บทที่ 7 การต้อนรับ
รถครอบครัวคันหรูของบ้านขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ของปราบ ราวเป็นฉากในหนัง ทุกคนในบ้านออกมารอต้อนรับว่าที่ภรรยาของเขา เว้นก็แต่ว่าที่เจ้าบ่าวไม่แม้แต่จะปรากฎมาให้เห็นร่วมกับคนอื่น ๆ
หญิงสาวร่างบางตัวเล็กก้าวขาลงออกมาจากรถ ใบหน้าส่อถึงความตื่นเต้นและวิตกกังวลเล็กน้อย หารู้ไม่ว่านัยน์ตาคมเข้มกำลังดูเธออยู่จากกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ด้วยความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ก่อนจะกดปิดไปอย่างไม่อยากมองเห็น
....
ก่อนหน้านี้สามวัน...
ก้องภพเพิ่งเอารูปถ่ายจากนักสืบที่ให้คนไปติดตามพฤติกรรมของลูกสาวบ้านนี้ พบว่าตอนดึก ๆ จะมีรถหรูขับออกไปเที่ยวผับบาร์ รูปถ่ายจากด้านหลังคือผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ร่างเล็กผมตรงยาวสีดำเงา ถ้าได้เดาก็จากภาพลักษณ์ภายนอกน่าจะเป็นรสรินหรือเฌอรินเพราะเธอมีผมยาวสีดำขลับ หากเป็นรสรัลหรือเฌอรัลคนพี่สาวเธอจะดัดผมเป็นลอนสีน้ำตาลปนแดง
ซ้ำร้ายกว่านั้นเมื่อนักสืบลองตามไปถ่ายภาพจากในผับที่มีแสงสลัวจะรูว่าสาวน้อยผมดำขลับคนนั้นมั่วกับผู้ชายไปทั่ว และเมื่อลองถามจากผู้ชายที่เคยมั่วกับเธอ ต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่าสาวน้อยคนนี้ชื่อ รสรินหรือเฌอริน ซึ่งมักจะมาใช้บริการผับนี้เป็นประจำมาหลายปี
“ผู้หญิงมั่ว ๆ แบบนี้ หึตระกูลดิษสถาวงศ์ คิดจะเอาลูกสาวคนเล็กใส่ตระกล้าล้างน้ำมาสินะ”
เขาโยนภาพหญิงสาวผมดำที่มองไม่เห็นใบหน้าเพราะกำลังกอดจูบกับผู้ชายอีกคนโยนทิ้งไปบนโต๊ะ
“ตระกูลดิษสถาวงศ์ มันจะหยามกันเกินไปแล้ว”
“แล้วทำไมคุณปราบถึงตกลงให้ ทางนั้นส่งคุณหนูรสรินมาละครับ”
“ก็นายพูดเองว่าบ้านนั้นรักลูกสาวคนเล็กมาก เพราะงั้นก่อนวันแต่งงานฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ทรมานจนทนไม่ไหวจนส่งพี่สาวของเธอมาแต่งแทน”
รอยยิ้มร้ายปรากฏที่มุมปาก คิดว่าเขาจะยอมแต่งงานกับศัตรูที่คิดจะลอบฆ่าเขาง่าย ๆ อย่างงั้นหรือ อย่างน้อยครอบครัวดิษสถาวงศ์ก็ต้องได้รับการตอบแทนที่สาสม
...........
ทันทีที่เฌอรินก้าวเข้ามาภายในบ้าน ท่ามกลางสายตาของเหล่าแม่บ้านและบอดี้การ์ดหนุ่มที่กำลังยืนมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“เออ...สวัสดีค่ะ”
เธอกล่าวทักทาย แต่เหมือนทุกคนจะเฉยชาต่อการมาของเธอ ส่วนเฌอรินแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับปราบ นอกจากที่รู้ว่าเขาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อเธอ เธอเองเพิ่งเรียบจบและยังไม่ได้เริ่มหัดทำธุรกิจอะไรอย่างพี่สาว และยิ่งแทบจะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ เมื่ออยู่ ๆ ทางปราบก็ส่งคนให้มารับตัวเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเขากะทันหัน โดยอ้างว่าเป็นการปรับตัวก่อนการแต่งงานอีกสามเดือนข้างหน้าที่จะมาถึง
“เชิญที่ห้องรับแขกค่ะ”
แม่บ้านที่ดูจะอาวุโสเอ่ยแต่สีหน้ากลับไม่ได้ดูเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย เฌอรินที่ต้องลากกระเป๋าใบเขื่องเข้ามาไม่มีแม้แต่คนรับใช้ภายในบ้านจะยื่นมือเข้ามาช่วย เธอได้แต่เม้มปากอย่างอดทน เพราะนี่เป็นทางที่เธอตัดสินใจเลือกแล้วและเธอก็ต้องทนให้ได้
ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะมองไปรอบ ๆ อย่างทำใจ ถึงอย่างนั้นเฌอรินก็ยังพยายามรวบรวมความกล้าอีกครั้งก่อนจะถามหาคนที่เธอควรจะต้องทำความรู้จักเพื่อเป็นสามีของตัวเองในอนาคต
“แล้วคุณปราบละคะ”
“คุณปราบให้ผมลงมาต้อนรับแทนครับ คุณปราบแจ้งว่ากำลังติดงานอยู่ไม่ว่างลงมารับด้วยตัวเอง”
เสียงจากก้องภพที่เพิ่งเดินลงมาจากบันได ก่อนที่เขาจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเฌอริน ใบหน้าเคร่งขรึมแต่แฝงไปด้วยความสุภาพโน้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทักทาย
ก้องภพนึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะเฌอรินที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลับดูอ่อนหวานราวกลับตุ๊กตาบาร์บี้ ไม่เหมือนกับผู้หญิงนักท่องราตรีในรูปภาพที่เขาได้รับจากนักสืบเลยแม้แต่น้อย ทว่าถ้าดูจากทรงผมสีดำเงาขลับก็คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้ เพราะรูปที่ลงจากรถตอนกลางคืนก็เป็นรถที่ขับออกมาจากตระกูลดิษสถาวงศ์ ซ้ำภาพถ่ายจากในผับเป็นที่มืดก็มองเห็นแค่ด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังยืนกอดจูบกับชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้า
“อ่อค่ะ ไม่เป็นไร ให้รินเรียกคุณว่าอะไรดีคะ” เฌอรินยิ้มใสซื่อออกมาเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้ก็เพิ่งจะมีคนพูดกับเธอเป็นประโยคยาว ๆ เป็นคนแรก
“ผมก้องภพ เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณปราบครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณก้องภพ ว่าแต่...จะให้รินเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บที่ห้องไหนดีคะ”
“งั้นเชิญทางนี้ครับ ตามผมมา”
ก้องภพพูดก่อนจะเปลี่ยนองศาตัวเองราวกับว่ากำลังรอให้เฌอรินเดินตามมา เธอเลยลุกขึ้นจากเก้าไม้ที่บุหนังนวมสีครีมแล้วเดินตามอีกฝ่ายไป แม้ภายในใจจะคิดว่าบรรยากาศบ้านหลังนี้ดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะดูใหญ่โตสวยงามขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เหมือนบ้านของเธออยู่ดี
หญิงสาวย่างเท้าตามขึ้นบันไดไปด้านบนบันไดเป็นไม้ขัดเงาอย่างดีโค้งตัวทอดขึ้นไปด้านบน มีทางเดินสองฝั่งแยกออกจากกัน ทางที่ก้องภพกำลังเดินนำไปคือฟากฝั่งทางซ้ายมือ เธอเดินตามไปพลางมองสำรวจรอบๆอย่างอดไม่ได้ พื้นชั้นบนเป็นไม้ขัดเงาทั้งชั้น มันลื่นสะอาดจนสามารถกระทบกับแสงได้เลย
“นี่ครับ ห้องของคุณ”
เดินมาจนเกือบสุดทางก็จะเจอทางเลี้ยวอีกครั้ง ส่วนอีกทางที่ตรงไปเหมือนจะเป็นห้องอะไรสักอย่างที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นห้องนี้เองที่เล็กกว่า
ใช่...มองดูเหมือนกับว่าเฌอรินจะได้อยู่ในห้องที่เหมือนเป็นหลืบในซอยแคบ จนแทบจะนึกว่านี่เป็นประตูเก็บของบ้านนี้
"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับคุณหนู"
ก้องภพขอตัวทันที ปล่อยให้เฌอรินกลับมารู้สึกเคว้งคว้างขึ้นมาอีกครั้ง ถึงจะอยากถามอะไรอีกฝ่ายต่อสักหน่อยแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะก้องภพเดินจากไปทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ
ไฟภายในห้องถูกเปิดขึ้น และมันก็..
"เล็กจัง นี่ห้องของฉันจริงๆหรือเนี่ย?"