"...ครั้งแรกของฉันไง" สิ้นเสียงหวานขี้แกล้งเอ่ย
"แตมป์!" มาร์คัสก็เอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าทันทีเสียงดัง หลังจากที่เธอชอบพูดถึงเรื่องราวในวันวานระหว่างเขากับเธอด้วยท่าทีเชิงหยอกล้อราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร ทั้งที่เรื่องราวพวกนั้นยังคงฉายอยู่ในความทรงจำที่สองคนต่างรู้กันดี เนื่องจากพวกเขาเป็นแฟนเก่าที่เคยคบหากันอยู่ช่วงหนึ่งระยะเกือบสองปี ทว่าอยู่ ๆ ทุกอย่างก็จบลงด้วยจากการตัดสินใจของทั้งสองเมื่อสองปีก่อน แต่ถึงความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป แต่สองคนก็ยังคงต้องเจอกันเหมือนเดิม เพราะมาร์คัสเป็นเพื่อนสนิทของธามที่เป็นญาติของแสตมป์ และที่ทั้งสองคบกันได้ก็มาจากวันหนึ่งที่มาร์คัสกับตงตงมาทำรายงานที่บ้านของธามแล้วบังเอิญได้เจอเข้ากับแสตมป์ ในตอนนั้นพวกเขาเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยเอชได้ปีแรก โดยพวกธามเรียนอยู่วิศวะ ส่วนแสตมป์เรียนอยู่บริหาร
หลังจากนั้น นอกจากจะได้เจอกันที่บ้านของธามแล้ว สองคนก็บังเอิญเจอกันที่มหาวิทยาลัยอยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุด มาร์คัสที่รู้สึกสนใจและชื่นชอบในความสวย ใจดี และเป็นกันเองของแสตมป์ก็เดินหน้าจีบหญิงสาว ด้านแสตมป์เองที่รู้สึกชอบในความขี้เล่นของอีกคนเช่นกันก็ตัดสินใจคบหาด้วย แต่แล้วความสัมพันธ์ในรูปแบบนั้นก็ต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย ขณะที่ธามกับตงตงเองก็ไม่คิดก้าวก่ายถามเหตุผล รู้เพียงแค่สองคนจบกันด้วยดี ยังสามารถเจอหน้า พูดคุยเล่นกันได้ปกติ แม้ในตอนแรกจะมีความอึดอัดใจอยู่บ้างก็ตาม
“จะเสียงดังทำไมเนี่ย”
“ทำไมชอบเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นวะ” มาร์คัสถามด้วยท่าทีเอาเรื่อง
“ทำไมอะ ก็เรื่องจริงทั้งนั้น”
“หยุดนะเว้ย”
“นายเปิดซิงฉัน”
“แตมป์!”
“ฮ่า ๆ ” ร่างบางหัวเราะยิ้มออกมาหลังจากที่ได้แกล้งอดีตแฟนหนุ่ม มาร์คัสที่เห็นจึงก้มลงไปกระซิบยังเรียวหูเล็ก
“ที่พูดบ่อย เพราะคิดถึงของฉันมากกว่า”
“อะไร”
“คิดถึงของฉันล่ะสิ”
“หึ ทำไมต้องคิดถึง”
“ก็มันเคยทำให้เธอนอนงอแงร้องไห้หุบขาไม่ลงทั้งคืนได้”
“…”
“เงียบทำไมล่ะ…ไม่ปากเก่งต่อแล้วเหรอ?” เพลย์บอยหนุ่มมองหน้าถามอดีตแฟนด้วยแววตาเย้ยหยันคืน แสตมป์ที่ได้ยินก็ชะงักเงียบเถียงไม่ออก เพราะว่าเขาเคยทำเธอเป็นแบบนั้น…จริง ๆ
“หึ” เสียงทุ้มแสยะยิ้มพอใจดังขึ้น ทำให้แสตมป์ยิ่งรู้สึกอยากบีบคออีกคนด้วยความหมั่นไส้ พอลงลึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ทีไร เป็นเธอทุกทีที่ไม่สามารถที่จะต่อปากต่อคำกับเขาได้ไหว
“ตกลงเทอมหน้าลงตัวหลักสองแล้วก็เสรีหนึ่งใช่ไหม” เสียงตงตงถามเพื่อนทั้งสองขึ้นเกี่ยวกับการเรียนเทอมสองของปีสี่ เทอมสุดท้ายของพวกเขา
“อืม” ธามพยักหน้าตอบ
“แล้วเสรีจะลงตัวไหน กูขอวิชาง่าย ๆ ” มาร์คัสเอ่ย ทำให้หนุ่มวิศวะหน้านิ่งหันถามแฟนตัวเล็ก
“เธอลงตัวไหน”
“วายังไม่รู้เลยค่ะ”
“ฉันจะลงด้วย” ธามบอกทั้งที่มือหนายังคงโอบแสดงความเป็นเจ้าของขั้นสุดกับแฟนตัวเล็ก มาร์คัสที่ได้ยินจึงรีบหันไปพูดกับร่างเล็ก
“น้องวาครับ พี่ขอตัวง่าย ๆ ” ในบรรดาสามคน ตงตง ธาม แล้วก็มาร์คัส มีมาร์คัสนี่แหละที่เรื่องเรียนไม่ค่อยเอาไหน เขาจะค่อนข้างที่จะติดเล่นและไม่ได้จริงจังกับการเรียนเท่าที่ควร เนื่องจากพ่อของเขาเป็นนักการเมืองใหญ่ แตกต่างจากตงตงที่ทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ทางบ้านของธามเป็นตระกูลดังที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของประเทศ
“ฮ่า ๆ ได้ค่ะ วาจะลองหาดูนะคะ” เรียวปากสวยเอ่ยพลางยิ้มหวานตาหยีให้กับรุ่นพี่ตัวสูง เพลย์บอยหนุ่มที่เห็นก็ตอบรับไปกับรอยยิ้มนั้นด้วยท่าทีใจละลาย ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นสายตาของธามที่มองมายังตัวเอง มือหนาดึงร่างเล็กของคนรักแนบชิดตัวแน่น ทำเอาแสตมป์ที่เห็นอดไม่ได้ที่จะเอ่ย
“อีกหน่อยคงเอาโซ่ล่ามน้องไว้” สิ้นเสียงร่างสวยเอ่ย ทุกคนก็ต่างหัวเราะออกมาอย่างเห็นด้วยในคำพูดของหญิงสาว ซึ่งหนุ่มวิศวะร่างสูงก็ไม่สนใจ
"หยุดยิ้มสักที" ปากหนาหันบอกแฟนตัวเล็กเสียงนิ่งทำเอาร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกายเขาชะงัก
"อะไรอีกคะเนี่ย"
"ยิ้มทำไม มันน่ารัก"
"เอ้า"
"พี่หวงเธอ" เจ้าของใบหน้าหล่อนิ่งเอ่ยพร้อมกับจ้องมองคนรักแววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่หวงแหนที่มี แสตมป์ที่เห็นจึงลอบกลอกตามองบนไปด้วยความหมั่นไส้กับท่าทีของญาติตัวเอง มาร์คัสที่เห็นจึงหันถาม
“เป็นอะไร”
“อะไร”
“ดูทำหน้า”
“หมั่นไส้คน” ปากสวยตอบกลับตามตรงพลางมองไปยังธาม
“หมั่นไส้มันทำไม…”
“…ทำอย่างกับตัวเองไม่เคยโดนหวง” คำพูดเผลอของคนตัวสูงทำเอาหญิงสาวที่นั่งอยู่ชะงัก ขณะที่ตัวคนพูดเองก็เช่นกัน ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมยังสองคนอีกครั้ง ก่อนที่วาวากับธามจะเดินออกจากโต๊ะเพื่อออกไปตามหาเบย์ที่เดินออกไปเข้าห้องน้ำแล้วหายไปอยู่พักใหญ่
พรึบ
อยู่ ๆ แสตมป์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่ง ทำเอามาร์คัสที่เห็นหันถาม
“จะไปไหน?”
“เต้น”
“ฮะ?”
“เพื่อนฉันอีกกลุ่มอยู่โต๊ะตรงเวที เดี๋ยวมา” ว่าแล้ว มือสวยก็ค่อย ๆ จัดการถอดเสื้อคลุมที่สวมใส่อยู่ออกเผยเห็นชุดเดรสรัดรูปที่สามารถเห็นสัดส่วนของหญิงสาวได้ชัดเจนพร้อมกับสาวเท้าเดินออกไปในทันที โดยมีสายตาคมของร่างสูงที่นั่งอยู่จ้องมองตามไปนิ่ง ใบหน้าหล่อร้ายที่เคยยิ้มแย้มฉายออกมาถึงความราบเรียบปะปนกับแววตาดูไม่สบอารมณ์ไร้ซึ่งความขี้เล่นแพรวพราวที่เคยมี…