่วนขนิษฐาที่รู้ว่าลุงเล็กก็ปากร้ายไปอย่างนั้นแต่อันที่จริงแล้วใจดีสุดๆ กลับยิ้มแฉ่ง ไม่เกรงกลัว “ฮี่ๆ อาเล็กมารับน้องเหรอคะ ขอบคุณที่สุดเลยค่า อ้ายกำลังต้องการกำลังใจพอดี คุณพ่อทิ้งอ้าย” คนขี้ฟ้องเอ่ยเสียงละห้อยฟังแล้วน่าสงสารเชียว “ปล่อยพ่อเขาไปเครียดคนเดียวเถอะ เดี๋ยวอาไปส่งเราเอง แล้วตอนเย็นจะไปรับด้วยดีมั้ย” “ดีค่ะ” “อุ้ยอ้ายรบกวนคุณอามากไปแล้วนะลูก” อาทิตยาที่ยืนฟังสองอาหลานคุยกันและตามใจกันเอ่ยเตือนลูกสาวเสียงอ่อน “เฮ้ยอวบ เธอจะคิดมากทำไมวะคนกันเองทั้งนั้น ไปๆ ไอ้หมูน้อย เดี๋ยวรถติด ไปกันเถอะ” ว่าแล้วอาหลานที่เข้ากันได้ดีจนอาทิตยาอดหมั่นไส้ไม่ได้ก็ควงแขนพากันเดินไปขึ้นรถพร้อมกับคุยกันกะหนุงกะหนิง... “นี่หมูน้อย อาจะแนะนำอะไรอย่างนะสำหรับการฝึกงาน” วรฤทธิ์เริ่มต้นบทสนทนาเสียงจริงจังเมื่อรถแล่นออกมาได้ราวๆ ห้านาที “ดีเลยค่ะ ลุงเล็กแนะนำน้องหน่อย” วรฤทธิ์หันมาค้อนให้คนเรียกเขาว่าลุงนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองท้องถนนเหมือนเดิม ในใจก็ได้แต่คิด ไอ้หมูน้อยก็เป็นแบบนี้ ชอบเรียกเขาว่าลุงตั้งแต่ยังเล็กๆ จนเขารู้สึกชินชาไปซะแล้ว มันอยากจะเรียกอะไรก็ปล่อยมันไป ยังไงเขาก็โกรธยัยสาวน้อยตัวแสบนี่ไม่ลงหรอก “เวลาเราอยู่ที่ออฟฟิศน่ะ เราอย่าไปอ่อนน้อมถ่อมตนมากไปจนดูหงอ ทำตัวนุ่มนิ่มมากๆ เดี๋ยวคนมันจะหาว่าเราอ่อนแอแล้วรังแกเอาได้ ต้องเข้มแข็ง อย่ายอมให้ใครรังแกง่ายๆ เข้าใจเปล่า” “เข้าใจค่ะ อ้ายจะไม่ยอมให้ใครมารังแกแน่นอนค่ะ” วรฤทธิ์ฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อนักหรอก แต่ก็ไม่อยากขัดเดี๋ยวจะเป็นการตัดกำลังใจ เลยได้แต่เอ่ยต่อว่า “แล้วถ้าใครด่ามาก็ด่ากลับเลย อย่าไปยอมให้มันด่าฟรีๆ” “แต่อ้ายไม่ชอบพูดคำหยาบค่ะมันไม่ดี คุณพ่อกับคุณแม่เขาก็ไม่เคยพูดนะคะ” “ฮะ! พ่อแกนี่นะ น้อยไปสิ อาจะบอกอะไรให้ พ่อหนูน่ะยืนหนึ่งกูมึงเลย” “อันนั้นมันเป็นสรรพนามคนสนิทคุยกันนี่คะ อ้ายเข้าใจ แต่ให้อ้ายด่าใครอ้ายทำไม่เป็นค่ะ” ขนิษฐาไม่ได้แอ๊บแบ๊ว เธอถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นแบบนี้จริงๆ และวรฤทธิ์ก็เข้าใจดี คนมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าเลยแนะวิธีใหม่ “มันก็ไม่ได้หมายถึงคำหยาบคายอย่างเดียว อาหมายถึงว่าถ้าใครมาด่ามาว่าเราโดยไม่มีเหตุผล เราก็ต้องรู้จักเถียงหรือตอบโต้แก้ต่างให้ตัวเอง อย่าให้ใครมาใส่ร้ายเราได้ ไม่ใช่เค้าด่าอะไรมาก็ยืนร้องไห้อย่างเดียว” อธิบายอย่างคนที่รู้จักนิสัยแม่ลูกบ้านนี้ดี ตอนยัยอวบนั่นก็ทีละ ไม่ค่อยจะสู้คน ตอนนี้มันเป็นยุคของหมูน้อย เขาไม่อยากให้หลานโดนรังแกเหมือนที่แม่มันเคยโดน “อ๋อ...โอเคค่ะ” คนเพิ่งเก็ตอ๋อซะยาว ก่อนจะยิ้มแฉ่งแล้วเอ่ยขอบคุณคุณอาสุดที่รักเบาๆ จากนั้นก็เอนกายนอนพิงเบาะรถอย่างสบายอารมณ์ ลืมความตื่นเต้นของการฝึกงานวันแรกไปหมดเลย แต่ครั้นนึกอะไรได้บางอย่างก็ยืดกายมานั่งตัวตรง แล้วจับแขน วรฤทธิ์เขย่าเบาๆ พลางเอ่ยถามเสียงงุ้งงิ้ง “ลุงเล็กว่าน้องจะทำได้มั้ยคะ อ้ายจะผ่านการฝึกงานหรือเปล่า” นี่คือสิ่งสำคัญสำหรับขนิษฐาจริงๆ ก็อย่างที่บอกว่าไม่ได้กลัวเลย แค่อยากได้กำลังใจและความเชื่อมั่น “ได้สิ อาเชื่อว่าหมูน้อยทำได้แน่นอน” แม้จะขัดหูตอนถูกเรียกลุง แต่วรฤทธิ์ก็ให้กำลังใจหลานเต็มที่ พอได้รับพลังบวกอีกรอบหมูน้อยของลุงเล็กก็ยิ้มแฉ่ง จากนั้นสองอาหลานก็พากันสนทนาเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนิษฐานั่นแหละที่ช่างคุยช่างเปิดหัวข้อสนทนา แล้วพอมาเจอกับคนพูดมากอย่างวรฤทธิ์อีก เลยกลายเป็นว่าตลอดทางกว่าจะถึงบริษัทที่ฝึกงานในรถนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม