ค่ำคืนแสนสุข

2004 คำ
ยิวนั่งกินข้าวจนอย่างเอร็ดอร่อยถึงแม้รสชาติจะไม่ถูกคอ ด้วยความหิวโหยเขาจึงกินไม่มีเหลือแม้แต่อย่างเดียว จนสร้างความประหลาดใจแกแม่ทัพวิศรุฒอย่างมาก “เอ็งอดอยากมาจากไหน ถึงกินซะไม่มีเหลือแม้แต่ข้าวเม็ดเดียว” แม่ทัพวิศรุฒจ้องมองยิวด้วยตาไม่กะพริบแม้แต่ทีเดียว “ใช่ เราไม่ค่อยได้กินเลย กินวันละมื้อเอง แถมเป็นมื้อที่นิดหน่อยเท่านั้น” “ดูท่าจะจริง เพราะไม่มีน้ำมีนวลเหมือนอย่างแต่ก่อน” “จะมีได้ไง อยู่กลางป่ากลางเขากินอดกินอยากทุกวัน” “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็กินซะให้อิ่มแล้วค่อยไปอาบน้ำ หลังจากนั้นค่อยมาคุยกัน” เมื่อยิวได้กินข้าวจนอิ่ม เขาก็ลงไปอาบน้ำในอ่าง แล้วก็เข้ามาในห้องแม่ทัพวิศรุฒตามเดิม “เอ็งมาหาข้าได้อย่างไรกัน” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าที่สงสัยยิ่งนัก “หลังจากเราโดนเสือเข้มจับตัวไป พอมีโอกาสเราก็หนีเสือเข้มมา แล้วก็หยิบถุงย่ามของเสือเข้มติดมาด้วยอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ” เช่นนั้น ข้าของถามอีกครั้ง เอ็งมาหาข้าที่นี่ได้อย่างไรกัน” “พอเราหนีเสือเข้มมานะ ก็เจอขบวนอพยพเราก็เลยติดมาด้วย” “ช่างเก่งนักเอ็งนิ แต่ข้าไม่สนใจตรงนี้เท่าไร เพราะคนเจ้าเล่หเพทุบายอย่างเอ็ง สามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่ที่ข้าสงสัยทำไมต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงมาหาข้า เอ็งรู้ไหมมันทำให้ข้าลำบากยิ่งนัก” “ลำบากอย่างไงเราไม่เข้าใจ” “ก็เอ็งเป็นผู้ชาย ตอนนี้พ่อแม่ของข้าเข้าใจว่าเอ็งเป็นผู้หญิง ต่อไปนี้จะทำอย่างไรกัน” “จริงด้วย” ยิวเริ่มหวั่นกลัวขึ้นมาทันที เพราะต่อไปนี้จะเป็นเรื่องที่เขาต้องแก้ไข “ต่อไปเอ็งจะทำอย่างไร ในวันพรุ่งจะออกไปพบปะผู้คนในสภาพไหน” “จะสภาพไหนล่ะ ก็ต้องสภาพนี้แหละตอนนี้ข้าก็ผมยาวแล้ว ก็เหมือนผู้หญิงอยู่นะ” ยิวอมยิ้มจับผมม้วนเล่น “เอ็งไม่มีหน้าอก จะปลอมตัวได้นานแค่ไหนกันเชียว” “เอาน่า เรามาอยู่ไม่นานหรอก เดี๋ยวเราก็แกล้งหายตัวไปแล้วกลับมาอีกทีเป็นผู้ชายก็ได้” “ทำไมเอ็งถึงไม่บอกเหล่าทหารว่าเป็นผู้ชายแล้วมาหาข้าก็ได้” “บอกไปใครจะเชื่อ ถ้าบอกว่าเป็นเมียค่อยน่าเชื่อหน่อย ไม่งั้นเราก็คงไม่ได้เจอกันหรอก” “เอ็งนี่สร้างความเดือดร้อนให้ข้าอยู่ร่ำไป” “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเราจะแก้ปัญหานี้เอง แต่ตอนนี้ข้าง่วงนอนมากเลย เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเรานอนกลางดินกินกลางทรายตลอด” “เอ็งลำบากขนาดนั้นเชียว” “ใช่ ลำบากมากแต่มันก็ผ่านมาแล้วเราขอนอนก่อนนะ ก่อนนอนหาชุดผู้หญิงมาให้เราใส่ด้วยนะ” “ข้าจะไปหาที่ไหนล่ะ” “เราไม่รู้เป็นหน้าที่นาย เราขอนอนก่อนนะไม่ไหวแล้ว” ยิวไม่สามารถที่จะพูดคุยกับท่านแม่ทัพวิศรุฒได้อีกต่อไป เพราะเขาอ่อนเพลียและหมดเรี่ยวแรงหมดปัญญาที่จะสู้ความเหนื่อย ยิวจึงขึ้นไปบนเตียงนอนอย่างอ่อนแรง เขาล้มตัวลงนอนในทันทีไม่นานมากยิวก็หลับไปในที่สุด เมื่อยิวหลับแม่ทัพวิศรุฒจึงออกไปนอกห้อง และให้บ่าวหนุ่มไปตามทันมาหา เพราะจะปรึกษาเรื่องเสื้อผ้าผู้หญิง ไม่นานทันก็มาหาและได้เสนอว่าจะเอาเสื้อผ้าของเมียมาให้ แม่ทัพวิศรุฒรออยู่เรือนชานพักใหญ่ ทันก็นำเสื้อผ้าอาภรณ์ของเมียเขามาให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒ “ขอบใจเอ็งมากนะ” “เรื่องมันจะบานปลายไปใหญ่นะขอรับ เพราะโสพลไม่ใช้ผู้หญิงมันจะยุ่งเหยิงนะขอรับ” ทันเอ่ยขึ้น “ค่อยแก้ๆ ไป เอาล่ะเอ็งกลับไปได้แล้ว” “ไล่ข้าน้อยกลับเลย จะทำอะไรกันเหรอ” “ไอ้ทันมึงวอนหาเรื่องโดนเตะแล้วนะมึง” “พูดเล่นข้านี้ก็โกรธ ข้าน้อยไปก้ได้ขอรับ” เมื่อทันได้กลับเรือนตัวเองไปแล้ว แม่ทัพวิศรุฒจึงเข้าไปในห้องนำเสื้อผ้าไปเก็บไว้ หลังจากนั้นก็เดินมายังเตียงนอน และแม่ทัพวิศรุฒก็นั่งลงมองหน้ายิวที่ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งมองนานเท่าไรเขายิ่งหวั่นไหว แม่ทัพวิศรุฒพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดเช่นนั้น เพราะเขามองว่ามันผิดครรลองครองธรรม แม่ทัพวิศรุฒจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ ยิว จนถึงรุ่งอรุณเบิกฟ้า ซึ่งเขาก็ได้ตื่นนอนก่อนยิวทุกคราที่ได้นอนเคียงกายกัน เมื่อตื่นขึ้นมาเขาจึงรีบปลุกยิวทันที “โสพล โสพล” ตื่นได้แล้ว” แม่ทัพวิศรุฒเขย่าร่างของยิว ดวงตาของยิวได้เบิกกว้างขึ้นและได้เห็นหน้าแม่ทัพวิศรุฒ เขาถึงกับตกใจรีบลุกขึ้นนั่งทันที “เช้าแล้วเหรอนี่” ยิวบิดแขนสองข้างไปมา “เช้าแล้ว เอ็งรีบแต่งตัวจะออกไปหาพ่อกับแม่ของข้า” “ได้ชุดผู้หญิงมาแล้วเหรอไปเอามาจากไหน” “ข้าให้ไอ้ทันไปเอาของเมียมันมา” “อุ๊ย” ยิวหัวเราะออกมานิดหน่อย “เอ็งไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย รีบแต่งตัวเถอะป่านนี้พ่อแม่ของข้ารอเอ็งอยู่” ยิวหยิบเสื้อผ้าถุงมาดูแล้วเขาก็มึนงง สับสนว่าจะใส่อย่างไรดี เขาจับพลิกไปพลิกมาดูหลายตลบ “คือว่า เอ่อ อ่า เอ่อ” “เป็นอะไรอีกเอ็งนี่เรื่องมากจริงๆ เลย” แม่ทัพวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เราใส่ไม่เป็น นายใช่เป็นไหม สอนเราใส่หน่อย” ยิวอมยิ้มนิดๆ เขินหน่อยๆ ด้วยความอาย “ข้าจะไปใส่เป็นได้อย่างไรกัน” “ก็ได้ นุ่งๆ ไปเหอะไม่ให้ผ้าถุงหลุดเป็นพอ” ยิวไม่รอช้าหยิบผ้าถุงมาสวมใส่และใช้เข็มขัดรัดไว้จนแน่น ส่วนเสื้อก็ยังดีหน่อยใส่ง่าย แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีหน้าอก ยิวจึงเอาผ้ามาพันรอบอกไว้แล้วยัดผ้าเข้าไปข้างให้ดูนูนเป็นหน้าอก หลังจากนั้นเขาจึงสวมใส่เสื้อ เมื่อยิวแต่งตัวเสร็จเขาก็เงยหน้าขึ้นและได้เห็นแม่ทัพวิศรุฒยืนมองเขาไม่คาดสายตา จนทำให้ยิวเขินอายนิดหน่อยเพราะสายตาแม่ทัพวิศรุฒ ได้จ้องเขาอย่างหยดย้อยหวานฉ่ำ “มองอะไร” “ข้าก็มองเอ็งนั่นแหละ พอแต่เป็นผู้หญิงก็สวย แต่น่าเสียดายที่เอ็งเป็นผู้ชาย” “ไม่ต้องมาเสียดงเสียดายหรอก” “อือ ข้าลืมบอกเอ็งวันมะรืนข้าจะไปทำศึกที่ชายแดน” “อ้าว เอ่อ ถ้างั้นเราไปด้วยได้ไหม” “ไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าเอ็งก็อยู่นี่ไปก่อนจนกว่าข้าจะกลับมา หลังจากนั้นค่อยมาคุยกันเรื่องของเรา” “โอ๊ย นึกว่าจะหมดเรื่องยุ่งยาก ดันมีเรื่องใหม่เข้ามาอีก” “ไปเหอะ ป่านนี้พ่อแม่ของข้ารอเราสองคนอยู่ที่หน้าเรือนชาน” “อือ” ยิวพยักหน้าและเดินตามแม่ทัพวิศรุฒไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าเรือนชาน สายตาของยิวได้มองไปยังอำมาตย์วิษณุและแม้นผู้เป็นแม่ของวิศรุฒ ซึ่งได้หันมาประจัญหน้ากันพอดี จนทำให้ยิวต้องหลบตาต่ำลงด้วยความกลัว “เป็นสาวเป็นนางตื่นสายตะวันโด่งขนาดนี้ ใครได้เป็นเมียถือว่ามีกรรมมาก” แม่แม้นเอ่ยวาจาขึ้นด้วยท่าทีเย้ยหยัน “ก็ลูกคุณป้าไงได้รับกรรม” ยิวพูดโดยไม่ทันได้คิด “เด็กนี้พูดจาไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ ไม่มีมารยาทไร้สกุลสิ้นดี” “นามสกุลหนูสืบเชื้อสายมาหลายชั่วอายุคนด้วยนะคะ” “เถียงคำไม่ตกฟาก คนอย่างนี้ข้าไม่สามารถที่จะรับมาเป็นลูกสะใภ้ได้ อย่างมากที่สุดก็เป็นได้นางบำเรอ” “ไม่เกี่ยวกับป้าเลยมันเรื่องของคนสองคน” “พอได้แล้ว” แม่ทัพวิศรุฒจับแขนของยิวไว้แล้วเขย่า ยิวรู้สึกไม่ค่อยพอใจแม่ของแม่ทัพวิศรุฒที่พูดจาดูถูกเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อแม่ทัพวิศรุฒเขย่าแขนจึงทำให้เขาได้สติขึ้นมา ยิวจึงยืนเงียบลง “พอกันทั้งคู่ ทะเลาะเป็นเด็กไปได้ เอาอย่างนี้แม่แม้นก็อบรมบ่มนิสัยสิ เดี๋ยวข้ากับลูกต้องเข้าไปในวังประชุมเรื่องทำสงคราม เพราะพรุ่งนี้ลูกของเราต้องไปสนามรบแล้ว” อำมาตย์วิษณุเอ่ยขึ้น “อะไรกันเล่า พึ่งกลับมาได้ไม่นานจะไปอีกแล้ว” “ลูกเราเป็นชายนักรบ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องไปออกปกป้องบ้านเมือง วิศรุฒก็หาลูกสะใต้มาอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่ แม่แม้นจะกลัวเหงาไปใย” ความรู้สึกของยิวตอนนี้ใจของเขาหายรู้สึกหวั่นไหว ถ้าแม่ทัพจากไปสนามรบเขาจะอยู่กับแม่ของวิศรุฒได้อย่างไรกัน ในส่วนผู้เป็นพ่อเท่าที่ยิวดูเขาก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนแต่อย่างใด ในระหว่างที่ยิวกำลังคิดเรื่องราวนี้อยู่ ก็ได้มีบ่าวคนหนึ่งมาบอกกล่าวว่ามีคนมาหา “ท่านอำมาตย์ มีพ่อลูกคู่หนึ่งมาหา เอ่อ คนชื่อ โสพล เขาก็บอกว่ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อวานนี่ขอรับ” ยิวสลัดความคิดในตอนนี้ทิ้งไปทันที เพราะมีเรื่องใหม่ที่น่ากังวลกำลังจะเกิดขึ้น เพราะทุกสายตาจ้องมาที่เขาเป็นทางเดียวกัน “เอ่อ น้องชายเราเอง เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” ยิวพูดขึ้นมาใกล้ๆ หูของแม่ทัพวิศรุฒ “เอ็งมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไร” แม่ทัพมองหน้าของยิวด้วยสายตาใคร่รู้และหวาดระแวง “ถ้างั้นก็พาเข้ามาได้เลย” อำมาตย์วิษณุเอ่ยขึ้น “มาคนเดียวไม่พอกะจะมาอาศัยที่นี่ทั้งบ้านเลยกระมั้ง” “เอาน่า เขาอาจมีธุระต้องคุยกันก็ได้” ท่านอำมาตย์กล่าวขึ้น “ใช้ น้องของหนูเขาอยากเป็นทหารน่ะ คุณลุงกับท่านแม่ทัพจะรับไว้ไหม” ยิวมองหน้าของท่านอำมาตย์วิษณุและท่านแม่ทัพ “เอ่อ น่าสนใจดีนะ เอ็งยังขาดคนสนิทอยู่เลยวิศรุฒ เพราะไอ้ทันมันมีเมียแล้วจะไปไหนต่อไหนก็ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน ถ้าได้น้องของโสพล เอ๊ะ มันชื่อผู้ชายนี่” อำมาตย์วิษณุมีท่าทีสงสัย “ชื่อ โสภี พี่คนนั้นคงเรียกผิด” ยิวรีบแก้ต่างทันที “อือ โอ้ โน้นมาแล้ว” ท่านอำมาตย์เอ่ยขึ้น “ถ้างั้นเดี๋ยวหนูลงไปหาสองคนนั่นก่อน” ยิวไม่รอได้รับคำอนุญาตเขาเดินลงบันไดไปหาทั้งสองทันที ซึ่งเมื่อลงบันไดไปถึงสองคนนั้นก็มีท่าทีตกใจอย่างมาก “ลุง กับ จอม อย่าพูดอะไรไปนะ” “ทำไมเอ็งแต่งเป็นผู้หญิง” ลุงนำขบวนพูดขึ้นด้วยทาทีสงสัย “แต่พี่โสพลแต่งเช่นนี้ก็เหมือนผู้หญิงนะขอรับ แถมสวยด้วยกระผมว่าสวยกว่าผู้หญิงอีก” จอมมองตาค้าง “อย่าพูดแบบนี้ พี่บอกเราว่าเป็นน้อง คือ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จอมต้องเรียกว่าพี่ แทนตัวเองว่าน้องเข้าใจไหม” “ขอรับพี่โสพล” “บอกแล้วไงพูดครับ ไม่ต้องขอรับ เข้าใจไหม และอีกอย่างพี่ชื่อโสภี” “เข้าใจครับ” “ดีมากหัวไวนะเราน่ะ” “ทำไม่เอ็งแต่งผู้หญิง แล้วมาอยู่ในฐานะอะไร” “เมียท่านแม่ทัพ” “ฮ่ะ” ทั้งสองพูดเสียงพร้อมกันด้วยความแปลกใจ และตกใจอย่างหนักกับคำพูดของยิว “ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่าเอ็งเป็นผู้หญิงเหรอ” ลุงนำขบวนพูดค่อยๆ “รู้ แต่ลุงอย่าพึ่งรู้เลยขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่า” หลังจากที่ยิวจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเสร็จ เขาก็พาสองพ่อลูกขึ้นมาข้างบนเรือนชาน ซึ่งพ่อแม่ลูกที่รออยู่ข้างบน ต่างมองจอมเป็นตาเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม