"ครับคุณดาม ถ้าถึงเวลานั้นแล้วผมจะตัดสินใจอีกที ผมขอมั่นใจอะไรกว่านี้อีกสักหน่อย" กรวรรธพูดยิ้ม ๆ
"ครับ ผมเอาใจช่วย แต่ของดีมักจะไม่ค่อยเสนอขายนะครับ เราต้องใช้กลยุทธในการเข้าครอบครองเอาเอง ขึ้นอยู่กับว่าเรามั่นใจว่าเธอใช่สำหรับเราแล้วหรือยัง ถ้าคิดว่าใช่ก็อย่ารอเลยครับ ผมว่า" แดนไตรแนะผู้ช่วยหนุ่มที่รักเหมือนพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ แต่แอบบ่นในใจ แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับแกล้งบ่นดัง ๆ ให้ใครอีกคนโมโหเล่น ๆ ..ไปหาลูกหาเมียก่อนเว้ย คิดถึง..ป่านนี้ใครจะทำกับข้าวให้กินรึยังก็ไม่รู้ ไปล๊ะ
..หึหึ ขอบคุณนะไอ้น้องชาย ขอผมแน่ใจอะไรให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ผมจะรุกไม่ถอยเหมือนกัน…ระวังตัวไว้ให้ดีล่ะยัยสามตา.. กรวรรธได้แต่พึมพำคนเดียวในใจ
@โรงจอดรถพนักงาน
"วันนี้ไม่ให้หนูขับรถไปเป็นเพื่อนเหรอ เราจะได้แวะตลาด กินส้มตำด้วยกันไง" เพ็ญสุดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
"ไม่ต้องหรอกวันพระ พอดีพี่มีธุระน่ะ ตัวเองก็รีบกลับบ้านเร็ว ๆ สักวันเถอะ ไม่เหนื่อยบ้างรึไง" แพรพลอยบ่ายเบี่ยงเพราะมีเหตุจำเป็น
"เอางั้นเหรอก็ได้งั้นหนูไปนะว่าจะแวะซื้อขนมปังไปให้อาหารปลาที่วัดใกล้บ้านสักหน่อยถ้าเห็นตาอยู่ที่วัดจะได้ชวนกลับบ้านพร้อมกัน" เพ็ญสุดากล่าวยิ้ม
"แล้วทำไมต้องชวนกลับล่ะ ตากลับค่ำเหรอ" แพรพลอยซักต่อ
"หึหึ อือ คนแก่คนนี้ชอบเถลไถลน่ะ" เพ็ญสุดาเล่าไปขำไปอย่างอารมณ์ดี
"เหรอ หึหึ ฟังดูเรียบง่ายดูอบอุ่น ดูมีความสุขดีนะ..เฮ่อ คุยเสียยาว แยกกันเถอะพี่ไปนะ ขับรถดี ๆ ล่ะ" แพรพลอยเอ่ยพร้อมกับเคลื่อนรถออกไปอย่างระมัดระวัง
ด้านเพ็ญสุดาจึงเคลื่อนรถจักรยานยนต์ของตัวเองออกไปบ้าง และตรงไปที่ร้านขายขนมร้านหนึ่ง เมื่อถึงหน้าร้านเธอรีบจอดรถเข้าไหล่ทางและเปิดหมวกนิรภัยขึ้น
"หวัดดีเจ่ หนูมาขอซื้อขนมปังสักสองถุงไปให้เจ้าพวกอ้วนที่วัดหน่อยจ่ะ" เพ็ญสุดาเอ่ยทักทายเจ้าของร้านขายขนมปังเสียงใส
"อ้าววันพระ ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย อะนี่จ่ะ ส่วนนี่เศษขนมปังพี่ฝากไปให้เจ้าพวกอ้วนด้วยนะ จะได้อิ่ม ๆ" เจ้าของร้านใจดีเอ่ยพร้อมกับจัดแจงขนมปังและเศษขนมปังใส่ถุงให้ลูกค้าประจำ
"ได้งานแล้วน่ะค่ะ เข้ากะด้วย วันนี้เข้ากะเช้าก็เลยคิดถึงเจ้าพวกอ้วนก็เลยมา" เพ็ญสุดาตอบเสียงใสพร้อมกับรับขนมปังมาและจ่ายเงินแล้วขอตัวเดินทางต่อ
@วัดกลางชุมชน
เพ็ญสุดาจอดรถจักรยานยนต์ที่ศาลาริมน้ำและขนขนมปังเพื่อนำไปให้ปลาที่พระท่านเลี้ยงเอาไว้ พร้อมกับหยิบอาหารปลาชนิดเม็ดมาสองถุงเพราะที่ถุงเขียนว่าถุงละ 50 บาท แล้วหยิบธนบัตรฉบับละร้อยขึ้นมาพนมมือยกขึ้นหัวแล้วหยอดลงไปที่ตู้ที่เตรียมไว้
…มากินกันเร้ว มะ มะ อะนี่ นี่เจ่ร้านขายขนมปังเค้าฝากมาให้พวกท่านนะ รับไปน๊า.. ในขณะเดียวกันเพ็ญสุดาเหลือบไปเห็นหญิงวัยชราคนหนึ่ง ใส่เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่ วัยกลางคนยืนอยู่ที่สะพานที่พาดเข้าไปในบ่อปลาซึ่งมีศาลาอยู่กลางน้ำแต่ยายเดินชิดริมสะพานน่ากลัวจะตกจัง เพ็ญสุดาได้แต่คิดในใจ
"ยายจ๊ะ มาคนเดียวเหรอจ๊ะ เดินให้อยู่ตรงกลางหน่อย จะตกแล้วนั่น เดี๋ยว ๆ ยายหยุดเลย เดี๋ยวหนูพาออกไป ทำไมมาคนเดียวอย่างนี้ล่ะ แอบหนีลูกหลานมาให้อาหารปลาใช่มั๊ยนี่" เพ็ญสุดาบ่นไป เท้าก็ก้าวเดินไปตามสะพานที่กว้างประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้เท่านั้น แต่ต้องผงะถอยหลังด้วยแรงกระชากจากใครสักคนที่อยู่ด้านหลัง
"ใครเนี่ย มาดึงฉันไว้ทำไมดูนั่นยายจะตกสะพานแล้วนั่นปล่อยดิว๊ะมาดึงฉันไว้ทำไม โว๊ะ ใครว๊ะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ" เพ็ญสุดาสบถคำโตพร้อมกับหันไปด้านหลังตาเขียวปั่ด
"บอกแล้วไงให้คิดให้ดี ๆ อย่าเชื่อสายตาตัวเองในครั้งแรกที่เห็นให้วิเคราะห์ก่อน" กรวรรธเอ่ยขึ้นพร้อมกับรั้งแขนคนตัวเล็กเอาไว้มั่นอีกมือรั้งเอวคนตัวเล็กให้ถอยออกมา
อีกด้าน
"เชื่อโยมผู้ชายเค้าเถอะโยม ผู้หญิงชราที่โยมเห็นนั่นคือกายละเอียด" พระภิกษุชรารูปหนึ่งเอ่ยยิ้ม ๆ นัยน์ตาเปรี่ยมไปด้วยเมตตา
"นมัสการหลวงตาค่ะ หนูมาให้อาหารปลา กะว่าถ้าเห็นตาจะชวนกลับบ้านพร้อมกันด้วยค่ะ แต่บังเอิญเห็นยายเดินบนสะพานนี่เสียก่อน" เพ็ญสุดาบอกไปด้วยความสัตย์
"โยมผลกลับไปสักพักใหญ่แล้วล่ะโยม โยมทำธุระเสร็จก็ควรจะกลับได้แล้วเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน" พระภิกษุชราภาพกล่าวยิ้ม ๆ
"เอ่อ ว่าแต่ว่าที่หนูเห็นไม่ใช่คนอีกแล้วหรือคะหลวงตา" เพ็ญสุดากล่าวหน้าจ๋อย
"อย่ากังวลไปเลยโยม ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนดอก กลับบ้านไปเสียเถิด ป่านนี้ตากับยายทำกับข้าวรอแล้วมั้งโยม" พระภิกษุชรากล่าวต่อพร้อมกับหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนซ้อนหลังหญิงสาวยิ้ม ๆ
"นมัสการครับหลวงตา งั้นผมขอพาน้องกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปเจออะไรแปลก ๆ ก็จะตามไปยุ่งเค้าทุกเรื่องอีก" กรวรรธกล่าวขำ ๆ แต่ในใจรู้สึกเป็นห่วงกังวลอยู่ลึก ๆ
"ไปเถอะโยม บุญกรรมชักนำมาพบพาน ก็ช่วยเหลืออุปภัมภ์กันไปนะโยม" พระภิกษุกล่าวเป็นนัยย์
"ครับ นมัสการลาครับหลวงตา/ปะ กลับเถอะวันพระ เชื่อผมนี่ก็ตะวันคล้อยต่ำแล้วไปเถอะ" กรวรรธยกมือไหว้ลาพระภิกษุชราภาพ และชวนให้คนตัวเล็กรีบกลับ
ด้านพระภิกษุชราก็ยิ้มด้วยเมตตาแล้วหันหลังเดินไปตามทางที่เป็นกุฏิหลังเล็ก ๆ ไป
"คุณผู้ช่วยมาได้ไงเนี่ย ไม่ทำงานทำการหรือไง นี่มันสี่โมงเย็นกว่า ๆ เอง ทำไมมาโผล่ที่นี่เร็วจัง เกงานเหรอ" เพ็ญสุดาว่าอย่างคาดคะเน
"น้อย ๆ หน่อยยัยวันพระ ผมเป็นผู้ช่วยผู้บริหารนะครับได้รับยกเว้นให้เลิกก่อนเวลาได้ เพราะเวลาผมทำงานเกินเวลาก็ไม่เห็นจะมีใครมาสอดส่องหรือเชิดชูเกียรติผมเลย แต่เวลากลับก่อนเวลานี่ช่างสังเกตกันจริง" กรวรรธบ่นกระปอดกระแปด