วิธีง่ายๆ ที่ศวิชญ์เอ่ยบอก สร้างความหนักใจให้กับลลิลไม่น้อย ตอนให้เงินไม่ยากเท่ากับตอนที่เธอจะหาเงินสามหมื่นมาให้พี่ชายนี่แหละ คงหนีไม่พ้นต้องของรัฐภาคย์เหมือนเดิม และรู้ด้วยว่าเขาจะขออะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน
“ค่ะพี่โหน่ง...ตกลงตามนี้ ลูกหว้าจะมาถึงป้ายรถเมล์ไม่เกินหกโมงสิบห้านะคะ” เธอเอ่ยบอกระยะเวลากลับบ้านโดยประมาณ
“ขอบใจมากนะ พี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้พี่จะไปรอที่ป้ายรถเมล์นะ” ชายหนุ่มลุกเดินจากม้านั่งทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้น้องสาวจมดิ่งกับความคิดอยู่อย่างเดียวดาย
“ว่าไงพี่โหน่งดีมั้ย?”
นิรมลเอ่ยถามทันทีที่เห็นร่างของสามีเดินออกมาจากสวนสาธารณะ เพราะเธอขึ้นรถประจำทางพร้อมกับสามี ลงรถพร้อมกัน แต่ไม่ได้เดินตามสองพี่น้องเข้าไปในสวนสาธารณะ เพียงแต่นั่งอยู่ที่หน้าลานน้ำพุ รอเวลาที่สามีจะออกมา
“พรุ่งนี้เย็นได้เงินแน่นอน” นิรมลยิ้มเต็มใบหน้าด้วยความดีใจ ไม่เสียแรงที่ทุ่มทุนแต่งกายเป็นผู้ชาย เพื่อหลบสายตาคนของรัฐภาคย์
“พี่โหน่งน่ารักที่สุดเลย กลับห้องพักนะคะ เดี๋ยวนีน่าจะให้รางวัลคนเก่งเสียหน่อย”
นิรมลใช้ร่างกายทำให้ศวิชญ์หลงมัวเมาในเกมกามที่เธอปรนนิบัติให้เขา หลงลืมความถูกผิดที่ตัวเองได้ทำลงไป เป็นเพราะเขารักนิรมลมากเกินไปนั่นเอง บดบังความรักที่มีต่อน้องสาวจนสิ้น
ลลิลเดินแกมวิ่งเข้ามาในอาคารอีทีเค กรุ๊ป เนื่องจากเวลานี้ได้เป็นเวลาเกือบสิบนาฬิกาแล้ว ซึ่งเลยเวลาเข้าทำงานมาร่วมสองชั่วโมง ตลอดทางลลิลพยายามนึกหาข้ออ้างที่เธอมาสายในครั้งนี้ แต่ทว่าไม่มีเหตุผลใดเหมาะสมเอาเสียเลย งานนี้ต้องตายแน่ๆ
“ไปไหนมาคุณลูกหว้า?...คุณรัฐทิ้งระเบิดใส่พี่หลายลูกแล้วนะ”
สิทธิพลลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามลลิลทันทีที่เห็นหน้า ตั้งแต่รัฐภาคย์มาถึงที่ทำงานอย่างแรกที่เขาต้องได้คือกาแฟและกาแฟที่ชงให้เขาทุกเช้าต้องเป็นฝีมือของลลิลเท่านั้น แม้ว่าเลขาฯ หน้าห้องจะชงให้สูตรเดียวกันกับลลิล แต่ก็ยังไม่ใช่รสกาแฟที่รัฐภาคย์ต้องการ
“ลูกหว้าไปธุระมาค่ะ ไม่ได้บอกพี่รัฐไว้ล่วงหน้า” หญิงสาวตอบเสียงอ่อย
“คุณรัฐอารมณ์ไม่ดีอย่างแรงนะลูกหว้า ทำใจหน่อยนะ” สิทธิพลพูดได้เท่านี้ แม้ว่าจะสงสารหญิงตรงหน้ามากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย
“ค่ะพี่เอ็ม”
ลลิลรับคำเสียงเนือย เดินเข้าไปด้านหลังซึ่งเป็นห้องชงชากาแฟและเครื่องดื่ม สำหรับรัฐภาคย์และรับรองแขกเท่านั้น ส่วนของพนักงานจะอยู่อีกห้องหนึ่ง หญิงสาวใช้เวลาเพียงห้านาทีสำหรับชงกาแฟรสโปรดของชายเจ้าอารมณ์ รวบรวมพลังกายพลังใจเตรียมรับมือกับรัฐภาคย์
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่บานประตูห้องจะเปิดออก รัฐภาคย์เหลือบตามองผู้ที่เข้ามาใหม่ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ดวงตาของเขานั้นมีแสงสีแดงเรืองรองดูน่ากลัว หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปด้านใน รับรู้ถึงรังสีอำมหิตที่กระทบกับเรือนกายจนร้อนวูบวาบ เหงื่อตกแม้ว่าอากาศภายในห้องจะเย็นฉ่ำ
“กาแฟค่ะพี่...เอ๊ย!!...คุณรัฐ”
หญิงสาวเกือบหลุดปากเรียกพี่ คำที่เขาต้องห้าม รัฐภาคย์ไม่พูดอะไรสักคำ ปัดกาแฟที่อยู่บนโต๊ะลงไปกระแทกกับพื้นพรม น้ำสีดำของกาแฟไหลนองพื้นไปหมด ลลิลตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เขาทำ นี่คือการแสดงความไม่พอใจอีกอย่างหนึ่งของเขา
“ลูกหว้าขอโทษค่ะที่มาช้า พอดีเมื่อเช้าอ้อบอกลูกหว้าว่า อาจารย์ต้องการพบผู้ปกครอง ลูกหว้าก็เลยต้องไปที่มหาวิทยาลัยของอ้อค่ะ ลูกหว้าผิดเองที่ไม่ได้โทรฯ มาบอกคุณรัฐก่อน”
หญิงสาวคิดว่าคำแก้ตัวข้อนี้น่าจะดีที่สุด จากทั้งหมดร้อยเหตุผลที่เธอคิดไว้ เธอทรุดกายลงเก็บถ้วยกาแฟและจานรองที่หกเกลื่อนพื้น มือไม้สั่น
“........” เขายังคงเงียบต่อไป ทำให้เธอลังเลที่จะเอ่ยปากเรื่องเงิน ทว่ามันเป็นทางเดียวที่ลลิลนึกออก
“คุณรัฐคะ...ลูกหว้าอยากจะขอ...ขอเงินหน่อยค่ะ” เธอกลั้นใจพูดออกไป ปฏิกิริยาของรัฐภาคย์ยังคงเหมือนเดิม นิ่งเฉยแม้ว่าในใจไม่พอใจที่เธอเข้าทำงานสาย
“ลูกหว้าจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ นะคะ”
ลลิลพูดอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เขาวางปากกาลงบนเอกสาร เอนแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้ทรงสูง ปรายตามองร่างเล็กที่ยืนก้มหน้านิ่งอย่างยิ้มหยัน
“เท่าไหร่?”
“สามหมื่นบาทค่ะ”
“จะเอาเงินไปทำไม?”
“อ้อจำเป็นต้องใช้เงินค่ะ”
“ต้องใช้เงินเหรอ?...ใช้เรื่องอะไรตั้งสามหมื่น?”
“คือว่า...คือว่าอ้อเค้าสมัครเรียนภาษาอังกฤษไว้นะคะ ก็เลยต้องเอาไปจ่ายค่าเรียนภาษาค่ะ”
“ค่าเรียนภาษาอะไรตั้งสามหมื่น ค่าเรียนฉันว่าไม่น่าจะเกินหมื่นสามนะ”
“ค่าเรียนภาษาอังกฤษแค่หนึ่งหมื่นสองพันบาทค่ะ ที่เหลือลูกหว้าจะพาแม่ไปหาหมอค่ะ พักหลังนี้แม่ไม่ค่อยสบาย” ลลิลหาข้อแก้ต่างได้อย่างหวุดหวิด รัฐภาคย์มองนักโทษสาวกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เธอรู้หรือเปล่าว่าการที่เธอมาขอเงินฉัน ต้องแลกกับอะไร?” เขาเยาะเย้ยหญิงสาวตรงจุดและจี้ใจดำ
“ระ...รู้ค่ะ” ลลิลตอบเสียงสั่นๆ ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแต่พยายามสกัดกลั้นไว้เต็มกำลัง
“ถ้ารู้ก็เดินเข้ามาหาฉันสิ มาทำหน้าที่ของเธอ อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ?”
ลลิลอดสูยิ่งนักที่ได้ยินคำนี้ แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอได้มาซึ่งเงิน...เงินที่จะนำไปรักษาตัวหลานชายเพียงคนเดียว หญิงสาวทิ้งความกระดากอายไว้ด้านหลังเช่นทุกครั้ง วางเศษถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ ก้าวเข้ามาหาบุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ทรุดกายลงนั่งที่ตักกว้างของเขา ลำแขนบางโอบกอดลำคอหนา โน้มดวงหน้าสวยเข้าใกล้ แนบริมฝีปากบางบดทับริมฝีปากหนาได้รูป