เมื่อได้มีโอกาสทานอาหารไทยรสชาติถูกปาก ชญานีจึงซัดจนแทบจะเกลี้ยงจาน ความหิวโหยทำให้เสียมารยาทไปนิดหน่อย แต่ทว่าก็ทำให้คนที่นั่งมองยิ้มได้
“ดูท่าทางหนูคงจะหิวมากเลยสินะ”
“มาก ๆ เลยค่ะคุณป้า นี่ฝีมือคุณป้าเองเหรอคะ หนูไม่เคยทานอาหารไทยอร่อย ๆ อย่างนี้มาก่อน”
“ใช่จ้ะ ฝีมือฉันเอง เอาอีกไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจคุณป้าจะแย่แล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่เห็นใจหนู” เธอยกมือไหว้อีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ว่าแต่หนูชื่ออะไรนะ”
“หนูชื่อนีน่าค่ะ หรือเรียกนีเฉย ๆ ก็ได้ แล้วคุณป้าล่ะคะ”
“ฉันชื่อพิมพ์ แล้วหนูอยู่ที่นี่มานานหรือยังล่ะ”
“ประมาณสามปีได้แล้วค่ะ หนูเปิดร้านขายเครื่องประดับกับเพื่อนสองคน เราต่างก็เป็นเด็กกำพร้ากันทั้งคู่ อยู่เมืองไทยชีวิตก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เลยตัดสินใจมาตายเอาดาบหน้าที่นี่ค่ะ”
“เห็นหนูแล้วฉันก็นึกถึงตัวเองตอนสมัยยังเป็นสาว มาด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ล่ะ” คนพูดเหมือนนึกอะไรบางอย่างในใจ
“หนูขอถามได้ไหมคะ”
“ได้สิถามมาเลย”
“คุณป้ามาทำอะไรที่คฤหาสน์หลังนี้คะ ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ จะเกรงใจคุณป้ามากเลย”
“ถ้าตอบไปแล้ว หนูจะกลัวฉันไหมนะ”
“ในบ้านหลังนี้คงไม่มีใครใจดีเท่าป้าอีกแล้วค่ะ”
“ฉัน...เป็นแม่ของคนที่จับตัวหนูมาไงล่ะ”
แกร๊ง!
ช้อนที่อยู่ในมือหล่นลงกระทบจานเสียงดัง ชญานีอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่นึกฝันว่าจะหนีเสือปะจระเข้อย่างนี้ แต่ก็มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ใจร้ายใจดำเหมือนอย่างลูกชายเป็นแน่
“คุณป้าไม่ได้ล้อหนูเล่นใช่ไหมคะเนี่ย” สีหน้าคนพูดเริ่มเสียเล็กน้อย
“ทำไมฉันต้องล้อหนูเล่นด้วยล่ะ ถึงฉันจะเป็นแม่ของคริส แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะจับหนูส่งไปให้เขาหรอกนะ”
“จริง ๆ นะคะคุณป้า หนูไม่รู้จะไปพึ่งใครอีกแล้ว ช่วยหนูด้วยเถอะนะคะ”
“ฉันจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ละกัน เอาเป็นว่าอยู่ที่นี่ก่อนสักพัก ถ้าคริสมาแล้วฉันจะช่วยพูดให้เอง”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า หนูจะไม่ลืมบุญคุณป้าไปตลอดชีวิตเลย ว่าแต่หนูขออีกสักเรื่องได้ไหมคะ”
“ว่ามาสิ”
“หนูขอโทรฯ ไปบอกเพื่อนได้ไหมคะ ไม่ได้กลับบ้านมาหนึ่งวันเต็มแล้วมันคงจะเป็นห่วงมาก”
“ได้สิ โทรศัพท์อยู่ตรงโน้น” พิมพ์ผกาชี้ไปยังมุมห้อง
“ขอตัวสักครู่นะคะคุณป้า”
ผู้อาวุโสกว่าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ชญานีจะลุกขึ้นแล้วรีบเดินตรงไปยังโทรศัพท์บ้าน โชคดีที่เธอจำเบอร์มือถือเพื่อนรักได้แม่น จึงรีบกดเบอร์โทรฯ หาทันที
“ฮัลโหลยัยเจน นี่ฉันเองนะ”
(แกอยู่ไหนยัยนี ทำไมถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ ติดผู้ชายจนไม่กลับบ้านกลับช่อง)
“เปล่านะ แต่มันเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะสิเลยยังกลับบ้านไม่ได้”
(เรื่องอะไรยะ แกเป็นอะไรรึเปล่ายัยนี)
“คือฉัน...”
พูดยังไม่ทันจบก็โดนแย่งโทรศัพท์ไปเสียก่อน หันไปมองก็เจอกับคนที่ไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในตอนนี้
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่!” เขาวางมันลงที่เดิม แล้วดึงแขนชญานีจะออกไปจากตรงนั้น โดยไม่สนใจมารดาของตนเองเลยสักนิด
“นี่แกจะมากไปแล้วนะ นี่มันพื้นที่ส่วนตัวของฉัน จะมาทำอะไรตามอำเภอใจได้ยังไงกัน” พิมพ์ผกาตวาดแหวใส่หน้าลูกชาย ยืนขวางไม่ให้ออกไป
“นี่มันเรื่องของผม แม่ไม่เกี่ยวถอยไป”
“แต่แกจะมาทำอย่างนี้กับผู้หญิงไม่ได้นะ อย่าเอานิสัยของพ่อแกมาใช้ให้มันมากนัก”
“แล้วไงก็ผมมันลูกพ่อ เป็นเหมือนพ่อไม่เห็นจะแปลก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่หลีกทางให้ผม” คริสเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทำให้ชญานีถึงกับโมโห ที่ชายหนุ่มเสียมารยาทต่อมารดาตนเองเช่นนั้น
“ฉันจะให้หนูนีอยู่ที่นี่กับฉัน ขืนไปอยู่กับแกมีหวังโดนรังแกไม่หยุดหย่อนแน่”
“ผมจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนี้ก็ได้ แม่ไม่มีสิทธิ์มาห้ามอะไรทั้งนั้น รู้ไหมว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาที่แม่ต้องมาสงสาร เธอเป็นนักฆ่าที่จะฆ่าใครตอนไหนก็ได้ ถ้าแม่ไม่อยากโดนฆ่าตายก็หลีกไปซะ”
“เลวที่สุด ไปว่าแม่ตัวเองอย่างนั้นได้ยังไง ทำกับฉันยังพอทนไหวแต่นี่คุณทำกับแม่ตัวเอง ไม่กลัวบาปบ้างเลยรึไง”
“บาปไม่บาปมันก็เรื่องของฉัน ส่วนเธอมีหน้าที่คอยเป็นทาสรองรับอารมณ์ฉันก็พอแล้ว มานี่เลย!”
“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า ช่วยหนูด้วยค่ะป้า ช่วยหนูด้วย”
ชญานีได้แต่ตะโกนร้องกลับมา ขณะโดนกระชากตัวให้เดินตามหลังไป พิมพ์ผกาได้แต่ยืนถอนหายใจ ส่ายหน้าให้กับความรั้นของลูกชาย เธอรู้ว่าไม่สามารถห้ามได้ เพราะรู้นิสัยลูกชายดี แต่ทว่าก็มั่นใจว่าชญานีไม่ได้เป็นคนนิสัยเลวร้ายอะไร คงไม่ได้เป็นอย่างที่คริสพูดอย่างแน่นอน
..........
มาถึงห้องนั่งเล่นแล้วคริสก็ผลักร่างบอบบางลงไปที่พื้น ยืนเท้าสะเอวมองอย่างเหลืออด ที่เข้าไปหามารดาถึงที่นั่น ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น
“กล้าดียังไงถึงถ่อไปหาแม่ฉันถึงที่นั่น”
“ทำไมฉันจะไปไม่ได้ ในเมื่อคุณป้าพิมพ์ท่านใจดีกว่าคุณเป็นร้อยเท่า จนไม่นึกว่าจะเป็นแม่ลูกกัน”
“รู้จักแม่ฉันแค่ไม่กี่นาทีก็เยินยอสรรเสริญถึงขนาดนี้แล้ว คงเป็นคนประเภทเดียวกันสินะถึงได้เข้ากันได้ง่ายดายขนาดนี้”
“คุณคริส! นั่นแม่คุณนะ คุณจะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่คุณจะไปว่าแม่ตัวเองอย่างนั้นไม่ได้”
“ทำไม! มายุ่งอะไรเรื่องครอบครัวฉันห๊ะแม่ตัวดี” เขาเดินเข้าไปบีบคางเธอ จนชญานีหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“ฉันเจ็บ”
“เจ็บเป็นด้วยเหรอ ผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างเธอ”
“ว่าแต่คนอื่น ดูตัวเองบ้างเถอะว่ามีหัวใจไหม แม้แต่แม่ตัวเองยังไม่ให้เกียรติ แล้วอย่าหวังว่าคนอื่นจะให้เกียรติคุณ”
คริสชะงักงันกับคำพูดของเธอราวกับเริ่มคล้อยตาม แต่ทว่าจู่ ๆ ภาพที่เกิดขึ้นในอดีตกลับทำให้ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปมา ราวกับกำลังสับสนในใจ
“เธอไม่เจออย่างฉันจะไปรู้อะไร”
“แล้วคุณเจออะไรมาล่ะ เล่าให้ฉันฟังสิ บางทีฉันอาจจะเข้าใจคุณก็ได้นะ ว่าไอ้ที่นิสัยแย่ ๆ ของคุณมันสมเหตุสมผลกับสิ่งที่โดนมาหรือไม่”
“ไม่มีทาง! เธอไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันแม้แต่น้อย ไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรให้ฟังทั้งนั้น ขอเตือนว่าอย่าเข้าไปหาแม่ฉันที่ฝั่งโน้นอีกเด็ดขาด ถ้าจับได้เจอดีแน่”
“ทำไม? กลัวว่าฉันจะไปฆ่าแม่คุณเหรอ สรุปว่าเกลียดหรือเป็นห่วงกันแน่” ชญานียิ้มมุมปาก ราวกับเป็นฝ่ายชนะที่อ่านใจเขาออก
คริสทำตาเลิ่กลั่กก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้จริงจังขึ้น “ยัยจุ้นเอ๊ย! ชีวิตตัวเองยังจะเอาไม่รอด เสือกมายุ่งเรื่องของคนอื่น ฉันจะลงโทษเธอให้หนักเลยคอยดู ในข้อหาที่กัดแขนฉันจนเป็นแผล” ว่าแล้วก็แบกร่างเล็กขึ้นบนบ่าอย่างง่ายดาย พาเดินขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อสำเร็จโทษ
“ไอ้บ้า ไอ้หื่นกาม คนนะเว้ยไม่ใช่ตุ๊กตายาง จะเอาได้ทั้งวี่ทั้งวัน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!!!!” ชญานีได้แต่ตะโกนร้องเสียงดังท่วมบ้าน กำมือทุบไปที่แผ่นหลังกว้าง แต่ทว่าเขากลับไม่สนใจเดินแสยะยิ้มเปิดประตูเข้าไปจนสำเร็จ
ในที่สุดชญานีก็ถูกสำเร็จโทษด้วยวิธีการที่เร้าใจ แม้จะเกลียดขึ้หน้าเขาแต่ทว่าความเก่งกาจในเรื่องอย่างว่า กลับทำให้เธอมีความสุขและคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย ราวกับมีเวทมนตร์คาถา สะกดให้ลืมเรื่องบาดหมางกันเสียอย่างนั้น