ฉันงงไปหมดที่จู่ๆ พี่เคียนติจะมาชวนไปอยู่ที่คอนโดด้วยกันแบบนี้ “ตอนนี้เธอไม่ปลอดภัย ไอ้รัมฝากเธอให้พี่ดูแล”
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่รัมเหรอพี่เคียนติ” เขาไม่พูดอะไร แต่เดินไปนั่งที่โซฟา และท่าทางแบบนี้มันทำให้ฉันก้มหน้าเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อเก็บของตัวเองลงกระเป๋า ท่าทางที่นิ่งเฉยแบบนั้นฉันไม่สามารถขัดใจเขาได้เลย ฉันเดินลงบันไดมาแบกกระเป๋าของตัวเอง กระทั่งพี่เคียนติเดินไปรอที่รถและสั่งอะไรไม่รู้กับคนของตัวเอง
“ขึ้นรถ” ฉันทำได้แค่ขึ้นรถไปตามคำสั่งของเขา ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขัดคำสั่งเพราะสำหรับฉันแล้วพี่เคียนติคือทุกอย่างของหัวใจ ฉันรักเขาจนแทบจะไม่เหลือที่ว่างให้ใคร หรือถ้าเหลือก็ไม่มีใครสนใจยัยแห้งไร้เสน่ห์อย่างฉันหรอก รถหรูมาจอดที่คอนโดหรูใจกลางเมือง ฉันเดินตามหลังพี่เคียนติขึ้นไปที่ชั้นบนของคอนโด เมื่อมาถึงห้องของพี่เคียนติก็ต้องเบิกตากว้างกับบรรยากาศภายในห้องที่มันทั้งกว้างและสวยมาก “ห้องเธออยู่ห้องนั่น ส่วนนั่นห้องพี่”
“พี่เคียนติ หนู...”
“รอก่อน เดี๋ยวพี่จะมาเล่าให้ฟัง” พี่เคียนติเดินเข้าห้องตัวเองไป ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่ที่โซฟากลางห้องที่กว้างขวาง มีเตาผิงด้วยนะ ที่สำคัญครัวของที่นี่มีเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ด้วย ฉันมองประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง ร่างสูงที่อ่อนวัย ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าฉันด้วยซ้ำ “เฮียเคียนติอยู่ไหน?”
“อยู่ในห้อง”
“กระเป๋าเธอ” เขาพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ฉันทำได้เพียงแค่รอพี่เคียนติเท่านั้นสินะกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีอะไรกันแน่นะ เกิดอะไรขึ้นกับพี่รัมกันแน่ ฉันหยิบมือถือที่สามารถเล่นอะไรได้แต่ราคาไม่แพงหูฉีกมากดโทรหาพี่ชายตัวดี แต่ทว่าก็ไม่มีสัญญาณตอบรับเลย กระทั่งข้อความจากไลน์จะเด้งขึ้นมา
Irish : จิน วันนี้สอบเป็นยังไงบ้าง? ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไม่ได้ไป
ฉันยิ้มออกมาเมื่อ ‘ไอริช’ เพื่อนสาวแสนน่ารักแต่ขี้อายไลน์มาหา เพราะเธอไม่ได้มามหาลัยในวันนี้ ฉันถอนหายใจออกมา ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับเธอไป
Gin : ไม่เป็นไรริช ฉันโอเค... พรุ่งนี้เจอกันที่ร้านกาแฟหน้ามหาลัยได้ไหม? มีเรื่องแล้วล่ะ
Irish : เกิดอะไรขึ้นเหรอจิน?
Gin : เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันนะ ไม่อยากคุยในนี้สักเท่าไหร่
ประตูตรงข้ามเปิดขึ้น ฉันมองร่างสูงของพี่เคียนติที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวสีดำ กับผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ตรงลำคอ หัวใจของฉันเต้นโครมคราม เลือดลมสูบฉีดเมื่อได้เห็นเรือนร่างที่แข็งแรงและรอยสักที่แผงอก เอิ่ม หัวใจจะวายแล้วนะพี่เคียนติ
“เลือดไหล?”
“อะ เอ๋...”
“เลือดกำเดาไหล เป็นอะไรของเธอ” ฉันเบิกตากว้าง ยกมือแตะที่จมูกก็พบว่าเลือดกำเดาไหลออกมาจริงๆ ตายแล้ว! นี่เห็นแค่พี่เคียนติเปลือยท่อนบนยังเลือดกำเดาไหล ถ้าเห็นมากกว่านี้ไม่เลือดไหลตายหมดตัวหรือไงเนี่ยยัยจิน! มือของฉันคว้าเอาทิชชูมายัดในรูจมูกอย่างเขินอาย มองสบตากับพี่เคียนติที่นั่งลงตรงข้าม “โอเค?”
“อื้อ อู๋โอเอ (หนูโอเค)”
“เอาล่ะพี่จะบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องไอ้รัม ตอนนี้มันไปแล้ว”
“ไอไอ๋ (ไปไหน)” พี่เคียนติถอนหายใจ มือหนาหยิบบุหรี่ที่อยู่ตรงหน้าไปจุดสูบ “พี่ไม่รู้ แต่มันส่งข้อความมาบอกให้พี่พาเธอมาอยู่ด้วย เพราะกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย”
อะไรกัน? พี่รัมไปทำอะไรไว้เนี่ย ฉันเอาทิชชูออกจากจมูกคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน ถึงแม้จะขี้ขลาด เห็นแก่ตัว แต่พี่รัมไม่เคยทิ้งฉันไว้คนเดียวแบบนี้นะ แล้วแบบนี้...
“คงต้องรอให้มันติดต่อกลับมา แต่พี่พอจะรู้มานิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้รัมทำ”
“อะไรเหรอพี่เคียนติ?”
“มันอาจจะไปพัวพันเกี่ยวกับด้านมืด หรือไม่ก็ติดหนี้จนหนีไป” ฉันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ เหตุผลนี่หรือเปล่าที่พี่รัมไม่ให้ฉันออกไปทำงานหาเงินเรียน แต่ตัวของเขากลับส่งเสียให้ฉันเรียนแทน ความจริงฉันไม่อยากจะคิดร้ายกับพี่รัมนะว่าคนอย่างเขาจะทำงานอะไรได้ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ เงินมากมายที่พี่รัมได้มามันต้องไม่ได้มาดีแน่
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียน พี่จะส่งเสียเธอเอง รวมถึงค่าใช้จ่าย”
“แต่หนูรบกวนพี่เคียนติ ช่วงนี้หนูปิดเทอมด้วย หนูจะหางานทำ”
“...”
“หนูรู้ว่าสภาพอย่างหนูไปสมัครงานคงไม่มีใครรับ แต่หนูไม่อยากรบกวนพี่เคียนตินี่นา” สายตาของพี่เคียนติทำให้ฉันรู้เลยว่าเขาคิดยังไง นอกจากฉันจะตัวเล็กผอมแห้งแล้ว ฉันยังสายตาสั้นด้วยแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ถึงได้บอกไงว่าฉันน่ะมันเป็นยัยแห้งไร้เสน่ห์อย่างที่เพื่อนในคณะตั้งฉายาจริงๆ
“พี่ดูแลเธอได้จิน”
“พี่เคียนติ”
“แต่ถ้าเธอจะทำมันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ พี่ห้ามไม่ได้ เพราะนี่มันชีวิตของเธอ... พี่แค่ทำตามที่ไอ้รัมขอร้องเท่านั้น เพราะงั้นเธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่ขอให้บอกกันก่อนก็แล้วกัน” ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าห้องไป แต่เป็นฉันมากกว่าที่นั่งโหวงใจอยู่นิดๆ ถ้าไม่ติดว่าพี่รัมขอร้องไว้ พี่เคียนติคงไม่รับฉันมาอยู่แบบนี้สินะ แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอถึงแม้จะไม่ได้หัวใจ แต่ได้อยู่ใกล้ ได้มองหน้า ก็เกินพอแล้วนี่นา
“หนูรักพี่นะ พี่เคียนติ”