6 | เด็กเสี่ย

2196 คำ
บทที่ 6 เด็กเสี่ย PHAYUK’S PART ; “ไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมทำหน้างั้นวะ” ทันทีที่เดินขึ้นมายังรถตู้สีดำเงา เสียงเข้มของคนในรถก็เอ่ยขึ้นพลางมองหน้าของผมที่ตอนนี้แสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน ไม่ได้ไปกินรังแตนที่ไหนหรอก แต่ดันไปเจอยัยบ้านั่นที่หาว่าผมเป็นโรคจิตก็เลยทำให้หงุดหงิดแบบนี้! “ใครทำอะไรมึงวะเพื่อนบอกกูมา เดี๋ยวกูไปจัดการให้” “เออ เป็นไรวะ” ผมหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้นั่งกันอยู่สามคนหากรวมผมด้วยก็จะเป็นสี่ ซึ่ง ‘ภีม’ นั่งอยู่เบาะหน้าบริเวณหลังคนขับ ส่วน ‘ออกัส’ ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ไอ้ภีม และ ‘คราม’ นั่งเบาะถัดไปข้างหลังซึ่งตัวมันก็นั่งอยู่ห่างจากผมไปหนึ่งเบาะเท่านั้น แล้วตอนนี้สายตาของทุกคนก็ต่างจดจ้องมองผมด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของผม “มึงจำวาได้ไหมวะ” ผมเอ่ยออกมาขณะที่สายตาก็ทอดมองออกนอกกระจกรถที่ยังคงจอดสนิทอยู่บริเวณหน้าบริษัทเครื่องดื่ม “วาไหนวะ” “เออ วาไหนก่อน พูดอย่างกับว่าบนโลกนี้มีคนชื่อวาแค่คนเดียวอะไอ้เสือ” ผมถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะเอ่ยอธิบายให้พวกมันเข้าใจมากขึ้น เพราะผมเชื่อว่าพวกมันจะต้องจำเธอได้อย่างแน่นอน “วารีที่เรียนบริหาร ที่ไอ้นอร์ทเคยคุยกับเขาอะ” “อ๋อ! จำได้ดิวะ เชี่ยแม่ง...พูดแล้วรู้สึกผิดกับน้องกับเขาเลยว่ะ” เมื่อผมขยายความก็ทำให้พวกมันจำได้ในทันที แต่ถัดมาก็ทำให้เห็นสีหน้าของพวกมันที่ดูท่าทางแล้วจะรู้สึกผิดต่อเธออยู่ไม่น้อย คงไม่พ้นเรื่องสมัยเรียนที่ไอ้นอร์ททำให้เธอเสียใจนั่นแหละ “รู้สึกผิดอะไรวะไอ้ภีม” “เอ้า ก็พวกเราไม่ได้ห้ามไอ้นอร์ทนี่หว่าที่มันคุยกับคนอื่นอะ คือจะว่ายังไงดีตอนนั้นกูก็รู้ว่าไอ้นอร์ทมันผิดนะเว้ยที่ตั้งใจหลอกน้องเขาอะ แต่กูก็ไม่เคยออกปากห้ามมันเลยสักครั้ง จนน้องวาเขามาจับได้คาหนังคาเขานั่นแหละ” ความจริงแล้วผมก็เคยปรามไอ้นอร์ทมันอยู่เหมือนกันแหละ แต่ไอ้นอร์ทมันเป็นคนที่ไม่ฟังใคร อีกทั้งในวันนั้นเธอยังเข้าใจผมผิดคิดว่าผมเป็นคนสนับสนุนให้เพื่อนมีคนอื่นอีก พูดก็พูดนะคือตอนผมแนะนำให้ไอ้นอร์ทรู้จักกับผู้หญิงอีกคนจริง ๆ แต่ผมไม่รู้ว่ามันยังคุยกับเธออยู่ ไอ้นอร์ทมันบอกผมว่ามันไม่ได้คุยกับใครแล้ว ผมก็เลยแนะนำให้มันรู้จักกับรุ่นน้องไป แต่ใช่ที่ไหนล่ะ วันนั้นระเบิดลงเต็มที่ แถมยังได้รอยตบมาประทับหน้าอีก! แต่ก็ว่านะ...เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วเธอคงไม่ได้โกรธเกลียดผมแล้วล่ะมั้ง อีกทั้งในตอนนี้ผมก็ไม่ได้ติดต่อกับไอ้นอร์ทอีกแล้วด้วย พอเรียนจบพ่อของมันก็ส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพราะเห็นว่ามันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลยทำให้พ่อมันโกรธมากจนถูกลงโทษให้ไปอยู่ต่างประเทศทั้งที่ในตอนแรกผมตั้งใจว่าจะมาตั้งวงดนตรีด้วยกัน “แล้วมึงพูดถึงน้องวาทำไมวะ” “เออ ทำไมวะ มึงเจอน้องเขาเหรอ” “อืม” ผมตอบเบา ๆ แต่จังหวะนั้นทำให้สายตาของผมเหลือบไปเห็นเจ้าตัวด้านนอกกระจกพอดิบพอดี “เจอที่ไหน” “นั่นไง” ผมพเยิดหน้าไปด้านนอกกระจกซึ่งเป็นเธอที่กำลังเดินออกมาจากบริษัทพอดี อีกทั้งข้างกายของเธอยังมีชายคนหนึ่งที่ดูแล้วอายุน่าจะห้าสิบหรือหกสิบปีได้ แต่ทว่าท่าทางความสนิทสนมที่เห็นนั้นกลับทำให้ผมยิ่งแปลกใจขึ้นมา “นั่นน้องวาเหรอวะ สวยขึ้นมากเลยอะ เชี่ย! อย่างกับดารา!” “เออจริงมึง สวยมาก ว่าแต่น้องเขามาทำอะไรที่นี่วะ แล้วคนข้าง ๆ น้องใครวะ แต่งตัวอย่างกับเจ้าของบริษัท” “กูเจอเธอพอดีเห็นว่าเพิ่มมาทำงานใหม่ อยู่ฝ่ายประสานงาน” ผมบอกเอ่ยไปแต่สายตาก็ยังคงจดจ้องกับหญิงสาวไม่วางตา ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำให้ผมสนใจเธอกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ท่าทางสนิทสนมกันมากแถมยังมีการลูบหัวกันอีกกลับยิ่งทำให้ผมสงสัย จะว่าก็ว่าเถอะ ผมไม่ได้มีความคิดดี ๆ เลยนี่สิ “พวกมึงคิดเหมือนกูไหมวะ” เป็นเสียงของไอ้ออกัสที่เอ่ยขึ้นภายใต้ความเงียบ สายตาของมันเองก็มองไปที่เธอเช่นกัน หากไม่ต้องพูดออกมาก็รู้ว่าตอนนั้นมันกำลังคิดอะไรอยู่ “กูว่าไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก มึงจะบ้าเหรอ น้องเขาไม่ใช่คนแบบนั้น” “มึงรู้ได้ยังไง” ผมถามกลับไปในทันทีเมื่อไอ้ครามเอ่ยปฏิเสธขึ้นแทน “ก็...” “กูเองก็ไม่แน่ใจนะเว้ย แต่สองคนนั้นสนิทสนมกันมากเหมือนกับว่าน้องวามีซัมติงกับเขาอะ น้องแม่งเป็นเด็กเสี่ยแน่เลยว่ะ!” ไอ้ออกัสเอ่ยทุกความคิดออกมาเมื่อเห็นภาพด้านนอกกระจก ซึ่งในตอนนี้วารีได้ขึ้นรถคันหรูไปพร้อม ๆ กับผู้ชายคนนั้นแล้วเรียบร้อย นั่นแหละ...ผมเองก็คิดเหมือนมันแต่ไม่กล้าพูดออกไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ผมคิดแบบนั้น รู้อยู่หรอกว่ามันเป็นการตัดสินทั้งที่ยังไม่รู้ความจริงแต่ผมกลับคิดแบบนั้นไปแล้วตั้งแต่แรกเห็นและลึก ๆ ผมก็รู้สึกมั่นใจว่าเธอจะต้องเป็นเด็กเลี้ยงของผู้ชายคนนั้นแน่ “เสียดายเลยว่ะ น้องยังเด็กอยู่เลยไม่น่าคิดตื้น ๆ แบบนี้” “ช่างเหอะ มันไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปสนใจเลย” ผมบอกปัด ๆ และเลิกสนใจกับเรื่องในหัว เพราะความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรมาใส่ใจ อีกทั้งผมก็คิดว่าคงไม่ได้เจอเธออีกแล้วแน่นอน ที่ผมมาที่บริษัทนี้ก็เพราะทางบริษัทติดต่อวงดนตรีของพวกผมไปเพื่อให้เป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เครื่องดื่ม ซึ่งพวกผมก็ปฏิเสธไปแล้วนะแต่ทางบริษัทก็ขอเรียกคุยอีกครั้งเพราะอยากให้พวกผมเป็นพรีเซนเตอร์ให้จริง ๆ แต่ก็นะ...พวกผมมันค่อนข้างติสท์อะ ไม่อยากออกกล้องเท่าไหร่ ชอบเล่นดนตรีร้องเพลงมากกว่า แล้วที่สำคัญวงของพวกผมในตอนนี้มันก็ค่อนข้างเป็นกระแสเลยไม่อยากให้สายงานด้านอื่นมาแทนที่การเป็นนักดนตรี ผมอยากโฟกัสกับงานของตัวเองมากกว่าการถ่ายแบบหรือโปรโมตสินค้าอะไรนั่น แบบนั้นมันไม่ใช่ทางของผมเลยสักนิด 11 MOON CLUB เสียงเพลงและดนตรีเคล้าคลอไปตามห้วงอารมณ์รวมไปถึงคนด้านล่างเวทีต่างลุกขึ้นจากโต๊ะขยับโยกพร้อมด้วยแสงไฟฉายจากโทรศัพท์ที่สาดสองจากดวงเล็ก ๆ ให้กลายเป็นกลุ่มแสงสวยงามตามความต้องการที่ผู้เป็นนักร้องนำได้เอ่ยปากขอให้ทุกคนช่วยทำตาม ผมยังคงทำหน้าที่ในการเล่นเบสตามจังหวะเพลงเนื่องจากช่วงท้ายแล้วคีย์ค่อนข้างหนัก อ้อ! ลืมแนะนำไปว่าผมรับหน้าที่เป็นมือเบสของวง ส่วนไอ้ภีมเป็นนักร้องนำ ไอ้ครามเป็นมือกลอง และไอ้ออกัสก็เป็นมือคีย์บอร์ด พวกเราสี่คนรับงานตามที่ค่ายได้จัดตารางจากผู้ว่าจ้าง พวกผมน่ะสังกัดอยู่ในค่ายชื่อดังของประเทศแต่เจ้าของค่ายก็เป็นรุ่นพี่ที่ผมรู้จักนั่นแหละ อย่างที่บอกว่าช่วงนี้วงของผมค่อนข้างอยู่ในกระแสเลยทำให้มีงานตามร้านผับบาร์เยอะ บ้างก็มีออกรายการแต่พวกนั้นน่ะไม่ค่อยได้รับเท่าไหร่หรอกนอกจากจะเป็นงานสำคัญจริง ๆ ที่ทางค่ายไม่สามารถเลี่ยงได้ “เอ้าทุกคน ก่อนจากกันในวันนี้ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันร้องท่อนสุดท้ายให้สุดเสียงเลยนะครับ” หลังจากที่ไอ้ภีมพูดจบทุกคนก็ต่างประสานเสียงร้องเพลงในท่อนสุดท้ายไปตามจังหวะเพลง ซึ่งพวกผมทั้งสี่คนก็ใส่พลังไปจนสุดเช่นกัน เวลาที่ได้อยู่กับสิ่งที่ชอบแล้วแทบจะทำให้ผมลืมเลือนสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันไปในทันที จนกระทั่งได้เวลาที่ต้องลงจากเวทีเมื่อสิ้นสุดหน้าที่ในค่ำคืนนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมและเพื่อนทั้งสามคนเดินมาบริเวณด้านหลังร้านเพื่อที่จะกลับขึ้นไปบนรถที่จอดรออยู่ที่ประตูอีกฝั่ง “หิวว่ะ หาข้าวกินก่อนได้ไหมวะ” เป็นเสียงของไอ้ภีมที่พูดขึ้นทันทีที่ก้าวขึ้นมาบนรถ “เออ กูก็หิว” “กูขอบายนะ เป็นห่วงครีมว่ะ” ไอ้ครามแทรกขึ้นก่อนที่มันจะก้มหน้าลงและกดโทรศัพท์ยิก ๆ ราวกับว่ามีเรื่องอะไรให้เป็นกังวล แต่ครีมที่ว่าน่ะคือน้องสาวมันเองแหละ ไอ้ครามมันเป็นคนที่รักน้องสาวมาก เวลาออกมาเล่นดนตรีตามร้านทีก็มักจะห่วงน้องสาวมันอยู่ตลอด “น้องมึงโตแล้วไอ้ห่า จะหวงไปถึงไหน” “สัส เรื่องของกู!” “เอ้าไอ้เวรนี่...” “ปล่อยมันไปเถอะ งั้นพวกเราก็หาข้าวกินกัน กูเองก็หิวเหมือนกัน” ผมสรุปประเด็นเรียบร้อยเพราะไม่อยากให้เสียเวลามากกว่านี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้ครามมันขอตัวกลับก่อนเป็นแทบทุกครั้งเลยก็ว่าได้ผมเลยไม่ได้ติดใจอะไร ลึก ๆ ก็พอจะรู้ด้วยว่าหลังจากที่กินข้าวเสร็จไอ้ภีมมักจะชวนไปดื่มเหล้าต่อก็เลยทำให้ไอ้ครามเลี่ยงไปทุกครั้ง ส่วนผมกับไอ้ออกัสก็ไม่ค่อยขัดอะไรหรอก วันไหนอยากอยู่ต่อก็ไปแต่ถ้าไม่ก็แยกย้ายกลับแค่นั้น เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยไอ้ครามก็ขอตัวแยกกลับไปคนเดียวส่วนพวกผมก็พากันมาที่ร้านข้าวต้มข้างทางซึ่งใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึง พอถึงร้านทุกคนก็ต่างสั่งอาหารตามความหิวที่รู้แล้วน่าจะเยอะจนเต็มโต๊ะ ส่วนไปภีมก็ลุกขึ้นไปตักน้ำแข็งก่อนจะวางแก้วประเคนให้พร้อมตรงหน้าของทุกคน “เฮ้ย ๆ มึงดูรถคันนั้นดิไอ้เสือ นั่นใช่รถที่บริษัทพ่อมึงนำเข้ามาป้ะวะ” ไอ้ออกัสสะกิดให้ผมหันไปตามระดับสายตาแต่เพียงแค่ได้ยินเสียงตัวรถก็ทำให้ผมแทบจะตอบได้ทันทีว่าใช่อย่างที่มันถามมานั่นแหละ ผมเป็นคนชอบรถน่ะอีกทั้งพ่อของผมยังเปิดบริษัทนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศเลยทำให้รู้เรื่องนี้พอสมควร และก็มั่นใจด้วยว่ารถคันนั้นจะต้องซื้อมาจากบริษัทของพ่อผมเป็นแน่ “ขับรถหรูมากินข้าวต้มข้างทางเหรอวะ กูอย่างชอบ” “ไอ้กัส จะขับรถรุ่นไหนเขาก็หิวเป็นเหมือนกันไหมวะ” “เออว่ะ” ผมหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำถามจากปากไอ้ออกัส มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนจะมาทานข้าวต้มข้างทาง เพราะไม่ว่าจะขับรถหรูหรือรถเก่าแค่ไหนก็ต้องทานข้าวประทังชีวิตทั้งนั้น “เหี้ยแล้วมึง!” อยู่ ๆ ไอ้ภีมก็ร้องอุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “อะไรวะ” “นั่นน้องวานี่หว่า!” ฮะ? วาไหนนะ ขอฟังอีกที “ไหนวะ เชี่ย...น้องวาจริงด้วย!” เป็นเสียงไอ้ออกัสที่เอ่ยไปตาม ๆ กันแถมยังมีสีหน้าที่ไม่ต่างจากไอ้ภีมเท่าไหร่ ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ผมหันไปตามระดับสายตาของมันเลยเห็นว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านข้าวนั้นเป็นเธอจริง ๆ เธอคือวารีคนที่ผมเพิ่งเจอะเจอกับเธอเมื่อเช้านี้ยังไงล่ะ! “แต่คราวนี้น้องไม่ได้มากับเสี่ยว่ะ น้องมากับพ่อหนุ่มคนงาม” ไอ้ภีมก้มหน้าลงกระซิบแผ่วเบาพลางลอบมองไปยังหญิงสาวที่ตอนนี้เลือกโต๊ะนั่งซึ่งห่างจากโต๊ะของพวกผมพอสมควร “เหอะ!” ผมเค้นเสียงหัวเราะและเหยียดยิ้มที่มุมปากเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น กลางวันคนหนึ่งส่วนกลางคืนก็อีกคนหนึ่ง แม่สาวเจ้าเสน่ห์ก็คงหว่านมารยาไปทั่วนั่นแหละ! PHAYUK’S PART ; END
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม