หลังจากผ่านบทรักอันร้อนแรงมาเกือบทั้งคืน คนทั้งสองก็นอนอย่างหมดแรงอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยเปล่า ชญานีรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่เลือกผู้ชายคนนี้ เพราะเขารุนแรงและป่าเถื่อนจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เจ็บปวดระบมไปทั้งตัวจนแทบจับไข้
นอนเอาแรงจนเกือบจะถึงบ่ายโมงแล้ว เปลือกตาสวยก็ค่อย ๆ ขยับ คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน เมื่อรู้สึกว่ามือตัวเองกำลังสัมผัสกับอะไรแข็ง ๆ เจ้าหล่อนลูบไล้มันอย่างเบามือ ก่อนจะกำรอบสสารที่มีลักษณะคล้ายแท่งอะไรบางอย่าง
“ซี๊ด...จะยั่วกันแต่เช้าเลยเหรอ”
เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหู ทำให้ดวงตาสวยเบิกโพลง ภาพแห่งความร้อนแรงเมื่อคืนฉายเข้ามาให้เห็นทันที
“ตายแล้ว! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย” เจ้าหล่อนผละตัวออกมา จะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือดูเวลา แต่ทว่าชายหนุ่มที่นอนเปลือยกายอยู่ตรงหน้ากลับรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหน” น้ำเสียงงัวเงียบ่งบอกว่ายังคงไม่เต็มอิ่มกับการนอนหลับพักผ่อน
“เอ่อ...ฉันต้องกลับแล้วค่ะ เอาไว้คราวหน้าค่อยเจอกันใหม่นะคะคุณคริส”
“คิดเหรอว่าจะหนีไปได้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันเธอนะแม่นักฆ่าร้อยลีลา หึๆ”
“คะ...คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ ปล่อยนะฉันจะกลับ” เจ้าหล่อนพยายามดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ
“ปล่อยให้โง่สิ นับจากวันนี้ไปอิสรภาพของเธอได้หมดสิ้นลงแล้ว อยากฆ่าฉันนักใช่ไหม ฉันจะให้เธอได้อยู่ใกล้ฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง โดยที่ทำอะไรฉันไม่ได้ ดูซิว่าจะทนได้สักกี่น้ำ” คริสดึงร่างอันอ่อนแรงเข้ามานอนซบบนตัว กอดเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ถือวิสาสะดอมดมตามพวงแก้มขาวอย่างหื่นกระหาย
“คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วแน่ ๆ ฉันไม่ใช่นักฆ่าอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันไปเถอะนะ ในเมื่อเราต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งคู่แล้ว” ชญานีทำหน้าเศร้าเพื่อให้เขาใจอ่อน
“ไม่ต้องมาใช้มารยาหญิงกับฉันหรอก มันไม่ได้ผลรู้ไว้ด้วย”
“แล้วคุณจะให้ทำยังไงถึงจะปล่อยตัวฉันไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงให้คุณเชื่อแล้ว”
“ไม่มีทางปล่อย จนกว่าฉันจะพอใจ รีบใส่เสื้อผ้าซะเราจะได้รีบไปกัน” เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ชญานีรีบลงจากเตียงไปเก็บเสื้อผ้า ที่เกลื่อนบนพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ
“จะไปไหน” ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามขู่ พร้อมเล็งปลายกระบอกปืนไปที่เธอ เท้าน้อย ๆ ชะงักงัน ค่อย ๆ หันหลังกลับมามอง
“นะ...นี่คุณจะเอาจริงงั้นเหรอ ฉันไหว้ล่ะนะ ตัวฉันคุณก็ได้ไปแล้ว อย่างน้อยคุณก็มีความเป็นไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง คนไทยมีน้ำใจนะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ใช่คนที่คุณพูดถึงจริง ๆ” ชญานียกมืออันสั่นเทาขึ้นมาไหว้
“นอกจากจะเก่งเรื่องบนเตียงแล้ว เธอยังเก่งเรื่องการแสดงอีกนะ ฉันยอมรับว่าไอ้ลูคัสมันฝึกคนมาดีจริง ๆ ยืนนิ่ง ๆ อย่าขยับ” คริสลุกขึ้นจากเตียง เดินไปสวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ สายตายังคงจ้องมองหญิงสาวแทบไม่กะพริบ
“คุณจะพาฉันไปที่ไหนเหรอ”
“บ้านฉัน”
“ฉันไม่ไปได้ไหม ตอนนี้เพื่อนฉันกำลังรออยู่ที่บ้านเหมือนกัน ถ้าฉันยังไม่กลับมันจะต้องไปแจ้งความแน่ ๆ แล้วคุณก็จะเป็นผู้ต้องหานะ”
“คิดเหรอว่าฉันจะกลัว ที่เมืองนี้ฉันมีอิทธิพลยิ่งกว่าตำรวจงี่เง่าไร้ประสิทธิภาพพวกนั้นเสียอีก ถึงยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้นหรอก”
“ฮือ...ฉันไม่อยากไป ปล่อยฉันไปเถอะนะ” เจ้าหล่อนนั่งลงบนพื้นร้องไห้เสียงดังราวกับเด็กน้อย รู้สึกแย่กับตัวเองที่เลือกคนผิด ไม่น่าเลยจริง ๆ
“โตจนนมใหญ่เท่าหัวเด็กแล้วยังจะมานั่งร้องไห้อยู่อีก ไม่สมกับที่เป็นนักฆ่ามืออาชีพเลยจริง ๆ ฉันให้ทางเลือกเธอสองทาง ทางแรกไปกับฉัน ส่วนอีกทางคืออยู่ที่นี่ต่อไป แต่อยู่อย่างไร้วิญญาณนะ” ว่าพร้อมกระตุกยิ้มร้าย เล็งปลายกระบอกปืนมาที่เธอพร้อมจะเหนี่ยวไกทุกวินาที
“ไอ้คนบ้า นี่น่ะเหรอทางเลือกของคุณ เลือกทางไหนก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นเลย ฮือ...”
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง....สอง....”
“โอเค ๆ ฉันยอมไปกับคุณก็ได้”
“ไปก็ลุกขึ้นสิ!”
“ทำไมต้องตวาดด้วยเนี่ย ไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมีย” ประโยคหลังเธอบ่นอย่างเบาเสียง คริสได้ยินไม่ถนัดหูจังเอ่ยถามอีกครั้ง
“ว่ายังไงนะ”
“เปล่า!”
“ถ้าคิดจะตุกติกฉันยิงไม่เลี้ยงแน่!” เขาขู่เป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะจูงมือออกไปจากห้อง
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
รถหรูเคลื่อนล้อเข้ามายังคฤหาสน์สไตล์อเมริกัน ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนหญ้าเขียวขจีบนเนื้อที่หลายไร่ ชญานีได้แต่นั่งนิ่ง ๆ มองภาพนั้นด้วยแววตาใสแป๋ว เพราะตั้งแต่อยู่เมืองนี้มาไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อน ทางเข้าสลับซับซ้อนจนแทบจะจำทางไม่ได้
“ถึงใช่แล้วไหม”
“อืม ถึงแล้ว ทำไม! กำลังคิดหาทางเล่นงานฉันอยู่เหรอแม่ตัวดี”
“แม่คุณสอนให้พูดจากับผู้หญิงแบบนี้เหรอ”
“นี่เธอ! อย่ามาลามปามถึงแม่ฉันนะ ไม่งั้นฉันยิงกบาลเธอแน่”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันพาดพิงถึงแม่คุณ ก็ช่วยทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษหน่อยได้ไหม สะกดคำว่าลูกผู้ชายเป็นไหม”
“ฉันไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ ชอบกระทำมากกว่า เธอก็รู้ว่ามันถึงใจดีแค่ไหน หึ ๆ”
“ไอ้…”
“หุบปาก ไม่งั้นฉันจับไอ้นี่ยัดปากเธอแน่” เขาว่าพลางจับที่กลางเป้าตัวเอง ใบหน้าหล่อแสดงความป่าเถื่อนออกมา จนชญานีรู้สึกหวาดกลัวและขยะแขยงไปพร้อม ๆ กัน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่าคิดผิดที่จับตัวฉันมา” ว่าแล้วก็เปิดประตูรถลงไป
ยังไม่ได้ขยับเท้าเลยสักก้าว ชญานีก็ถูกชายนิรนามใบหน้าฝรั่งจ๋า สวมสูทสีดำดูน่าเกรงขาม คุมตัวเอาไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะไปทำร้ายใครเสียอย่างนั้น
“กรี๊ด! ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ฉันไม่ใช่โจรผู้ร้ายสักหน่อย” เจ้าหล่อนตะโกนร้องลั่นด้วยความตื่นตกใจ
“เงียบเดี๋ยวนี้เลย” คนที่กำลังจับมือชญานีขัดไว้ด้านหลังข่มขู่ด้วยสีหน้าเด็ดขาด
“เอาตัวตามฉันเข้าไป” ลงมาจากรถแล้วคริสก็ออกคำสั่ง แล้วเดินนำหน้าไป
“ฉันไม่ใช่นักโทษของพวกแกนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ อื้อ...” พูดได้แค่ประโยคเดียว ก็ถูกปิดปากด้วยมือข้างหนึ่งของเอเดน ซึ่งเป็นสมุนมือขวาคนสนิทของคริส และเป็นผู้แจ้งเบาะแสเรื่องการลอบสังหารในครั้งนี้
..........