“งั้นก็ตามใจฉันตั้งแต่ตอนนี้เลยละกัน ฉันอยากจนไอ้นี่มันแข็งไปหมดแล้ว” คริสบดเบียดแก่นกายที่แข็งตัวอย่างเต็มที่ ไปยังหน้าขาของเจ้าหล่อน มือข้างหนึ่งก็ถลกเสื้อขึ้นอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการเอาชนะเธอให้ได้
“นี่มันระเบียงบ้าน คุณจะทำที่นี่ไม่ได้นะ ไม่อายลูกน้องคุณบ้างเลยรึไงกัน หน้าด้านหน้าทน” ชญานีต่อว่าเขาอย่างเบาเสียง มองไปรอบตัวด้วยกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกจ้องมองปานจะกลืนกิน
“ทำไมต้องอายนี่มันบ้านฉัน” เขาไม่ฟังโน้มบหน้าลงมาประกบจูบ ตรึงข้อมือไว้เหนือศีรษะ ตักตวงลมหายใจเธออย่างบ้าคลั่ง ส่งปลายลิ้นเข้าไปชอนไชกวาดต้อนความหวานอย่างหื่นกระหาย
“อื้อ...”
เมื่อได้กลิ่นกายอันหอมเป็นเอกลักษณ์ คริสก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ทั้งที่ตอนแรกว่าจะแค่แกล้งให้กลัวเท่านั้น กำลังจะรูดซิปกางเกงเพื่องัดเอาท่อนเนื้อใหญ่ออกมา แต่ทว่ากลับต้องสะดุดเพราะคำกล่าวของเจ้าหล่อน
“ฉันกำลังเป็นประจำเดือน ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งจะได้ไหม”
“ฉันไม่เชื่อ เมื่อคืนนี้เรายังมีอะไรกันอยู่เลย” ตอนนี้อะไรก็ฉุดความต้องการของเขาไม่อยู่แล้ว จึงตัดสินใจปลดตะขอกางเกงชญานี เพื่อจะดูว่าเธอมีรอบเดือนจริงหรือไม่
“คุณมันบ้าไปแล้ว เรื่องแบบนี้ใครเขาจะโกหกกันเนี่ย ฉันเริ่มจะทนคุณไม่ไหวแล้วนะ ฮือ...” ชญานีทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายใคร นั่นทำให้คริสชะงักงันถอนมือกลับมา ยอมปล่อยให้สาวเจ้าเป็นอิสระ ยืนเท้าสะเอวมองอย่างไม่สบอารมณ์
“จะร้องไห้อีกนานไหม ทำเอาซะหมดอารมณ์เลย แกล้งทำป่ะเนี่ย”
“ใครจะแกล้งร้องไห้อย่างนี้ล่ะ ฮือ ก็ฉันบอกว่ามีประจำเดือนคุณก็ไม่เชื่อ จะเอาอย่างเดียวเลยอ่ะ” ชญานีร้องไห้งอแงราวกับเด็กน้อย ยิ่งเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ดูซิว่าคนอย่างคริสจะอายเป็นไหม
“จะหยุดไม่หยุด”
“ฉันไม่หยุด ในเมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็ไม่รู้จะทำดีต่อไปทำไม ฮือ”
“ก็บอกให้เงียบไง คนได้ยินกันทั้งบ้านแล้ว”
“ก็ได้ยินไปสิ คนจะได้รู้ว่าคุณน่ะชอบรังแกผู้หญิงแค่ไหน”
“ถ้างั้นก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ ฉันขึ้นไปทำงานล่ะ” คริสส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างรำคาญ ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในบ้าน
ชญานียังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนเห็นว่าเขาเข้าไปในบ้านแล้วจึงหยุดร้องไห้ ปาดน้ำตาออกจากแก้มขาว ฉีกยิ้มอย่างพอใจ
“คนอย่างคุณมันต้องเจอไม้นี้ ไม่เชื่อหรอกว่าจะอายไม่เป็น” กล่าวนินทาลับหลังแล้วชญานีก็รีบเดินเข้าครัว เพื่อนำบัวลอยไข่หวานไปให้พิมพ์ผกา
..........
เดินมาถึงแล้วเธอก็เข้าไปหาพิมพ์ผกาในห้องนั่งเล่น และพบว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนั่งถักนิตติ้งอยู่เพียงลำพัง เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะป้าพิมพ์”
“อ้าว! หนูนี มาได้ยังไงเนี่ย”
“หนูแอบหนีมาค่ะ วันนี้ทำบัวลอยไข่หวานเลยเอามาฝาก กว่าจะหาทางมาได้ทำเอาซะหมดน้ำตาไปเป็นถังเลย”
“ขอบใจหนูมากนะ น่าทานเชียว แล้วนี่เอาวัตถุดิบมาจากไหนล่ะเนี่ย”
“พอดีหนูเห็นอยู่ในครัวเลยทำมาเอาใจคุณคริสน่ะค่ะ”
“สงสัยฉันเองนั่นล่ะที่ซื้อไว้แล้วคงลืม พอดีช่วงหลัง ๆ ย้ายมาอยู่ฝั่งนี้ เลยไม่ได้ไปยุ่มย่ามในครัวโน้นสักเท่าไหร่” พูดถึงเรื่องนี้แล้วพิมพ์ผกาก็รู้สึกน้อยใจ ที่ลูกชายทำราวกับเธอเป็นคนอื่นอย่างนี้
“หนูว่าป้าพิมพ์ลองทานดีกว่าไหมคะ” เจ้าหล่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะเห็นสีหน้าพิมพ์ผกาไม่ค่อยดีนัก
“โอเคจ้ะ ฉันไม่นึกเลยว่าหนูจะทำเมนูอย่างนี้เป็น”
“พอดีก่อนที่หนูจะเปิดร้านขายเครื่องประดับ เคยทำงานในร้านอาหารไทยมาก่อนค่ะ เลยทำเป็นเกือบหมดทุกอย่าง”
“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง” ว่าแล้วก็ลงมือรับประทานของหวานที่ชญานีนำมาฝาก เมื่อลิ้นสัมผัสรสชาติพิมพ์ผกาก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง พยักหน้าให้คนที่รังสรรค์เมนู “หืม อร่อยมากเลยจ้ะหนูนี”
“จริงเหรอคะ”
“ฉันจะโกหกหนูทำไมล่ะ อร่อยมากจริง ๆ ทานแล้วคิดถึงรสชาติดั้งเดิมที่เมืองไทยเลยล่ะ”
“ขอบคุณนะคะที่ชมหนู ไม่เหมือนสองคนนั้น”
“คริสกับเอเดนน่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“ก็สองคนนั้นยังมีอคติกับหนูอยู่ไง ถึงไม่ให้กำลังใจอย่างนั้น ไม่ว่าใครจะมองยังไงแต่ป้าดูคนออก ว่าคนอย่างหนูไม่มีทางฆ่าใครได้ลงคอหรอก”
“ขอบคุณค่ะป้าพิมพ์ ป้าพิมพ์คะหนูว่าจะขอใช้โทรศัพท์อีกจะได้ไหม”
“ได้สิจ๊ะ งั้นฉันนั่งทานรอละกันนะ”
“ขอบคุณมากค่ะป้า”
หลังจากนั้นชญานีก็เดินไปโทรศัพท์หาเพื่อน เพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เสร็จแล้วก็เดินกลับมาหาพิมพ์ผกา ที่ตอนนี้ได้รับประทานบัวลอยไข่หวานจนเกลี้ยงถ้วยแล้ว
“เสร็จแล้วเหรอจ๊ะ”
“เสร็จแล้วค่ะป้า หนูโทรไปบอกเพื่อนว่าสบายดีมันจะได้สบายใจ หนูเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”
“ฉันขอโทษแทนลูกชายด้วยนะจ๊ะ ที่ทำนิสัยแย่ ๆ อย่างนี้กับหนู ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว คริสเป็นคนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ก็เหมือนที่ห้ามไม่ให้เข้าสู่วงการมาเฟียเหมือนพ่อ แต่คริสก็ทำมันและทำได้ดีจนกลัวว่าสักวัน ลูกชายฉันจะมีจุดจบเหมือนอย่างพวกมาเฟียที่เคยเห็น” พิมพ์ผกาเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ราวกับแบกความทุกข์นี้ไว้เป็นเวลานานแล้ว
“หนูยอมรับว่าโกรธคุณคริสมาก แต่ความโกรธนั้นมันลดลงได้ก็เพราะป้าพิมพ์ ป้าเป็นคนดีขนาดนี้ หนูเชื่อว่าป้าคงจะสอนคุณคริสมาอย่างดีเช่นกัน แต่อะไรที่ทำให้เขาไม่ลงรอยกับป้าล่ะคะ พอจะเล่าให้หนูฟังได้ไหม”
พิมพ์ผกาทำหน้าเหมือนหนักใจเล็กน้อย นั่นทำให้ชญานีคิดว่าตัวเองเสียมารยาท ที่ไปถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอย่างนี้
“หนูขอโทษที่ทำให้ป้าพิมพ์ต้องหนักใจ ถือซะว่าหนูไม่ได้ถามเรื่องนี้ละกันนะคะ” ชญานียกมือไหว้
“ป้าไม่ได้หนักใจเลยจ้ะ เพียงแต่ป้าไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว เพราะนึกถึงทีไรป้าก็รู้สึกเจ็บ เจ็บที่เป็นต้นเหตุให้ลูกชายต้องเป็นอย่างนี้”
“อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิคะ บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ป้าคิดก็ได้นะคะ”
“ฉันจะบอกหนูถึงสาเหตุที่คริสเกลียดขี้หน้าฉันขนาดนี้ นั่นเพราะฉันเป็นคนฆ่าพ่อของแกไงล่ะ ฉันเป็นคนฆ่าสามีตัวเอง แล้วมันก็เป็นตราบาปมาจนถึงทุกวันนี้”
ได้ยินอย่างนั้นชญานีก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก กำลังดึงสติว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นมันคือเรื่องจริงงั้นหรือ มิน่าล่ะความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้ถึงได้ดูแย่มาก ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องโผเข้ากอดเพื่อปลอบใจพิมพ์ผกา ที่กำลังร้องไห้อย่างหนักหน่วง เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เจ็บปวดในอดีตอีกครั้ง