มือของจางหลิงเวยสั่น ขอบตานางแดงระเรื่อ ทั้งคับแค้นใจและรู้สึกอดสู กระนั้นด้วยความที่สมัครใจมาทำภารกิจนี้เพื่อบ้านเมือง นางจึงเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้และทำตามที่มู่ชิงซานต้องการ ทว่าไม่ทันที่นางจะเผยดอกบัวคู่งามให้เขาได้ลิ้มรสหอมหวาน เสียงหยวนซางก็ดังขึ้น
“ท่านอ๋อง เกิดเหตุร้ายแล้ว ข้าต้องพบท่านโดยด่วน”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก จากนั้นจึงสั่งให้หญิงสาวทั้งสามออกไปให้พ้นๆ หน้าเขาเสีย
อึดใจต่อมาหยวนซางก็มายืนเหงื่อท่วมร่างอยู่ตรงหน้ามู่ชิงซาน พร้อมกล่องไม้รูปร่างแปลกตา
“มีผู้นำสารส่งของสิ่งนี้มาให้ท่านอ๋อง”
“ข้าไม่ต้องการเจรจาอันใดกับแคว้นหมิง เหตุใดพวกมันยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจนี้”
หยวนซางถอนหายใจแรงๆ สีหน้าเขาเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่ออก
“โถ ท่านอ๋อง ยามนี้หากจะว่าไปตามตรงเรากำลังเสียเปรียบ ทหารที่ถูกรัชทายาทสับเปลี่ยนไปล้วนมากฝีมือ ส่วนที่อยู่กับเราตอนนี้ครึ่งหนึ่งกำลังป่วยไข้ ซ้ำร้ายยังไม่มีทางรักษาพวกเขาให้หาย ขวัญและกำลังใจทหารย่อมต้องเป็นท่านที่ต้องเรียกกลับคืน”
“นี่เจ้ากำลังออกคำสั่งข้า” มู่ชิงซานถลึงตาใส่หยวนซาง
“หามิได้ หากข้ากระทำเช่นนั้น มิแคล้วหัวคงได้หลุดจากบ่า”
“ฉะนั้นยังนับว่าเจ้ายังมีปัญญา แล้วนำกล่องไม้หน้าตาพิลึกเช่นนี้มาให้เพื่อการใด” มู่ชิงซานมองไปยังสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ข้าไม่แน่ใจว่าคนของแคว้นหมิงต้องการสิ่งใด นอกจากป้ายหยกของจวิ้นอ๋องที่ท่านได้รับ สิ่งที่อยู่ในกล่องนี้คงสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งอาจเป็นการข่มขู่”
“ข่มขู่!” มู่ชิงซานนึกว่าตนหูฝาด แผ่นดินเล็กๆ และยังมีผู้ปกครองที่อ่อนแอไฉนกล้าคิดทำการใหญ่เช่นนั้น
“ท่านอ๋อง อาจเป็นไปได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราประมาทเกินไป”หยวนซางกล่าวด้วยเสียงเหมือนคนใกล้หมดแรง ก่อนที่เขาจะเปิดกล่องดังกล่าว และมันทำให้โทสะของมู่ชิงซานปะทุ เส้นเลือดที่ขมับเต้นแรง ร่างกายร้อนจัดจนแทบจะระเบิด
“นิ้ว!” หยวนซางแข้งขาอ่อน เขาทรุดลงไปกองบนพื้น
“ใครมันบังอาจล้อเล่นกับข้าเช่นนี้” มู่ชิงซานตวาดเสียงดัง ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งที่นิ้วชี้ในกล่องไม้ ซึ่งสวมแหวนหยกแกะสลักลายมังกรและชื่อของมู่หรูซื่อ
หยวนซางหวิดเป็นลมในขณะนั้น แต่เขาฝืนประคองสติของตนไว้และเอ่ยว่า “ข้าเกรงว่าตอนนี้จวิ้นอ๋องคงตกอยู่ในอันตราย และฟ้าดินกำลังลงโทษเรา!”
มู่ชิงซานกำหมัดแน่น ใจห่วงน้องชาย แต่ความแค้นตอนนี้ก็คือเขาต้องตามหาสตรีที่มอบป้ายหยกประจำตัวมู่หรูซื่อให้แก่เขาจงได้ สตรีซึ่งมีจมูกประหลาดใหญ่โตแปะอยู่บนใบหน้า
“สวรรค์โปรดเมตตา นาง ย่อมต้องเป็นนาง หญิงอัปลักษณ์จมูกสุกร!!”
ชายหนุ่มพุ่งออกมาจากกระโจมไม่ฟังเสียงทัดทานผู้ใด เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ด้านนอกเกิดความโกลาหล ทหารปลายแถวที่มู่หรูซื่อหลงกลพี่ชายคนโตของพวกเขาสับเปลี่ยนกำลังมาแทน ต่างร่ำร้องหามารดาของพวกมันราวกับเด็กทารกยังไม่หย่านม
“แย่แล้วท่านอ๋อง ทหารเหล่านั้นต่างอยู่ในความหวาดกลัว” หยวนซางไม่อยากรายงานสิ่งใด แต่กลับถูกเหล่าแม่ทัพและนายกองผลักให้เขามาแจ้งข่าว ตอนนี้กลุ่มกำลังทหารที่เป็นคนของมู่จื้อถิงซึ่งดำรงตำแหน่งรัชทายาทแห่งต้าหลางกำลังแข็งข้อ เพราะเมื่อมู่หรูซื่อหายตัวไป พวกเขาก็ถูกเป่าหูว่ามู่ชิงซานสั่งเก็บน้องชายตนเอง!
“ข้าบอกแล้ว หากพวกมันกลัวตาย ก็สั่งให้ขุดหลุมแล้วฝังกลบตนเองเสีย” มู่ชิงซานกล่าวจบจึงกระโดดขึ้นควบม้าคู่ใจและออกไปในจุดที่เขาเคยพบสตรีอัปลักษณ์ เขาเชื่อว่านางกำลังรอคอยเขาอยู่ มันย่อมเป็นแผนของนาง สตรีแคว้นหมิงแผ่นดินเล็กๆ ที่กล้ากระตุกหนวดหมาป่ารัตติกาลอย่างเขา
“ท่านอ๋อง ช้าก่อน แล้วที่นี่ผู้ใดจะนำทัพ” หยวนซางวิ่งตามมาแล้วพุ่งไปขวางหน้าจนเกือบถูกม้าตัวโตเหยียบ
“ข้าจะตามตัวหรูซื่อกลับมา จากนั้นก็ให้เขานำพาทหารปลายแถวกลับต้าหลาง ส่วนคนของข้าให้อยู่ที่นี่ และข้าจะสั่งเผาแคว้นหมิงให้มอดไหม้จนไม่เหลือซาก”
“หากกระทำเช่นนั้น ย่อมเป็นการขัดคำสั่งฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาท่าน”
“ฮ่าๆ ตั้งแต่เกิดมามีครั้งไหนที่บิดากล่าวแล้วข้าเชื่อฟัง”
หยวนซางได้ยินเช่นนั้นก็น้ำตาตก เขาจะขัดมู่ชิงซานผู้เป็นเจ้านายที่มีอำนาจเหนือชีวิตได้หรือ
ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ได้คิดว่านางจะต้องกระทำเรื่องน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนแต่เกาเจียวหั่วได้พบร่างของทหารต้าหลาง และคนผู้นั้นได้รับพิษประหลาดพิษซึ่งดูเหมือนจะมีต้นตอมาจากตำหนักเย็นที่นางอาศัยอยู่
“อาเจี๋ย เจ้ากระทำเรื่องใหญ่เกินตัว เช่นนี้หัวอาจหลุดออกจากบ่า!”
“พี่หั่ว ข้าอยากบอกให้ท่านรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่ฝีมือสตรีผู้นี้ มีคนต้องการใส่ความข้า อีกอย่างพิษดังกล่าวคล้ายคนเป็นไข้หวัด ทว่ามันอันตรายถึงแก่ชีวิต ติดต่อทางการสัมผัสและไอจาม นี่คงเป็นเหตุให้ทหารต้าหลางล้มป่วยลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรเราต้องป้องกันคนของเราด้วย มิเช่นนั้นอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่”
“พี่เข้าใจ” เกาเจียวหั่วพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามต่อ
“แล้วบุรุษที่เจ้าจับตัวไว้จะทำเช่นใดต่อ”
“ชายผู้นี้ควรเป็นผู้นำทัพแทนพี่ชายเขา ส่วนมู่ชิงซานอ๋องปีศาจ หากหายสาบสูญไปได้ แผ่นดินนี้ย่อมเป็นสุข”
“เฮ้อ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องตลกอันใดอาเจี๋ย”
“ฮึๆ เดี๋ยวพี่หั่วก็รู้ หากคาดการณ์มิผิด ตอนนี้บุรุษแซ่มู่คงกำลังคลั่งเหมือนหมาบ้า ด้วยกองทัพระส่ำระสาย และน้องชายยังตกอยู่ในมือผู้อื่น”
“เจ้านี่มัน!” เกาเจียวหั่วยื่นมือหมายจะขยี้ผมเส้นเล็กดำละเอียดบนศีรษะของฟ่านรั่วเจี๋ย แต่พอนางขึงตาใส่ เขาจึงแสร้งทำเป็นกลัวเกินจริง
“ขืนทำร้ายข้า เดี๋ยวจะกัดพี่หั่วให้จมเขี้ยวเลย”
“ฮ่าๆ อาเจี๋ย ไม่ต้องกัดข้าหรอก เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมา ข้าคงสลบไปหลายชั่วยาม” เขาเย้าแหย่นางและมองผ้าปิดจมูกซึ่งปักลายดอกโบตั๋น พิศอยู่นานก่อนหัวเราะเสียงรื่นเริง
“พี่ไม่รู้ว่ามันเป็นความโชคร้ายหรือโชคดีของเจ้าที่เกิดมาพร้อมสิ่งติดตัวแปลกประหลาดเช่นนี้” เขาหมายถึงจมูกของนาง เขาเคยเห็นไม่กี่ครั้งแต่กระนั้นก็ยังอดแขยงไม่ได้
หญิงสาวมองแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าแล้วทำเสียงฮึ่มๆ ใส่เขา
“ฮึ ข้าให้พี่หั่วกล่าวใหม่อีกหน”
“สตรีที่ไหนชอบข่มเหงบุรุษ ข้ามิใช่เพื่อนเล่นเจ้าเสียด้วย อีกทั้งเป็นถึงแม่ทัพไร้พ่ายของแคว้นหมิง”
“แต่ข้ามิเกรงกลัวพี่สักนิด ก้นดำๆ ก็เคยเห็นมาแล้ว มิหนำซ้ำสมัยก่อนยังชอบไหว้วานให้ข้าส่งของไปบอกรักองค์หญิงใหญ่”
“อย่าได้เอ่ยเรื่องเหลวไหลเช่นนั้น สิ่งที่เจ้ากล่าวอาจทำให้องค์หญิงเยี่ยฉีเสื่อมเสียเกียรติ” เกาเจียวหั่วเปลี่ยนอารมณ์เป็นขึงขังเมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยถึงหญิงสาวที่เขามีใจให้ แต่นางเป็นพี่สาวหมิงอ๋อง และดำรงตำแหน่งกงจู่ ชาตินี้เขาจึงมิอาจเอื้อมที่จะดึงนางลงมาเป็นคู่ชีวิต
“เฮอะ อย่างไรเสียพี่หั่วก็ทำได้แค่มององค์หญิงใหญ่ห่างๆ ถ้าไม่รีบแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ นางอาจตกเป็นของอ๋องอำมหิตจากต้าหลาง”
“ไม่มีทาง พี่จะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ทำท่าฮึดฮัด แล้วเตรียมก้าวจากฟ่านรั่วเจี๋ย ทว่าเขาฉุกคิดถึงบางสิ่งได้เสียก่อน
“อาเจี๋ย ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ พี่ยังไม่ได้พบบุรุษที่เจ้าจับตัวมา ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด”
ฟ่านรั่วเจี๋ยยิ้มด้วยดวงตา นางกล่าวชวนให้อีกฝ่ายขนลุกว่า
“บุรุษโฉมงามผู้นั้นกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ป่านนี้คงใกล้ถึงที่หมาย แต่น่าเสียดายตรงที่นับแต่ก้าวขาออกจากตำหนักเย็น เขาก็ไม่ใช่จวิ้นอ๋องหรูซื่อคนเดิม!”
เกาเจียวหั่วถอนหายใจออกมาแรงๆ เขารู้ว่าฟ่านรั่วเจี๋ยเป็นสตรีที่ชอบเล่นแร่แปรธาตุ แต่นางหาใช่คนใจคอโหดเหี้ยม ให้ร้ายที่สุดก็คือเป็นหมอตำแยที่ชอบปรุงสมุนไพรแปลกประหลาดเท่านั้น
“เจ้าทำสิ่งใดโดยพลการหรือไม่อาเจี๋ย รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้พวกเราทุกคน”
“พี่หั่ว ข้าไม่ได้ทำการอันใด เพียงแค่ส่งเสริมให้คนที่อยู่เบื้องหลังการวางยาพิษทหารต้าหลางเห็นว่าคนของตำหนักเย็นไม่ใช่แพะที่พวกเขาจะมาปรักปรำได้ง่ายๆ”
“พี่สับสนไปหมด นี่หมายความว่าการล้มตายของทหารต้าหลางไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”
“ฮึ ฟ้าดินโปรดเป็นพยาน สตรีจิตใจดีงามเช่นข้าเห็นชีวิตผู้คนเป็นผักปลาเสียตั้งแต่เมื่อไร ข้าน่ะหรือจะกล้าวางยาฆ่าคน”
“ฉะนั้นเป็นผู้ใดกระทำแล้วโยนความผิดให้เจ้า”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย นางกล่าวเสียงเนือยๆว่า “ต้าหลางมีหนอนบ่อนไส้ฉันใด แคว้นหมิงก็มีผีร้ายที่จ้องจะกลืนกินชีวิตผู้คนฉันนั้น!”
มู่ชิงซานควบม้ามาได้ครึ่งทางเจียนจะถึงจุดที่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้นั้น และเขาก็เกิดลางสังหรณ์ประหลาด สายลมแรงพัดผ่านร่าง อากาศเย็นแปลกๆ คล้ายมีพายุฝน แล้วเพียงอึดใจต่อมา ม้าตัวโตก็เกิดอาการพยศมันร้องเสียงดังวิ่งปัดเป๋คล้ายถูกยาสั่ง เป็นตอนนั้นที่มีลูกธนูพุ่งออกมาจากแนวป่าราวกับห่าฝน!!