อุ๊ย!
“ขอโทษนะคะคุณน้า” น้ำเสียงหวานเอ่ยขอโทษทันทีที่เดินออกมาจากห้องน้ำสาธารณะของปั๊มน้ำมันในตัวจังหวัดแล้วชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำของผู้ชายที่อยู่ถัดไป เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอรีบด้วยกลัวว่าพ่อกับแม่จะรอนาน
“น้า” มือใหญ่ชี้เข้าหาตัวเองมองตามหลังคนที่เพิ่งขอโทษตัวเองแล้วก็กัดฟันแน่น เขาแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ เขามองตามหญิงสาวไปจนเธอรู้สึกสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตไม่ชอบใจของเขาแล้วหยุดหันกลับมามองเขากลับ เจนจิรา นาบุญคลอง หรือเจน หญิงสาววัย 23 ปี นักศึกษาจบใหม่มองกลับไปยังคุณน้าเสื้อลายสก็อต กางเกงยีนส์ที่ตัวเองชนเมื่อกี้แล้วก็ต้องรีบหันกลับ แม้เขาจะใส่แว่นตาดำ แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าดวงตาภายใต้กรอบแว่นนั้นกำลังจ้องมองมายังตัวเองอยู่
“เจนยืนทำอะไรอยู่ลูก” เสียงแหบแห้งตามวัยของพ่อของเธอร้องเรียกให้เธอรีบเดินไปขึ้นรถ เพราะเห็นว่าอยู่ๆ ลูกสาวก็หยุดเดิน
“ค่ะพ่อ” น้ำเสียงหวานร้องตอบแล้วรีบสาวเท้าเดินไปทันที ด้านคนที่ถูกเรียกว่าน้าก็มองไปยังลูกน้องทั้งสองคนที่ติดตามมาด้วยแล้วก็แสยะยิ้มพร้อมกับเอ่ยสั่งงาน เพราะเมื่อกี้เขาจำได้ว่าคนที่เรียกหญิงสาวคือใคร
“พวกมึงไปสืบมาว่าผู้หญิงที่เรียกกูว่าน้าน่ะเป็นอะไรกับกำนันบุญส่ง”
“ครับเสี่ย”
หึหึ
“มีตาหามีแวว กูไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย หรือพวกมึงว่ากูแก่วะไอ้จ้อย ไอ้จ้อน” ถามลูกน้องพร้อมล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์
“ไม่ครับเสี่ย เสี่ยยังแข็งแรง หล่อ เท่” จ้อยบอกตอบ
“นั่นดิวะ ไปสืบมาว่าเด็กนั่นเป็นอะไรกับลูกหนี้ของกู เห็นทีมีเรื่องต้องสั่งสอนซะแล้ว”
“ครับเสี่ย” สองพี่น้องที่รับใช้เจ้านายมานานเอ่ยรับคำพร้อมกัน
คลังแสง แสงปทีบ หนุ่มใหญ่วัย 40 ปี เดินเข้าไปในห้องน้ำชาย ชายหนุ่มมีอิทธิพลที่สุดในจังหวะนี้ ใครๆ ก็รู้จักเสี่ย หรือเสี่ยแสง หนุ่มหล่อที่เป็นเจ้าพ่อโรงงานปุ๋ย และเจ้าพ่อเงินกู้ที่ถูกกฎหมายทว่าหน้าเลือดที่สุด ดอกเบี้ยแพงมหาโหด โดยที่ลูกหนี้ทุกคนยอมรับ เพราะว่าหมดที่พึ่งแล้วนอกจากต้องพึ่งเขาในยามจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ หนุ่มใหญ่มีชีวิตตอนเด็กที่ยากลำบาก เป็นเด็กกำพร้า และโชคดีได้ไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วเก็บเงินมาสร้างตัว พอทุกอย่างมันถึงจุดหนึ่งเหมือนโชคช่วย เขาถูกรางวัลที่หนึ่งจึงทำให้มีวันนี้มีทุกอย่างเป็นที่นับถือของผู้คน เพราะใครๆ ก็ต่างเป็นลูกหนี้ของคลังแสง
กำนันบุญส่งกับสุดใจ ภรรยาสุดที่รักไปรับลูกสาวมาจากสถานีขนส่ง ลูกสาวเพิ่งเรียนจบมาจากกรุงเทพฯ และย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน เจนจิราไปเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งหลายปีและตอนนี้เรียนจบกลับมาแล้วจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน แม้จะเป็นอัตราจ้าง แต่ลูกสาวของพวกเขาก็เต็มใจและดีใจ เพราะนี่คือความฝัน
“พ่อจ๋า แม่จ๋า บ้านของเราเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ แล้วนั่นบ้านใครคะ หลังใหญ่จัง” เจนจิราถามพ่อเมื่อขับรถเข้ามาในหมู่บ้านแล้วผ่านบ้านหลังใหญ่ก่อนจะถึงหมู่บ้านของตัวเอง
“ของเสี่ยแสงน่ะลูก หนูอย่าไปสนใจและอย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ คนคนนี้อันตราย” สุดใจเป็นคนหันมาบอกลูกสาวที่นั่งอยู่แคปตอนหลังของรถยนต์แล้วหันไปยิ้มแห้งๆ ให้สามีที่กำลังขับรถอยู่
“ใช่ลูก อย่าไปอยากรู้จักเสี่ยแสงเลย”
“เขาเป็นใครคะ ทำไมเจนไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินเลย”
“เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านเราเมื่อต้นปีน่ะลูก เขาเป็นเจ้าของร้านปุ๋ยในตัวจังหวัดที่ใหญ่ที่สุด และเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ด้วยนะลูก เจนอย่าสนใจเลย รู้แต่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาก็พอ” กำนันบุญส่งบอกกับลูกสาว
“อือ...มิน่าล่ะ เมื่อกี้ผ่านหน้าบ้านเขาเห็นคนชุดดำเต็มอย่างกับในละครหลังข่าว คงเป็นพวกมาเฟียแถวนี้สินะคะ พ่อจ๋า แม่จ๋า”
“ประมาณนั่นแหละลูก ใครเป็นลูกหนี้เขาใช้หนี้และดอกเบี้ยไม่ตรงตามนัดก็เตรียมเจ็บตัวได้เลย” พูดแล้วก็คิดถึงตัวเอง เพราะอีกสองอาทิตย์ก็ถึงกำหนดนัดส่งต้นและดอกของตัวเองแล้ว แต่กำนันบุญส่งยังไม่มีเงินที่จะไปชำระตามที่นัดกับเสี่ยไว้เลย
“ประมาณนั้นแหละลูก ถ้าไม่มีให้เขา เขาก็จะยึดบ้าน ที่นา ที่ดินทำกินที่พวกลูกหนี้เอาไปค้ำประกันกับเขาน่ะลูก” สุดใจบอกลูก
“แล้วบ้านเรา...”
“อย่าถามถึงเสี่ยเขาเลยลูก อย่าสนใจเลย” กำนันเอ่ยตัดบทเมื่อรู้ว่าลูกสาวจะพูดอะไร
“นั่นสิลูก ถึงบ้านเราแล้วนะ” สุดใจบอกลูกสาวเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านชั้นเดียวที่เหมือนบ้านหลังอื่นๆ ในต่างจังหวัด ที่นี่เป็นจังหวัดเพชรบูรณ์ บ้านเกิดของเธอนั่นเอง และตอนนี้เธอก็มาถึงตำบลหนองห้าง อำเภอบ้านโป่ง บ้านเกิดของเธอแล้ว
“นั่นสิคะ ตอนนี้เจนได้กลับมาอยู่บ้านของเรากับพ่อจ๋าแม่จ๋าคือที่สุดแล้วค่ะ ต่อไปนี้หนูจะไม่ไปไหนแล้วนะจ๊ะ”
“ใช่ลูก เราจะอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกแล้ว” สุดใจเอ่ยเมื่อรถจอดสนิทนิ่งแล้วเปิดประตูรถลงไปพร้อมกับขยับเบาะให้ลูกสาวคนเดียวของตัวเองลงมาจากรถ ส่วนกำนันสามีของนางก็เดินไปขนกระเป๋าของลูกสาวที่เอาไว้กระบะด้านหลังลงจากรถเพื่อจะได้เอาเข้าไปในบ้าน