กลิ่นอับของห้องนอนที่ไม่ได้เปิดใช้มานานทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก เธอฉีดสเปรย์กลิ่นหอมสดชื่นหลายครั้งเผื่อว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่สุดท้ายกลับเวียนหัวยิ่งกว่าเดิม
“เปิดหน้าต่างรับลมน่าจะดีกว่า”
กอบัว วราวงศ์ หรือ บัว ยิ้มให้กับตัวเองหลังจากทำเช่นนั้นแล้วพบว่าอากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวกขึ้น ยามจัดเก็บข้าวของเครื่องเข้าตู้เสื้อผ้าและวางบนโต๊ะอ่านหนังสือ จึงไม่รู้สึกหน้ามืดเหมือนตอนที่เข้ามาใหม่แล้ว
ในขณะที่วุ่นวายอยู่กับการจัดห้อง กอบัวมักเผลอมองไปยังประตูอย่างหวาดหวั่นอยู่เรื่อยๆ เธอสะดุ้งทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ครั้งแรกคือสาวใช้ที่แวะเอาเครื่องนอนมาให้เพิ่มเติม ส่วนอีกครั้งคือคุณแม่บ้านที่แวะมาสอบถามว่าจะให้ตั้งสำรับอาหารมื้อเย็นเลยไหม
เธอปฏิเสธอย่างสุภาพ บอกว่าเหนื่อยจนกินอะไรไม่ลง และอีกเดี๋ยวจะลงไปหานมและขนมปังรับประทาน แน่นอนว่าคุณแม่บ้านไม่ยอม สั่งให้สาวใช้นำขนมปังและนมขึ้นมาให้ พร้อมทั้งกำชับว่าให้ดื่มในขณะที่ยังอุ่นอยู่
กอบัวไม่กล้าขัดใจใคร เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสองชั่วโมงก่อนแบบไม่ทันตั้งตัว จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าถูกบังคับเก็บของออกจากบ้านอย่างเร่งรีบ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปที่นั่นอีก
แต่เธอไม่ได้อยากกลับไปที่บ้านหลังนั้นแล้ว
เบื่อแล้วกับการถูกมารดาเลี้ยงโขกสับ เหนื่อยแล้วกับการที่บิดาแท้ๆ ไม่ใส่ใจยามลูกสาวคนเล็กถูกกลั่นแกล้ง แม้กระทั่งถูกทำร้ายร่างกายและขังไว้ในห้องน้ำเมื่อเช้า เขาก็ไม่ได้ทีท่าห่วงใยแต่อย่างใด
คุณพ่อไม่ได้รักคุณแม่ เขาเคยประกาศว่าแต่งงานก็เพราะว่าความจำเป็นบีบบังคับ
ส่วนกอบัว… คือข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย
“แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ” คนตัวเล็กปลอบใจตัวเองหลังจากอาบน้ำเสร็จ นึกโล่งใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีใครอารมณ์เสียหรือร้องไห้วุ่นวายเหมือนในละครทีวี นอกจากมารดาเลี้ยงที่กล่าวโทษว่าเธอคือคนที่ควรต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด
ส่วนเขากลับเรียกเธอว่า… ตัวประกัน
กอบัวลูบแขนเบาๆ เมื่อนึกถึงสายตาดำขลับดุจท้องฟ้ายามราตรี เขาหล่อเหลามากกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา ใบหน้ายังคงอ่านได้ยากว่าคิดเรื่องอะไรอยู่ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอรู้คือเขาอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
มือเรียวหยิบสมุดโน้ตและหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวานขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเธอมีสอบวิชาเลือกเสรี แม้มั่นใจว่าเกรดต้องออกมาดีมากๆ เพราะวิชานี้เน้นเก็บคะแนนจากการเข้าเรียนและการมีส่วนร่วมในห้องเรียน แต่กอบัวก็ไม่ประมาท รีบเปิดหนังสือหน้าที่อ่านค้างเอาไว้ ลงมือทบทวนบทเรียนทันที
กอบัวสอบได้เอเกือบทุกวิชา มีเพียงสองสามวิชาที่ได้บีบวกเพราะไม่ค่อยถนัด วิชาเลือกนี้ความจริงแทบไม่ต้องอ่าน อาจารย์สอนอะไรในห้อง เธอจำได้หมดทุกอย่าง แทบไม่ต้องทวนให้เสียเวลา แต่ที่ต้องอ่านหนังสือก็เพราะว่าคืนนี้มีเรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว คงไม่ใช่คุณแม่บ้านใจดีหรือสาวใช้ หลังจากได้ยินเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเบาๆ กอบัวจึงรู้ได้ในทันทีว่าเธอเข้าใจถูกต้องว่าเจ้าของบ้านคงอยากทักทายเธอ
“คุณเอื้อ… มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปิดประตูก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งเข้ามาในห้องนอนคือเจ้าของบ้าน ส่วนเธอตอนนี้อยู่ในฐานะตัวประกัน เรื่องจะขัดใจคือลืมไปได้เลย
“ห้องนี้เป็นยังไงบ้าง อยู่ได้หรือเปล่า”
เขาพึมพำว่าไม่ตั้งใจให้ใครมาอยู่ที่ห้องนี้ จึงอยากจะเข้ามาดูว่ามันสะอาดดีพอแล้วหรือยัง ปรากฏว่ายังมีกลิ่นอับและฝุ่นอีกเล็กน้อย
“เธอควรไปนอนห้องฉัน อากาศห้องนี้ไม่ถ่ายเท”
“บัวอยู่ได้ค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร”
“ไม่ลำบากจริงๆ หรือว่ากลัวฉันกันแน่” เขานั่งลงบนเตียงขนาดห้าฟุต มือหนาตบลงบนที่นอน ก่อนเรียกให้กอบัวไปนั่งข้างๆ แต่เธอกลับไม่กล้าขยับตัว
“เธอกลัวฉันจริงๆ ด้วย แต่กลัวทำไมล่ะ เราสองคนแต่งงานกันแล้ว ที่สำคัญเธอเองก็ชอบฉัน ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกว่าชอบฉัน” เขายกยิ้มมุมปากอย่างมีเสน่ห์ ขณะกล่าวความจริงที่ทำให้หัวใจของกอบัวเต้นโครมคราม
เขาจำได้?
“เรื่องก็ตั้งหลายปีแล้ว ตอนนั้นบัวอยู่แค่มอหก เป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่อง คุณเอื้ออย่าใส่ใจเลยนะคะ อีกอย่างบัวอยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกันจนกว่าพี่รินทร์จะกลับมา เราควร…”
“อย่าพูดถึงคนอื่น ฉันไม่อยากฟัง” เขากระชากเสียงเล็กน้อยอย่างมีอารมณ์ กอบัวจึงไม่พูดต่อ คิดไปว่าเขาคงกำลังโกรธพี่สาวต่างบิดาของเธออย่างมาก
“บัวขอโทษค่ะ บัวจะไม่พูดถึงพี่รินทร์ให้คุณต้องไม่สบายใจอีก” ลืมไปได้อย่างไรว่าเขาต้องโกรธ ครอบครัวของเธอทำให้เขาอับอายเสียขนาดนั้น
“มาพูดเรื่องของเราดีกว่า เธอไม่อยากนอนที่ห้องฉันก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันจะให้คนมาเปลี่ยนเตียงให้ เตียงไม่เด้งแบบนี้… ฉันไม่ชอบ”
“บัวนอนได้ค่ะ คุณไม่ต้อง…”
“แต่ฉันนอนไม่ได้”
กอบัวกลั้นหายใจ นี่เขาถือเรื่องการแต่งงานเมื่อเช้าเป็นเรื่องจริงจัง จนถึงขั้นอยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับเธอเลยหรือ เขาลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้าควรต้องได้เข้าหอกับใคร ลืมไปแล้วหรือว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นที่เขาต้องการ… เธอเป็นแค่ตัวประกัน
อยู่ที่นี่แค่ชั่วคราว...เป็นภรรยาชั่วคราว
“คุณเอื้อคะ บัวไม่สบายใจที่คุณแกล้งบัวแบบนี้ ที่บัวบอกว่าพยายามห้ามพี่รินทร์แล้ว บัวไม่ได้โกหกนะคะ”
เขาลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทำให้กอบัวตกใจจนรีบถอยหลังไปสามก้าว สะโพกกลมสวยกระแทกกับเก้าอี้เล็กเบาๆ
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้โกหก ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนั้น ฉันรู้และเห็นทุกอย่าง…” นิ้วสากของเขาเกี่ยวปอยผมทัดใบหูเล็ก เลื่อนต่ำลงมายังรอยช้ำบริเวณมุมปาก บนแก้มนิ่มยังมีรอยนิ้วมือ…
“อยู่กับฉัน ตามใจฉัน ฉันจะทำให้เธอมีความสุขจนลืมบ้านหลังนั้น ลืมเรื่องแย่ๆ ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ดีไหม บัว”
“แต่บัว…”
“เธอตัวหอมจังบัว หอมจนฉัน… หิว ยิ่งโตยิ่งสวยแบบนี้ ฉันจะอดใจยังไงไหว” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองใบหน้าหวานอยู่ชั่วขณะก็ขยับเข้ามาใกล้ ส่วนกอบัวที่กำลังตกใจก็ไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อริมฝีปากอุ่นจัดทาบทับลงบนหน้าผาก เลื่อนลงมายังพวงแก้มนุ่ม
เธอชอบเขา…
ใช่แล้ว เธอยังชอบเขามาก ว่ากันว่าผู้ชายที่เป็นรักแรกมักจะลืมยาก แต่ไม่นึกว่ามันจะทำให้เธอลืมเรื่องถูกผิดไปจนหมดแบบนี้
“คุณเอื้ออย่าทำอะไรบัวเลยนะคะ” เขาตัวใหญ่มาก เธอสู้ไม่ได้แน่ๆ
“ทำไมล่ะบัว เธอชอบฉันแล้วจะปฏิเสธทำไม”
“บัวไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น บัวแค่ชอบที่คุณใจดี น่ารักกับบัวเวลาแวะไปที่บ้าน…”
“บัว ฉันไม่ใช่คนใจดี เรื่องน่ารักยิ่งไม่ใช่… ฉันเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่อยากจะกินเธอทั้งตัว”
“คุณเอื้อ…” กอบัวตัวสั่นสะท้าน เกลียดตัวเองที่ขัดความต้องการของหัวใจไม่ได้ แถมขายังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ต้องเอนสะโพกพิงโต๊ะ มือปัดไปด้านหลังอย่างไม่ตั้งใจ ส่งผลให้หนังสือที่กำลังอ่านทบทวนก่อนหน้า ตกลงกระจัดกระจายบนพื้นห้อง
“เธออ่านหนังสืออยู่เหรอ” เขาถามเสียงแหบพร่า คงต้องการชวนคุยให้เธอหายประหม่า มากกว่าอยากรู้เรื่องราวส่วนตัวกันจริงๆ
“ค่ะ พรุ่งนี้บัวมีสอบสิบโมงเช้า”
“มีสอบ แต่คุณศักดาบอกว่าเธอเรียนจบแล้ว…”
“ยังค่ะ เหลือสอบตัวนี้ตัวสุดท้าย แล้วก็ต้องรอฟังผลสอบว่าผ่านทุกตัวไหมถึงจะจบ” กอบัวไม่แปลกใจที่บิดาของเธอตอบไปแบบนั้น เขาแทบไม่พูดอะไรกับเธอเลยสักคำ จะรู้ได้อย่างไรว่าสอบเสร็จแล้วหรือยังเหลืออีกกี่ตัว
“บัว…” เขาผละออกจากกอบัว มองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรแน่
“เธอยังเรียนไม่จบ อา… ฉันคงต้องปล่อยเธอไปก่อน ยังไงก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะบัว เมียของฉัน” เขายิ้มร้ายกาจก่อนเดินออกจากห้อง ทิ้งให้กอบัวหอบหายใจถี่กระชั้นเพราะความตื่นตระหนก
เขาเรียกเธอว่าเมียได้เต็มปาก ไม่ได้มีความลังเลอยู่ในน้ำเสียงเลยสักนิด ซ้ำยังพูดทุกอย่างลื่นไหลราวกับว่าต้องการจะแต่งงานกับเธอจริงๆ ตั้งแต่แรก
ไม่ใช่เห็นว่าเธอเป็นเพียงตัวประกันระหว่างรอให้พ่อคืนสินสอดของหมั้นมูลค่าหลายสิบล้าน หรือไม่ก็รอจนกว่าพี่สาวต่างมารดาจะกลับมา
เขาพูดและทำราวกับว่าต้องการตัวเธอจริงๆ