กระทั่งเข้าไปใกล้แนวกำแพงเมืองนางก็ส่งสัญญาณให้แก่เกาเจียวหั่วเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปดับ แม่ทัพหนุ่มของแคว้นหมิงก็ยิ้มกว้างอวดฟันขาวมาอยู่ตรงหน้านาง
“อาเจี๋ย เจ้าซุกซนอีกแล้วใช่หรือไม่”
“พี่หั่ว ข้าจะทำเช่นนั้นได้หรือ รู้ไหมข้าต้องเสี่ยงภัยสักเพียงใด แต่นับว่าทุกอย่างยังเข้าข้างเรา ชายผู้นั้นจู่ๆ ก็ปรากฏตัวให้ข้าเห็น ตอนนี้ข้าได้สั่งให้เขาถอยทัพลูกหมาห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้แล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างอวดอ้าง พลางนึกถึงใบหน้าของมู่ชิงซาน คนอย่างเขาให้ดีก็แค่ชอบขู่ ให้กัดจริงคงไม่กล้า!
“เจ้าหมายถึงทหารเลวของต้าหลาง”
“มิผิด รู้หรือไม่ ข้าจับตัวน้องชายของชินอ๋องชิงซานเอาไว้ เขาย่อมไม่อยากให้น้องชายผู้อ่อนแอสิ้นลมหายใจในมือของข้า”
แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น เขายังตามฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ทัน นางเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเล่าเรื่องต่างๆ อย่างรวบรัดให้เขาฟัง
“ข้าออกมาเก็บสมุนไพร และตั้งใจไปสืบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวังอีกทั้งได้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่กำลังไม่สบายใจ นางถูกบีบบังคับให้ไปรับใช้...ปีศาจสงครามชิงซาน” ฟ่านรั่วเจี๋ยหมายถึงฟ่านเยี่ยฉี สตรีที่เป็นของกำนัลจากสวรรค์ นางเลอโฉมหาผู้ใดเทียบได้ เปรียบเสมือนสิ่งล้ำค่าของแคว้นหมิง
“มันช่างเหิมเกริม ไอ้ลูกหมาชิงซานตั้งใจลบหลู่เกียรติพวกเรา องค์-หญิงใหญ่คือไซซีแห่งแผ่นดินหมิง ไฉนจะทำตัวเป็นของเล่นคนแซ่มู่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจฟ่านรั่วเจี๋ยสั่นไหว นางอดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ ผู้ชายทุกคนล้วนเห็นความงามของฟ่านเยี่ยฉีสำคัญต่อแผ่นดิน ส่วนสตรีที่อยู่ตำหนักด้านหลังวังกลับไร้ผู้เหลียวแล ถึงเก่งกาจเพียงใด แต่ในสายตาผู้ชาย ฟ่านรั่วเจี๋ยย่อมเป็นรององค์หญิงใหญ่ ใช่ เรื่องนี้นางรู้และเข้าใจ ผู้คนย่อมมองสตรีที่ภายนอก กระนั้นฟ่านรั่วเจี๋ยก็หวังอยู่ลึกๆ ว่าเกาเจียวหั่วจะไม่เหมือนคนอื่น!
“เช่นนั้น ข้าจึงสั่งให้เขาถอยทัพออกห่างจากกำแพงเมือง”
“ทุกอย่างมันง่ายดายเช่นนั้น?”
ฟ่านรั่วเจี๋ยรู้ว่าแม่ทัพหนุ่มไม่ใช่คนเฉลียวฉลาด แต่เขานับว่าเป็นบุรุษองอาจและกล้าหาญ อีกอย่างใครที่ได้ฟังนางกล่าวคงนึกประหลาดใจอยู่หลายส่วนที่หมาป่ารัตติกาลจะยกทัพถอยไปง่ายๆ
“ใช่ พี่หั่วฟังไม่ผิด ตอนนี้ในพวกทหารเลวของต้าหลางกำลังได้รับพิษบางอย่าง พิษที่จะค่อยๆ แทรกซึมทำให้พวกมันต้องถอยร่นไปจากกำแพงเมืองเรา” ซึ่งเรื่องนี้ฟ่านรั่วเจี๋ยได้รับการช่วยเหลือจากคนผู้หนึ่ง เขาตัดขาดความวุ่นวายของวังหลวงไปหลายปี กระนั้นเขาก็ยังรักบ้านเมือง ไม่คิดปล่อยให้ศัตรูบุกมาทำลายแผ่นดินเกิด
หัวคิ้วเข้มๆ ที่หนาและยุ่งอยู่สักหน่อยของเกาเจียวหั่วขมวดเข้าหากัน ดวงตาเรียวมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนเอ่ยเสียงขึงขังเจือด้วยคำตำหนินาง “แคว้นหมิงย่อมไม่เล่นสกปรกในการศึก หากกระทำเช่นนั้นนับว่าไร้ศักดิ์ศรี”
“พี่หั่ว ข้าเป็นสตรีที่แผ่นดินหมิงทิ้งไว้ให้อยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ใครๆอยากลืม แม้แต่หน้าก็ไม่คิดมอง ฉะนั้นย่อมไร้เกียรติอันใด การช่วยให้ท่านเอาชนะมู่ชิงซานด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ นับว่าสมควรที่เขาจะได้รับบทเรียนที่คิดชั่วต่อบ้านเมืองเรา”
เกาเจียวหั่วส่ายศีรษะ แล้วถอนหายใจติดกันอีกหลายหน
“เวรกรรมหนอเวรกรรม เจ้าก่อเรื่องใหญ่โตอีกแล้วอาเจี๋ย!!”
มู่ชิงซานกลับมาถึงกองทัพของตนและหยวนซาง ผู้สงบนิ่งเป็นวิสัยมาโดยตลอดมีสีหน้าไม่สู้ดี อีกทั้งเดินรอบกระโจมเป็นวงกลมราวกับถูกมดรุมกัด
“หากยังไม่หยุดก้าว ข้าจะสั่งทหารตัดขาทั้งสองข้างของเจ้าเสีย”
กุนซือหนุ่มถอนหายใจหลายเฮือก สถานการณ์ตอนนี้สุ่มเสี่ยงมากอีกทั้งเขาต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นโดยด่วน
“โถ ชินอ๋อง เรื่องนี้มันเป็นภัยที่พวกเราไม่รู้จัก และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คราแรกนึกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่เหตุใดทหารจึงได้และเสียชีวิตนับร้อย!”
ผู้นำทัพต้าหลางขบกรามแน่น เขาพยายามคาดเดาไปต่างๆ นานากระทั่งภาพสตรีผู้นั้นปรากฏขึ้นในหัว สิ่งนี้เป็นลางบอกเหตุใช่หรือไม่ มู่ชิงซานอยากไขคำตอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
“แคว้นหมิงอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผัก ผลไม้ และเพาะปลูกได้ดี”
“ข้ารู้!” มู่ชิงซานตอบกลับด้วยสุ้มเสียงหงุดหงิด
“เป็นเช่นนั้น และยังมีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย ที่สำคัญ...” หยวนซางเว้นจังหวะเล็กน้อย พลางยกมือลูบเนื้อตัวตนเอง
“เจ้าต้องการกล่าวถึงสิ่งใด”
“สมุนไพรบนแผ่นดินเล็กๆ นี้คือสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายกลุ่มหมอตำแยมักดั้นด้นมาที่นี่ เพื่อค้นหาวัตถุดิบชั้นเลิศเพื่อปรุงยา ทั้งรักษาผู้คนและวางยาให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
“เหลวไหล เรื่องเหล่านี้มีแต่เขียนไว้ในนิทานหลอกเด็ก”
“หามิได้ชินอ๋อง ครั้งหนึ่งฮ่องเต้แคว้นหมิงได้สั่งจับตัวหมอยาและหมอตำแยมากมาย เพื่อสืบค้นถึงยาลับของสกุลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เชื่อกันว่ายาพิษชนิดนี้ยังคงมีอยู่ และได้รับการสืบทอดถึงลูกหลานมาจนถึงทุกวันนี้”
“ฮ่าๆ เจ้ากำลังหมายความว่า ทหารต้าหลางถูกมือชั่วลอบวางยางั้นรึ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น และการคาดการณ์ของข้าย่อมไม่ผิด” หยวนซางตอบ
“ฮึ คนชั่วช้าทำเรื่องบัดซบเช่นนี้ ย่อมเป็นชาวหมิง”
หยวนซางปั้นสีหน้ายุ่งยากใจ แล้วกล่าวตอบคนเป็นนายของตนว่า“ถ้าหากผู้ที่กระทำการดังกล่าวเป็นคนของต้าหลางเสียเอง ชินอ๋องจะสั่งตัดหัวพวกเขาหรือไม่!”