"ได้ยังไงคะ!! อาไทม์จะแต่งงานกับใครไม่ได้นะ" เด็กสาวตัวเล็กยืนกำมือแน่นเข้าหากัน ทั้งตัวทั้งร่างสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำด้วยความอัดอั้นที่ตีตื้นอยู่ภายใน
"น้องเอย...อย่าดื้อแบบนี้สิ เราโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน ส่วนอา...ก็อายุมากแล้วต้องแต่งงานต้องสร้างครอบครัว จะให้อาอยู่เลี้ยงเราไปจนตายแบบนี้ไม่ได้หรอก อีกอย่าง...เดี๋ยวพอเราโตกว่านี้อีกหน่อยเราก็ต้องแต่งงานเหมือนกัน"
ใครคนหนึ่งเอ่ยอธิบายด้วยสีหน้าเหยียดยิ้มเอ็นดูเด็กสาววัยสิบห้าปีซึ่งเป็นหลานบุญธรรมของตัวเอง
"น้องเอยจะแต่งกับอาไทม์ จะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น อาไทม์เคยสัญญาแล้วไงคะว่าจะให้น้องเอยเป็นเจ้าสาว แล้วทำไมทิ้งกันแบบนี้" หล่อนทวงคำมั่นที่ตนเองยึดถือมาตั้งแต่วันที่ได้ฟังมันหลุดออกจากปากเขา รอคอยเวลาอย่างมีความหวังแต่แล้วชายหนุ่มกลับมาพังทุกอย่างด้วยมือของเขา โดยที่หล่อนไม่เข้าใจ...ว่าเพราะอะไร
หากไม่จริงจัง หากไม่เคยรักใครแล้วมาหลอกให้เผลอไผลลวงใจหล่อนทำไมกัน...
"แก่แดดจริงๆ นะเรา...อากับน้องเอยจะแต่งกันกันได้ยังไงล่ะครับ น้องเอยเป็นหลานอานะ หืม...เอาล่ะ อาต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวจะแวะไปส่งที่โรงเรียนก็แล้วกัน"
"ไม่ต้อง!!!" หล่อนปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินราวกับถูกสายฟ้าฟาดผ่าลงมากลางจิตใจ...
แล้วที่หล่อนเชื่อมั่นทุ่มเทมาตลอดล่ะ เพื่ออะไรกัน...
"น้องเอย! ทำไมดื้อแบบนี้..."
"อาไทม์ไม่ต้องมายุ่งกับเอย ถ้าไม่รักเอย ไม่เคยจริงใจกับเอยแล้วมาหลอกให้เอยรักอาทำไม!! ไปให้พ้นเลยคนใจร้าย" หล่อนใช้มือผลักร่างเขาสุดแรงแล้วหันหลังวิ่งไปพร้อมกับเสียงร้องไห้สะอื้น ปล่อยให้ทัพไทยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"น้องเอย...นี่จริงจังขนาดนี้เลยเหรอ..." ชายหนุ่มก่นบ่นกับตัวเอง
"ไทม์..."
"คุณแม่...ออกมาทำไมครับ ฝนกำลังจะตกเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก" พลันชายหนุ่มก็ละความสนใจจากร่างเล็กในชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้นที่วิ่งหนีหายไปลับไปกับกำแพงบ้าน หันมาประคองมารดาในวัยหกสิบเศษซึ่งกำลังเดินออกจากตัวบ้านตรงเข้ามายังเขา
"ปล่อยเขาไปเถอะ...ลูกอาจจะคิดว่าเอยยังเป็นเด็ก แต่เขากำลังโตเป็นสาวแล้ว ต่อให้เป็นอาหลานแต่ก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ถ้ามีอะไรเลยเถิดมันจะไม่งาม เพราะยังไง...ก็ได้ขึ้นชื่อตามศักดิ์ว่าเป็นญาติกันอยู่"
หญิงสาวในชุดผ้าไหมสุภาพถอนหายใจเฮือกใหญ่ในขณะที่เอ่ยปากพูดกับบุตรชายคนเดียว สายตานั้นมองไปยังทางเดินที่เด็กสาวตัวเล็กวิ่งลับหายไปด้วยความกังวล
"คุณแม่พูดอะไรอย่างนั้นครับ...ผมกำลังจะแต่งงาน อีกอย่างผมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ผมไม่เคยคิดกับเอยเป็นอย่างอื่นนอกจากเป็นน้องเป็นหลาน" ทัพไทประคองมารดาเอาไว้แล้วพาเดินเข้าบ้าน
"แต่เอยคิด...และเขาเชื่อมั่นมาตลอดว่าลูกกับเขาเป็นคนรักกัน"
"ผมยอมรับว่าผมผิดเองเรื่องนั้น...ที่ไม่ทันคิดเพราะมัวมองว่าแกเป็นเด็กอยู่ร่ำไป เล่นอะไรไม่ระวัง" เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้เขาเองก็ค่อนข้างไม่สบายใจเช่นเดียวกัน ยอมรับโดยสดุดีว่าตอนนี้ค่อนข้างเป็นห่วงสภาพจิตใจของหญิงสาวไม่น้อย
หล่อนถูกเลี้ยงมาแบบตามใจเพราะขาดแม่ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดคอยอบรมดูแล อีกทั้งผู้เป็นพ่อก็ไม่ใคร่มีเวลาสักเท่าไหร่เนื่องจากต้องแบกรับภาระธุรกิจของทางบ้าน ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่ชดเชยความเหว่ว้าตรงนั้นให้กับเด็กสาวได้ ทุกคนจึงพยายามทำ
เหมือนเมื่อก่อนอีก แม่อยากให้เอยเขาตัดใจ เขา...ยังไม่เข้าในความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเท่าไหร่หรอก"
"ครับ...คุณแม่" ทัพไทรับปากพร้อมเหยียดยิ้มอ่อน กระนั้นเขาก็ยังอดที่จะเป็นห่วงหลานสาวบุญธรรมไม่ได้ ป่านนี้จิตใจไม่รู้จะเตลิดไปไหนถึงไหนต่อไหนแล้ว กล่อนยิ่งชอบคิดมาก ขี้น้อยใจอยู่ด้วย
แต่ก็ไม่ใช่เพราะความสงสารเหล่านั้นหรอกรึ...ถึงทำให้เกิดเรื่องความเข้าใจผิดกันขึ้น...
มารดาและบิดาของเขาหย่าขาดจากกันมานานแล้ว ผ่านเป็นเกือบยี่สิบปีท่านก็ได้พบรักใหม่อีกครั้งกับคุณนพราช ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักและสานสัมพันธ์แน่นแฟ้น จนตกลงปลงใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่ เนื่องจากคุณนพราชเองก็สูญเสียภรรยาไปนานหลายปีแล้วเช่นกันเพราะโรคภัยไข้เจ็บ
เขาเป็นลูกชายคนเดียว...เป็นลูกติดแม่ ส่วนคุณนพราชก็มีลูกโทนเป็นผู้ชายเช่นกัน อายุมากกว่าเขาอยู่เกือบๆ สิบปีชื่อณราช ณราชแต่งงานแล้วแต่ก็หย่าร้างไปแล้ว
ณราชกับอดีตภรรยามีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน เมื่อเลิกรากันไปฝั่งผู้เป็นพ่อก็เป็นฝ่ายรับผิดชอบดูแล นั่นก็คือภาวนาหรือน้องเอยนั่นเอง
อดีตภรรยาของณราชไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย แม้กระทั่งจะมาพบลูกสักครั้งก็ไม่เคยเห็นในช่วงตลอดระยะเวลาสิบปีที่เขาเข้ามาร่วมชายคาด้วย
ความสัมพันธ์ของคนในบ้านเป็นไปด้วยดี ณราชรักเขาเหมือนน้องชายแท้ๆ เคารพแม่เลี้ยงคนใหม่ไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจรังงอน และเขาก็คิดกับณราชเปรียบเหมือนพี่ชายเช่นกัน
ดังนั้นภาวนาจึงเป็นสาวน้อยขวัญใจของคนในบ้าน รวมถึงเขาและมารดาที่ยังไม่เคยมีหลานไว้อุ้มชูด้วย ต่างก็ช่วยกันดูแลเลี้ยงดูมาจนถึงบัดนี้...
เด็กสาวมีความสนิทสนิทกับเขาเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาจะเป็นคนดูแลคอยไปรับไปส่งที่โรงเรียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะณราชนั้นไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่เขาก็ยินดีจะช่วยเหลือเพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
เรื่องคาดไม่ถึงเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ในงานฉลองครบรอบวันเกิดอายุสิบสองขวบของภาวนา ชายหนุ่มได้พลั้งปากให้หล่อนขอของขวัญชิ้นหนึ่งจากเขา โดยรับปากว่าหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะยินดีให้ได้ทุกอย่าง...
โดยไม่คาดฝัน...ภาวนาขอเป็นเจ้าสาวของเขา แต่ด้วยในขณะนั้นหล่อนยังเด็กนักเขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงจัง จึงรับปากส่งๆ ไป เพื่อความสบายใจของหนูน้อย ใครจะไปคิดล่ะว่าภาวนาจะจริงจังเก็บมันมาใส่ใจจนถึงบัดนี้...