11 | แม่หมอวารี (2)

1523 คำ
บทที่ 11 แม่หมอวารี (2) “ดวงไอ้ครามเป็นไงมั่งอะน้องวา” พี่ออกัสเอ่ยขึ้นทำให้ฉันส่งรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเริ่มต้นการทำนายไพ่ “วาต้องบอกตามตรงนะคะว่าไพ่ที่เปิดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ช่วงนี้ภาระหน้าที่ของพี่ครามเยอะมากเลยทำให้เครียดและคิดมากอยู่บ่อย ๆ จัดการกับปัญหาไม่ค่อยได้ อีกทั้งสิ่งรอบตัวยังกลายเป็นปัญหาที่ทำให้พี่ครามยิ่งคิดมาก และที่สำคัญที่วาอยากจะเตือนเลยก็คือไพ่บอกว่าอาจจะเกิดการสูญเสีย ซึ่งวาเองก็ไม่สามารถบอกได้นะคะว่าเป็นเรื่องอะไร อาจจะสูญเสียคนที่รัก สูญเสียงานที่สำคัญ หรืออาจจะทำของสำคัญหล่นหายได้ค่ะ” ฉันเอ่ยออกไปทั้งหมดภายในใจซึ่งก็ลอบมองสีหน้าและการกระทำของคนตรงหน้าเป็นระยะ อาการของพี่ครามดูเป็นกังวลเล็กน้อยแต่เขาก็ฟังฉันอย่างตั้งใจและดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่ได้เก็บคำพูดของฉันมาคิดมากสักเท่าไหร่...รึเปล่านะ “อย่าคิดมากนะคะพี่คราม ไพ่บอกมาแบบนี้ก็จริงแต่ว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอค่ะ ช่วงนี้วงของพวกพี่กำลังดังเลยทำให้ต้องทำงานหนัก แต่เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ” “อืม...ความจริงช่วงนี้พี่ก็คิดมากจริง ๆ มันมีหลายเรื่องให้คิดน่ะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องอะไรไม่รู้อยู่เต็มไปหมด” แต่ทว่าประโยคท้ายทำให้ฉันเห็นถึงสีหน้าของพี่ครามที่แปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจและมีความกังวลอย่างเด่นชัด “เลิกงมงายไอ้คราม พวกมึงด้วย” เหอะ! เสียงมารมาขัดอีกแล้ว ฉันถึงกับจิ๊ปากส่งสายตาขวางไปให้กับเจ้าของเสียงนั้นอย่างไม่พอใจที่เขาว่าฉันแบบนี้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกกับฉันตรง ๆ แต่ก็รู้ไอ้คำว่า ‘งมงาย’ ที่เขาเอ่ยน่ะหมายหัวถึงฉันอย่างชัดเจน! “มันคือความเชื่อส่วนบุคคลเว้ย อย่าว่างมงายเลย” ฉันรีบพยักหน้ากับคำพูดของพี่ภีม จริงที่สุด! มันคือความเชื่อส่วนบุคคลใครอยากเชื่อก็เชื่อ ส่วนใครที่ไม่เชื่อก็ไม่ต้องมาเปล่งคำพูดน่าหงุดหงิดให้ฟังแบบนี้ ไอ้บ้านี่! “เหอะ ความเชื่อส่วนบุคคลงั้นเหรอ” “งั้นมึงนั่งเลยไอ้พยัคฆ์ น้องวาครับช่วยดูดวงให้ไอ้เสือนี่หน่อยนะครับพี่อยากรู้” “มึงจะเสือกอยากรู้เรื่องของกูทำไม ปล่อยกู” พี่พยัคฆ์ถูกรั้งให้นั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าของฉัน ทั้งยังโดนพี่ภีมล็อกตัวเอาไว้อีก ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยายามต่อต้านแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเพราะพี่ออกัสก็เดินเข้ามาล็อกตัวอีกแรงจนในตอนนี้พี่พยัคฆ์ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลยสักนิด “เชี่ย! ปล่อยกูไอ้พวกเวร!” “ไม่ปล่อยโว้ย กูอยากรู้ดวงของมึงอะ นั่งเฉย ๆ ให้น้องวาเขาทำนายดิวะ” “กูไม่อยากรู้ ปล่อยกู!” “ไม่อยากรู้หรือว่ากลัวดวงของตัวเองกันแน่” เมื่อเห็นว่าความสนุกกำลังเกิดขึ้นจึงทำให้ฉันเอ่ยคำท้าทายเขาออกไปพลางยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้ “กลัว? เหอะ คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไร” “ถ้าไม่กลัวก็นั่งนิ่ง ๆ แล้วตั้งจิตของตัวเอง เลือกไพ่ตรงหน้ามาสามใบแล้วฉันจะทำนายดวงของนายให้ฟัง” คนตรงหน้ามองฉันอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตามที่ฉันบอกแต่โดยดี ฉันรู้ดีว่าคนอย่างเขาน่ะคงไม่ยอมให้ใครมาท้าทายได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ไพ่สามใบวางเรียงอยู่ตรงหน้าทำให้ฉันเปิดมันออกและกวาดสายตามองความหมายของไพ่ ซึ่งทำให้พวกเพื่อน ๆ ของเขาต่างก็ให้ความสนใจหรือเรียกได้ว่าลุ้นยิ่งกว่าเจ้าตัวซะอีก แต่ทว่า... ทันทีที่ฉันเปิดไพ่ออกก็ทำให้ฉันชะงักไปในทันที ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่พยัคฆ์ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงบนหลังมือของเขาแต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็ว “ทำบ้าอะไรวะ!” “หุบปากแล้วนั่งอยู่เฉย ๆ!” ฉันตวาดออกไปเสียงดังทำให้อีกฝ่ายชะงักเพราะเขาไม่เคยเห็นฉันในมุมแบบนี้มาก่อน แน่ล่ะ ตอนนี้มันไม่เหมือนกับทุกครั้ง เพราะไพ่ที่เขาเลือกมานั้นบอกว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างที่ครอบงำจิตใจเขาอยู่ แต่ที่ฉันจำเป็นต้องสัมผัสตัวของพี่พยัคฆ์ก็เป็นเพราะฉันอยากต้องการรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างให้ชัดเจนขึ้น เพราะวันนั้นที่ค่ายเพลงฉันรู้สึกถึงพลังงานของดวงวิญญาณที่อยู่รอบตัวเขา ในตอนแรกฉันไม่แน่ใจหรอกว่าเงาดำ ๆ ของผู้หญิงนั้นคืออะไรแต่พอเปิดไพ่ในวันนี้กลับทำให้ฉันกล้ายืนยันว่าจะต้องเป็นดวงวิญญาณที่ตามติดเขาแน่นอน! แต่สาเหตุนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร คงจะมีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้ได้ “มีดวงวิญญาณตามติดนายอยู่นะ แรงอาฆาตด้วย” ฉันเอ่ยออกไปขณะที่มือยังคงสัมผัสกับตัวของเขา ซึ่งประโยคนั้นทำให้ทุกคนต่างเงียบลงและหันหน้ามองกันด้วยความสับสน “พูดบ้าอะไร ไร้สาระ!” “ฉันพูดจริง ๆ แล้วในตัวของนายน่ะมีบางสิ่งบางอยู่ด้วย ทางแก้ก็คือจะต้องไปทำบุญให้ครบเก้าวัดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป” ปัง! “Damn! หยุดเพ้อเจ้อสักทีก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว” พี่พยัคฆ์ตบโต๊ะเสียงดังขึ้นกับลุกขึ้นยืนชี้หน้าของฉันอย่างเดือดดาลสุดขีด อีกทั้งแววตาของเขาในตอนนี้ก็แปรเปลี่ยนไปรวมไปถึงสีนัยน์ตาที่สว่างวาบไปชั่วครู่ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้น ใช่จริง ๆ ด้วยสินะ ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกบางอย่างควบคุมอยู่ทำให้ตอนนี้เขาโมโหร้ายเมื่อฉันพูดถึงเรื่องนี้ “เฮ้ยไอ้พยัคฆ์ใจเย็นก่อน” “ใจเย็นเหี้ยไร พวกมึงก็เลิกงมงายไร้สาระได้แล้ว!” “ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อนะ ฉันพูดจริง ๆ ตอนนี้ดวงของนายกำลังตกทำให้มีดวงวิญญาณตามติดนายไปทุกที่ ถ้านายไม่อยากให้ทุกอย่างมันสายเกินแก้ก็ทำตามที่ฉันบอกซะ ไม่เคยสังเกตตัวเองบางเหรอว่าช่วงนี้นายโทรมผิดปกติ แถมยังโมโหร้ายอีกต่างหาก ก็เพราะว่ามันมีดวงวิญญาณ...อ๊ะ!” หมับ! “หุบปาก! บอกให้หยุดพูดไงวะ!” ร่างสูงตรงเข้ามากระชากร่างของฉันอย่างแรงด้วยความโกรธจัด มือหนาบีบรัดที่ต้นแขนก่อนจะออกแรงเขย่าพร้อมกับตะคอกใส่หน้าของฉันจนเพื่อน ๆ ของเขารีบตรงปรี่เข้ามาห้ามกันยกใหญ่ คนอื่น ๆ ภายในงานก็ต่างให้ความสนใจและมองเขาเป็นสายตา เพราะในตอนนี้พี่พยัคฆ์ควบคุมสติของตัวเองไม่ได้แล้ว ทั้งยังดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละอีกอย่างที่เคยเห็นตามหน้าโทรทัศน์หรือสื่อออนไลน์อีก “สัสนี่ มึงเอาตัวมันออกไปดิ้ เดี๋ยวแม่งก็เป็นข่าวอีก” “มึงเลิกบ้าได้แล้วไอ้เสือ มานี่เลยมึง!” พี่พยัคฆ์ถูกเพื่อนของเขาพาตัวออกไปนอกงานเพราะกลัวว่าจะเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งฉันเองก็ได้แต่มองตามเขาที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง “พี่ขอโทษแทนไอ้พยัคฆ์ด้วยนะน้องวา ไม่รู้ว่าวันนี้มันเป็นอะไร ขอโทษจริง ๆ นะครับ” พี่ภีมเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด ซึ่งฉันเองก็ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่ได้ถือโทษโกรธอยู่แล้ว “ไม่เป็นไรค่ะพี่ภีม แต่ช่วยดูแลเพื่อนหน่อยนะ วารู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเชื่อยาก แต่วาพูดจริง ๆ ค่ะว่าตอนนี้กำลังมีผีตามเพื่อนพี่อยู่ ถ้าปล่อยไว้นานมันจะหาทางแก้ได้ยากนะคะ” ฉันผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเขายังไงเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกได้จริง ๆ ว่ามันมีสิ่งบางอย่างที่กำลังควบคุมจิตใจของเขาอยู่ และถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้อีกไม่นานเขาก็จะถูกดวงวิญญาณครอบงำและถ้าหากร้ายแรงมากเกินไปก็อาจจะเสียชีวิตได้ในที่สุด ซึ่งฉันไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น...ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบเขาแต่การที่เห็นคนอื่นเดือดร้อนฉันก็ไม่ควรอยู่เฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ แต่คนอย่างหมอนั่นธรรมดาที่ไหนล่ะ แถมผีตานั่นก็มีพลังงานมหาศาลอีกด้วย โอ๊ย! หัวจะปวด!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม