บทที่ 9 ดูถูก
ปราบกำลังยืนมือมองเฌอรินที่ยังไม่รู้ตัวจากด้านหลัง ใบหน้าขาวเนียนใสที่ยังหลงดื่มด่ำกับดอกไม้ ผมเงายาวสีดำรับกับผิวขาวผ่องราวกับตุ๊กตา
ทว่า...ภาพรูปถ่ายของเธอที่เป็นถาพแอบถ่ายตอนที่เฌอรินกำลังเที่ยวอยู่ในผับเห็นแค่ข้างหลัง ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่เค้าโครงของคนในรูปก็คล้ายกับเฌอรินในตอนนี้มากจนปราบมั่นใจว่าเธอคือคนเดียวกัน เป็นผมยาวสีดำขลับจนเป็นเงาเหมือนเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้
ปราบสะบัดหน้าอีกครั้ง ยิ่งรู้สึกรังเกียจหญิงสาวมากขึ้นเป็นเดิมที
ทั้งชอบเที่ยวและมั่วสุมอยู่ในผับ มีผู้ชายมากมายและมารยา ต่างจากพี่สาวของเธอที่เขาต้องการแต่งงานด้วยอย่างสิ้นเชิง
เขาหลบหน้าเธอมาตลอด เพราะต้องการจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนอยากจะกลับบ้านแล้วและเปลี่ยนให้พี่สาวมาแต่งแทน อุตส่าห์แกล้งให้เธอไปนอนที่ห้องรับรองที่เล็กที่สุดของคฤหาสน์แต่นี่ก็เหมือนจะยังไม่พอที่เขาจะใช้มันกดดันเธอ
“ผู้หญิงสกปรก เหมือนพ่อของเธอไม่มีผิด” เขานึกปรามาสอีกฝ่ายด้วยคำพูดพึมพำ
ดวงตาคมแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตร้าย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนเหม่ออยู่ตรงหน้า หากเขาไม่ทำอะไรสักที เห็นทีว่าความตั้งใจที่ปราบอยากจะบีบให้เฌอรินอึดอัดจนทนไม่ไหวเห็นจะไม่สำเร็จ
ภาพตรงหน้าฉายสะท้อนแต่เพียงน้ำพุที่กำลังไหลลงตามแรงโน้มถ่วงราวกับว่าโลกนี้มีเพียงเธอและความโดดเดี่ยวเท่านั้น
“เฮ้อ…เหงาชะมัด” เฌอรินตัดพ้อออกมาก่อนจะมองดูน้ำพุตรงหน้าด้วยแววตาเศร้าหมอง
ไหนคือการให้คนมารับเธอเพื่อปรับตัวก่อนแต่งงานอีกสามเดือนข้างหน้า ไหนคือการทำความรู้จักกันก่อน เอาแค่ลำพังหน้าของเจ้าบ่าวของเธอตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีโอกาสเห็น
“เหงาเพราะไม่ได้ออกไปทำเรื่องอย่างว่า?”
ปราบพูดออกไป จงใจให้เฌอรินได้ยินแล้วหันมา เสี้ยวหน้าหวานของหญิงสาวที่กำลังหันหลังให้ค่อยๆหันกลับมา ดวงตากลมโตส่อแววประกายตอนที่มันกระทบกับแสงแดด ริมฝีปากกระจับจิ้มลิ้มสีระเรื่อ คนตรงหน้าอึ้งไปนิดกลับหญิงสาวคนตรงหน้า ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เย็นชาตามเดิม
"คะ..คุณ !"
เสียงหวานเอ่ยขึ้นทั้งยังแสดงสีหน้าอาการตกใจ เธอจำได้เป็นอย่างดี ว่าเธอเคยเจอเขาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันที่เขาโดนยิงจนได้รับบาดเจ็บและเธอเองก็เป็นคนที่เข้าไปช่วยเหลือเขา
แทบไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสเจอผู้ชายคนนี้อีกครั้ง
-วันนั้นเขาปลอดภัยแล้วสินะ-
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ เขาใส่สูทดูดี อกกว้างผายออก ท่าทางสง่างาม ใบหน้าคมคายจนเฌอรินเผลอจ้องหน้าอีกฝ่ายไปนานสองนาน
“เธอนี่ถ้าจะเห็นผู้ชายเป็นไม่ได้จริง ๆ สินะ มองขนาดนี้?”
คนตรงหน้ากล่าวออกมา ดูเหมือนกำลังจะหาเรื่องเฌอรินมากกว่า ไม่สิ… ในความคิดของหญิงสาวแล้ว ชายปริศนาตรงหน้ากำลังจะหาเรื่องเธออยู่ชัดๆ
ความคิดเรื่องจะทักทายเขาเรื่องอาการบาดเจ็บถูกกลืนลงไป เฌอรินเม้มปากแน่นเพราะโดนดูถูกอย่างซึ่งหน้า และถ้าเดาไม่ผิดเขาน่าจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอที่ชื่อปราบ เพราะเขาคงไม่ชอบคนตระกูลดิษสถาวงศ์อย่างเธอ
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นคุณปราบสินะคะ” แม้จะไม่พอใจกลับการพูดจาไม่ดีใส่ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ถึงกระนั้นใบหน้ากลับฉีกยิ้มให้ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเขา
“แกล้งยิ้มได้เนียนดี ไม่ใช่ว่าด่าฉันในใจอยู่สินะ" ปราบยังคงใช้สายตาคมที่ร้ายกาจมองเฌอรินอย่างดูถูก แม้จะกระตุกไปนิดหนึ่งตอนที่เธอหันมาสบตาเขาครั้งแรก แต่...ผู้หญิงส่ำส่อนก็ยังคงเป็นผู้หญิงส่ำส่อนอยู่ดี ความสวยความน่ารักของเธอคือยาพิษร้ายซึ่งเขาไม่ควรจะใจอ่อน
“เปล่าค่ะไม่ได้ด่า ใครจะด่าคนที่เพิ่งเจอกัน” เฌอรินตอบกระชากเสียงนึกโมโหเล็กน้อย สู้รู้งี้ปล่อยให้ตายไปเลยเสียตั้งแต่วันนั้นก็คงดี
“แล้วใครอนุญาตให้เธอมาเดินเล่นเพ่นพ่านในบ้านนี้” ปราบยังคงไม่เลิกหาเรื่องเธอ ทั้งที่จริงเขาควรจะเดินหนีไปตั้งแต่เธอหันหลัง แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เขาเดินเข้ามาเรื่องเธออย่างตอนนี้
“ใช่ค่ะไม่มีคนอนุญาต แต่ไม่มีป้ายห้ามนี่คะว่าตรงไหนห้ามเดิมบ้าน งั้นวันหลังคุณก็ติดป้ายเอาห้ามเอาไว้ด้วยก็ดี” เธอสวนทันควันอย่างโมโห มันเป็นความจริงที่ว่าในบ้านนี้แทบจะไม่มีใครเคยพูดหรือบอกอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วเธอจะรู้ได้ไงว่าตรงไหนคือพื้นที่หวงห้าม
“ก็ดี พรุ่งนี้ฉันจะสั่งให้คนเอาป้ายมาติดให้ทั่ว เธอจะได้รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ”
“ได้ค่ะ งั้นก็ช่วยบอกด้วยว่าจะให้เดินตรงไหน หรือว่ารินทำอะไรในบ้านหลังนี้ได้บ้าง ขอตัวก่อนนะคะ”
เฌอรินสะบัดหน้าเดินออกมาอย่างโมโห ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปราบจะดูใจร้ายกับเธอมากกว่าที่คิด ขนาดเจอกันแค่วันแรกเขายังพูดจาไม่ดีกับเธอเอามาก ๆ ท่าจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันยากแล้วละเฌอริน
“เดี๋ยว”
ฝ่ามือหนาเข้ารั้งข้อแขนคนที่กำลังจะเดินหนี ก่อนจะกระชากตัวให้กลับมา ทว่าด้วยแรงดึงจากพลังกำลังที่แข็งแกร่งกว่ากลับเสมือนดึงร่างเล็กให้ถลาเข้ามาในอ้อมแขน