-เวลาพักกลางวัน-
ผมเพิ่งเข้าใจคำที่เพื่อนผู้หญิงในห้องชอบพูดกัน ‘ถ้าเราชอบใครสักคน เราจะสังเกตเห็นคนคนนั้นตลอด ไม่ว่าใครคนนั้นจะอยู่ตรงไหน’ เมื่อก่อนที่ได้ฟังผมคิดว่ามันไร้สาระ เพื่อนผู้หญิงชอบเพ้อเจ้อ ทว่าตอนนี้พอเจอกับตัวจึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลยสักนิด
“เดี๋ยวกูมานะ” ผมบอกเพื่อนแล้วรีบเดินแยกมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนในโรงอาหาร
“ไงพลอย” เป็นครั้งแรกที่ผมเดินเข้ามาทักทายน้องสาว ปกติเราไม่ค่อยได้เจอ ก็ปกติผมสนใจแต่กีฬา พักเที่ยงก็รีบกินข้าวเพื่อไปเล่นฟุตบอล ไม่มีเวลาได้สนใจอย่างอื่น
“เฮียเฟย” พลอยใสเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม เธอกำลังพักเที่ยง นั่งทานข้าวกับกลุ่มเพื่อน พลอยใสเรียกผมว่าเฮียเพราะทางย่ามาเชื้อจีนอยู่บ้าง ผมลืมบอกไปว่าผมกับพลอยใสเราเป็นพี่น้องคนละพ่อกัน
“พักเที่ยงเหรอ” ปากผมถามน้องสาว ทว่าสายตาจ้องใบหน้าหวานที่กำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยว ยามได้มองเธอในระยะใกล้ หัวใจผมเต้นแรงเหมือนวิ่งรอบสนามสิบรอบ
ผมมั่นใจมากว่าผมชอบน้องคนนี้ ไม่สิ รักเลยล่ะ ผมรักน้องคนนี้ตั้งแต่แรกเจอ หลาย ๆ ปีที่ผ่านมาผมมัวทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่รู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ รู้สึกเสียดายเวลาชะมัด
“อื้ม พักเที่ยงค่ะ แล้วเฮีย?” พลอยใสทำหน้างง ๆ
ผมจึงนั่งลงม้าหินอ่อนตัวที่ว่าง ซึ่งโชคก็เข้าข้างเพราะมันตรงข้ามกับน้องไปรท์พอดี เธอกำลังเคี้ยวลูกชิ้นพร้อมกับยิ้มให้ผม ท่าเคี้ยวลูกชิ้นก็ยังน่ารัก คนบ้าไรน่ารักไปหมด “เฮียเห็นพลอยก็เลยเดินเข้ามาทัก แล้วนี่เพื่อนพลอยเหรอ”
“ใช่ค่ะ นั่นคะนิ้ง นั่นสไปรท์ พวกแกนี่ไงเฮียฉันอะ เห็นใกล้ ๆ แล้วหล่อไหม” น้องสาวของผมแนะนำ
“หล่อสิ ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่ชายแกหล่อ ใช่ไหมไปรท์” เด็กที่ชื่อคะนิ้งส่งยิ้มให้ผมพร้อมสะกิดถามน้องไปรท์
“อื้ม ใช่ค่ะ” น้องไปรท์ตอบแล้วตักลูกชิ้นเข้าปาก เคี้ยวตุ้ย ๆ พลางยิ้มให้ผม
ทำยังไงน้องถึงจะชอบผมวะ ทำไงผมจะได้เป็นแฟนกับน้อง ผมคงจะจ้องน้องนานเกินไป น้องถึงได้ทำหน้าสงสัยก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “หน้าไปรท์เป็นอะไรเหรอคะ ทำไมเฮียจ้องบ่อย หรือเฮียอยากกินก๋วยเตี๋ยวเหรอคะ” น้องไปรท์รวบช้อนแล้วยกมือขึ้นสำรวจที่ใบหน้าของตัวเอง
“หน้าน้องไม่ได้มีอะไรติดครับ แค่เห็นน้องกินก๋วยเตี๋ยวท่าทางน่าอร่อยดี” ผมพูดแก้เก้อ มีคำพูดดีกว่านี้ไหมครับ ผมจะพูดจีบน้อง
“อ่อ ไปรท์ซื้อร้านที่ห้านับจากซ้ายมือเราค่ะ เจ้านี้อร่อยมากค่ะ แต่เฮียห้ามปรุงเผ็ดนะคะ เฮียเป็นนักกีฬากินเผ็ดมากไม่ดี” ที่แนะนำแบบนี้เพราะก๋วยเตี๋ยวในชามของน้องมีพริกเต็มเลยครับ กลีบปากของน้องจึงเป็นสีแดงชมพู สวยมาก สวยจริง ๆ
“ครับ งั้นเฮียไปซื้อบ้างดีกว่า เฮียไปนะพลอย ไว้เจอกัน” ใจจริงก็อยากจะอยู่นานกว่านี้ แต่ติดตรงที่ว่าไม่รู้ควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ขอถอยไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน ผมขอไปปรึกษาพวกเซียน ๆ ทั้งหลายก่อน
ผมเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านที่น้องไปรท์แนะนำ ปรุงเครื่องแล้วก็เดินมานั่งที่โต๊ะประจำ ซึ่งเพื่อนผมนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“มึงนึกไงกินเตี๋ยว” ไอ้หินเพื่อนของผมทัก
“อยากกิน”
“ปกติมึงไม่ชอบกินเส้น ไม่กินอะไรน้ำ ๆ มันร้อนมึงขี้เกียจเป่าขี้เกียจรอนาน” ไอ้กานต์ท้วงบ้าง
จะอะไรกันนักแค่ผมกินก๋วยเตี๋ยว พวกนี้รู้จักผมดีโคตร “ก็ตอนนี้กูชอบแล้ว พวกมึงจะอะไรกับการกินของกูนัก”
“แล้วมึงไปไหนมา” รอบนี้เป็นไอ้ซันที่ถาม
“กูรู้ กูเห็น มันไปหาน้องสาวมันมา แต่สายตามันจ้องน้องไปรท์ใหญ่เลย สงสัยรอบนี้มันจะตกหลุมรักสาวจริง ๆ ละ” ไอ้
นิกพูดแทรกเข้ามาอย่างไม่มีมารยาท
“นี้” เพื่อนผมพ้องใจกันพูดแซวด้วยคำง่าย ๆ ที่สื่อความหมายกวนบาทาเอามาก ๆ สายตาก็ส่งมากวนประสาทผมด้วย
“กูอยากได้มาเป็นแฟน”
“ไอ้เฟยมึงเปลี่ยนจากคลั่งบอลมาคลั่งรักจริงเหรอวะ” ผมก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้สนใจเรื่องที่เพื่อนมันพูดแซว คิดเพียงว่ายังไงเด็กผู้หญิงน่ารักคนนั้นก็ต้องมาเป็นแฟนผมก่อนที่ผมจะจบม.6
หลังจากกินข้าวเสร็จผมตรงไปสนามบอลเหมือนเช่นทุกวัน อีกสี่เดือนจะมีการแข่งคัดเลือก ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ผมจะได้แข่งในฐานะนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียน ปีหน้าผมก็จะเข้ามหาวิทยาลัย น่าเศร้าใจที่ผมเพิ่งจะมาสนใจน้องสไปรท์ ถ้าเร็วกว่านี้เราคงได้รู้จักกันมากกว่านี้
เลิกเรียนวันนี้ไม่ได้ซ้อมบอล ผมรีบไปเอามอเตอร์ไซค์ที่โรงจอดรถ แล้วขี่ออกมาดักรอน้องไปรท์ที่หน้าโรงเรียน เพื่อนของผมมันบอกว่าน้องไปรท์มักนั่งสองแถวกลับ วันนี้ขอให้สองแถวเสีย หรือไม่ก็เต็มจนน้องขึ้นไม่ทัน ผมจะได้อาสาไปส่งน้อง
ผมต้องรีบรุกเพราะน้องเป็นคนสวยและน่ารัก ผมกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะมีคนทำให้น้องตอบตกลงไปก่อน โดยเฉพาะคนที่น้องแอบชอบอยู่
วันนี้เหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อผมที่แกล้งนั่งกดโทรศัพท์อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์เห็นว่าน้องไปรท์ไม่ทันรถสองแถวจริง ๆ น้องเป็นคนเดียวที่ไม่ทันรถสองแถว โอกาสของผมมาแล้ว “น้อง น้องไปรท์”
น้องไปรท์หันมาทางผม ผมลงจากรถมอเตอร์ไซค์ที่คร่อมอยู่ รอยยิ้มหวานบนใบหน้าน้องส่งมา เมื่อหันมาเจอหน้าผม “เฮียเฟย สวัสดีค่ะ”
“รอรถกลับบ้านเหรอ” ถามทั้งที่รู้ ผมไม่รู้จะทักน้องยังไงดี นี่ครั้งแรกที่ผมหัดจีบสาวเลยนะ ตื่นเต้นเหมือนลองจับลูกฟุตบอลครั้งแรกเลย
“ค่ะ แต่ไม่ทันรถเที่ยวเมื่อกี้ เฮียรอเพื่อนเหรอคะ”
“อ่า ประมาณนั้นครับ น้องไปรท์รอรถอะไร” อันนี้ผมก็รู้อยู่แล้ว
“สองแถวค่ะ”
“เฮียเห็นว่าเพิ่งไปเองนะ คงรออีกนาน น้องไปรท์ให้เฮียไปส่งดีไหม”
“เอ่อ...”
“ปะ ไม่ต้องเอ่อ เดี๋ยวเฮียไปส่งครับ”
“แต่ว่า...”
“หรือน้องไปรท์รังเกียจเฮีย”
“ปะ เปล่าค่ะ ไปรท์เห็นเฮียบอกว่ารอเพื่อนอยู่”
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนเฮียทักมาบอกว่าไม่ต้องรอแล้ว ตอนนี้เฮียว่าง แวะส่งน้องไปรท์ได้ครับ”
“แต่ไปรท์ว่า...”
“ไปเถอะนะ เฮียอยากไปส่ง” ตื๊อเท่านั้นที่ได้ไปครอง เพื่อนผมแนะนำมา ผมจึงลองตื๊อดู นี่แฟนคนแรกของผม นิยามอะไรที่เพื่อนแนะนำผมพยายามเก็บมาใช้ทั้งหมด เพื่อเอาเธอมาเป็นแฟน
“ก็ได้ค่ะ” น้องไปรท์อาจจะมากับผมเพราะความรำคาญ หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะสำหรับผมนี่คือจุดเริ่มต้นการสานสัมพันธ์รักของเรา เธอยังไม่รักผมไม่ถือ เพราะว่าผมรักเธอแล้ว ตกหลุมรักเธอจัง ๆ
น้องไปรท์บอกทางไปบ้านของเธอ ผมขี่ไปตามเส้นทางที่น้องบอก ขี่ด้วยความเร็วที่น้อยที่สุดเพราะอยากจะอยู่กับน้องให้นาน ผมถามหลายอย่าง คุยกันหลายเรื่อง ส่วนมากจะเป็นเรื่องของพลอยใสน้องสาวของผม จีบเพื่อนของน้องสาว เรื่องที่คุยก็ต้องเป็นคนกลางที่จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเราสองคนไงครับ
น้องไปรท์ให้ผมจอดรถที่หน้าปากซอย น้องบอกว่าอย่าขี่เข้าไปข้างใน เดี๋ยวแม่น้องจะว่า น้องเพิ่งจะม.3 เอาเป็นว่าผมเชื่อน้องจอดให้น้องลงที่หน้าปากซอย
“พรุ่งนี้เฮียมารับได้ไหมครับ”
“มารับทำไมคะ ไปรท์ไปเองได้ค่ะ”
“…” จะบอกว่าผมจะจีบ น้องจะให้ผมจีบไหมถ้าพูดออกไปตรง ๆ ผมควรทำไงดี เครียดครับ รู้สึกเหมือนลงสนามแข่งบอลครั้งแรก
“เฮียเฟยทำแบบนี้ ถ้าคนที่โรงเรียนเห็นเข้าจะแย่นะคะ”
“แย่ยังไงครับ”
“เฮียไม่รู้ตัวเหรอคะว่าเฮียเป็นหนุ่มฮอต เป็นนักกีฬาของโรงเรียน สาว ๆ กรี๊ดเฮียครึ่งค่อนโรงเรียน”
“ไม่รู้ครับ เฮียไม่เคยสนใจ” ผมไม่เคยเอามาใส่ใจ อย่างที่เพื่อนผมชอบแซวตลอด ผมสนแค่ฟุตบอลไม่เคยนึกมองอย่างอื่น กระทั่งวันนี้ที่จู่ ๆ ผมก็นึกชอบเด็กผู้หญิงตรงหน้า ชอบแบบชอบมาก อยากเห็นหน้าตลอดเวลา
“งั้นก็สนหน่อยนะคะ เพราะเฮียเฟยบ้านรวย เรียนเก่ง กีฬาเด่น ใคร ๆ ก็อยากจะเป็นแฟนด้วย และด้วยท่าทีเมินเฉยต่อสิ่งรอบข้างทำให้ไม่มีใครเข้าถึง นั่นคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่เด็ก ม.ต้น และ ม.ปลายต่างคลั่งไคล้เฮียเฟย พากันอยากเป็นแฟนคนแรกของเฮียทั้งนั้น” น้องไปรท์พูดจบแล้วก็ยิ้มหวาน
“เฮียไม่เคยรู้เลยครับ”
“งั้นก็รู้เลยค่ะ”
“แล้วน้องไปรท์คือหนึ่งในนั้นไหม”
“ไม่ค่ะ” ตอบเร็ว ตอบไว ตอบแบบไม่คิด คำตอบของน้อง เหมือนมีมีดมาปักจึกตรงหน้าอกข้างซ้ายของผม มันปวดหนึบเหมือนมีคนเตะฟุตบอลอัดใส่ผมแรง ๆ
ที่ว่าน้องแอบชอบนักฟุตบอลคนหนึ่ง คนนั้นมันใครกัน คนแบบไหนทำให้น้องไปรท์สนใจ ทำไมน้องไม่สนใจผม
“งั้นเฮียกลับก่อนนะ” ผมไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าควรเดินเกมยังไงต่อ สะดุดเพราะคำตอบน้อง เหมือนผมถูกปฏิเสธเป็นนัย ซึ่งผมควรถอยไปตั้งหลักสักระยะ
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” น้องยกมือขึ้นไหว้ตามประสารุ่นน้องที่ชอบไหว้รุ่นพี่ ผมพยักหน้ารับและขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมา ระหว่างขี่รถกลับบ้าน ผมเพิ่งได้รู้ว่าการที่จะจีบใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วยิ่งเป็นคนที่ไร้ประสบการณ์อย่างผม ทุกอย่างมันเหมือนครั้งแรกไปหมด ทั้งลุ้นและตื่นเต้น และตอนนี้ก็เสียใจ
-END FOEI-