ส่วนบรรดาป้าๆ ทั้งสี่คน ก่อนจะออกไปจากสถานีตำรวจก็ไม่ลืมส่งยิ้มและเอ่ยให้กำลังใจบุญธิสา ซึ่งนั่งหง่าวอยู่คนเดียวอย่างเซ็งจัด ที่ไม่มีใครมาประกันตัวเธอเลย
“พวกป้าไปก่อนนะหนู เอาไว้อาทิตย์หน้าเจอกันในบ่อนอีกนะ”
‘เฮอะๆ คงเจอกันหรอกนะ ว่าแต่ว่ายังไม่เข็ดอีกหรือคะคุณป้า’
บุญธิสายิ้มแห้งๆ ขณะค่อนขอดบรรดาป้าๆ ทั้งหลายอยู่ในใจ พอทุกคนถูกประกันตัวไปหมดแล้ว หญิงสาวก็กวาดสายตามองรอบๆ สถานีตำรวจอีกครั้ง พลันนั้นดวงตากลมโตก็มองปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดิม ที่ยิ้มแย้มกว้างให้เธอในก่อนหน้านี้ ซึ่งคราวนี้อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม แถมยังปรี่เข้ามานั่งใกล้ๆ พร้อมกับทักทายราวกับเป็นห่วงเธอหนักหนา
“ยังไม่มีใครมาประกันตัวอีกหรือครับ”
‘ถ้ามีจะมานั่งหน้าจ๋อยให้คุณแทะโลมอยู่ตรงนี้หรือคะคุณตำรวจขา...’
ใจนั้นอยากตอบออกไปเฉกเช่นที่หัวสมองกำลังขบคิด แต่ด้วยเกรงว่าจะเป็นการแหย่ให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องอารมณ์เสียเพราะคำพูดปากสุนัขของเธอ หญิงสาวจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับเอ่ยตอบอย่างดูดีและเป็นการปลอบใจตัวเองไปในตัวด้วย
“พี่สาวกำลังเดินทางมาประกันตัว อีกไม่นานก็คงมาถึงสถานีตำรวจแล้วค่ะ”
เอ่ยตอบไปแล้ว บุญธิสาก็นั่งกอดอกก้มหน้าลงต่ำ เพื่อเป็นการตัดบทการสนทนากับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้นี้ ด้วยอารมณ์ในตอนนี้เธอไม่อยากเสวนากับใครทั้งสิ้น เธอกำลังโกรธและน้อยใจพี่สาวจับใจ ที่ไม่ยอมมาประกันตัวเธอออกไปสักที
บุญธิสาเกิดอาการน้อยใจคิดว่าพี่สาวไม่สนใจตนเอง คิดว่าพี่สาวคงโกรธมากจนไม่ยอมมาประกันตัวเธอออกไปจากสถานีตำรวจ ซึ่งในขณะความน้อยใจในตัวพี่สาวจู่โจมเข้าสู่หัวใจ หญิงสาวหารู้ไม่ว่าตอนนี้แฝดพี่กำลังทำทุกหนทางเพื่อหาเงินมาประกันตัวเธอออกจากสถานีตำรวจ รวมทั้งหาเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทมาใช้หนี้ให้เธอ ด้วยการยอมเป็นของเล่น เป็นนางบำเรอของชีคฮาริค ดาเนียล อิสมาแอล ประมุขแห่งประเทศฮาริยา
ทางด้านท่านชีคฮาริคผู้หล่อเหลา ในขณะหลอกล่อให้พี่สาวของบุญธิสาต้องตกเป็นนางบำเรอสวาทของพระองค์ตลอดค่ำคืนอันหนาวเหน็บ พระองค์ก็ไม่ลืมส่งองครักษ์เอกผู้เก่งกาจของพระองค์ มาประกันตัวบุญธิสาออกจากสถานีตำรวจด้วย
ร่างสูงใหญ่ล่ำสันขององครักษ์เอกเฉกเช่น องครักษ์คาฟาล อัสซิส มาซีน ซึ่งได้รับคำสั่งด่วนจากท่านชีคฮาริคให้มาประกันตัวน้องสาวของผู้หญิงคนใหม่ของพระองค์ออกจากสถานีตำรวจ ได้ก้าวเท้ามั่นคงองอาจผ่าเผยสมกับเป็นชายชาตินักรบแห่งประเทศฮาริยา ขึ้นมาบนสถานีตำรวจในยามดึกสงัด ซึ่งหากมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ล่วงเข้าไปตีสองเกือบตีสามแล้ว
และทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย หรือยศสูงสุดในสถานีตำรวจแห่งนี้ เห็นร่างสูงใหญ่ล่ำสันขององครักษ์เอกคาฟาล ซึ่งในวงการของตำรวจ ทหาร ต่างก็รู้ดีว่าบุรุษผู้นี้คือองครักษ์เอกผู้รับใช้ประมุขแห่งแผ่นผืนทะเลทราย ที่พวกเขาอาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระเมตตาของพระองค์ ต่างก็พากันลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะทำความเคารพองครักษ์เอกคาฟาลแทบจะพร้อมเพรียงกัน จากนั้นสารวัตรใหญ่ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามถึงการเดินทางมาถึงของชายชาตินักรบผู้นี้
“ท่านคาฟาล มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงเดินทางมาถึงสถานีตำรวจทั้งกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้”
องครักษ์เอกคาฟาลซึ่งพยักหน้ารับการทำความเคารพจากนายตำรวจทุกนายในก่อนหน้านี้ ได้กวาดสายตามองทั่วห้องที่ตนเองกำลังยืนอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามสารวัตรด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมมาประกันตัวนักพนันที่ถูกจับในวันนี้”
สารวัตรใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง นึกไม่ออกว่ามีนักพนันคนไหน ที่เป็นญาติขององครักษ์เอกผู้เลื่องชื่อในเรื่องความเก่งกาจ และที่สำคัญตอนนี้นักพนันเกือบครึ่งร้อยก็ถูกจับปรับและประกันตัวออกไปหมดแล้วด้วย
“ไม่ทราบว่านักพนันคนไหมครับที่เป็นญาติของท่านคาฟาล”
องครักษ์เอกคาฟาลกระตุกยิ้มตรงมุมปาก พลางเอ่ยบอกชื่อเสียงเรียงนามของคนที่เขาได้รับคำสั่งให้มาประกันตัว ตามที่เจ้าเหนือหัวได้รับสั่งมา
“ไม่ญาติของผมหรอกครับ เผอิญว่าเธอเป็นคนรู้จักของท่านชีคฮาริค และผมได้รับคำสั่งจากพระองค์ให้มาประกันตัวเธอออกไป เธอชื่อไข่ตุ๋น ไม่ทราบว่ามีนักพนันชื่อนี้หรือเปล่า"
สารวัตรใหญ่ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ “เอ๋...ผมรู้สึกว่านักพนันที่ถูกจับมาวันนี้ถูกประกันตัวออกไปหมดแล้วนะครับ”
“ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหญิงสาวคนนี้มีพี่สาวเป็นญาติเพียงคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องอื่นอีกแล้ว ไม่น่าจะมีใครมาประกันตัวเธอออกไปนะ”
องครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยถึงความเป็นจริง สาเหตุสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่าหญิงสาวที่ชื่อไข่ตุ๋น ไม่มีพี่น้องอื่นอีกนอก
จากพี่สาวที่ชื่อบัณฑิตา ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่กับเจ้าเหนือหัวของเขาในตำหนักราญา ก็เพราะว่าระหว่างขับรถมาสถานีตำรวจ เขาได้สืบเสาะค้นหาประวัติของสองศรีพี่น้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนล่วงรู้ว่าสองสาวฝาแฝดได้รับทุนการศึกษาในระดับปริญญาโท และตอนนี้พวกเธอก็เรียนจบคว้าใบปริญญาบัตรมาได้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่เขายังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมแฝดพี่ที่ชื่อบัณฑิตา ถึงยอมตกเป็นนางบำเรอของท่านชีคเพื่อแลกกับเงินจำนวนห้าล้าน และเขาก็อยากรู้คำตอบว่าทำไมแฝดน้องที่ชื่อบุญธิสา ถึงได้กระโจนมาเล่นการพนันจนถูกจับได้
ทางด้านของสารวัตรใหญ่ พอได้ยินองครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็รีบกวักมือเรียกร้อยเวรให้ขยับเข้ามาใกล้ พลางเอ่ยถามหานักพนันที่อาจมีหลงเหลืออยู่
“จ่า...มีนักพนันคนไหนที่ยังไม่ถูกประกันตัวออกไปไหม”
ร้อยเวรซึ่งเป็นคนๆ เดียวกัน ที่พยายามเข้าไปทักทายทำท่าทีหมาหยอกไก่กับบุญธิสา ได้พยักหน้ารับพร้อมกับเอ่ยตอบออกมา โดยไม่ลืมชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่ตนเองกำลังเอ่ยรายงานกับผู้บังคับบัญชา
“ยังมีตกค้างอยู่คนหนึ่งครับสารวัตร เธอนั่งอยู่มุมห้องโน่นครับ ตอนผมเข้าไปถามเห็นบอกว่ารอให้พี่สาวมาประกันตัวออกไปครับ”
องครักษ์เอกคาฟาลทอดสายตามองไปยังทิศทางที่ร้อยเวรชี้นิ้วบอก ซึ่งเขาไม่ได้อยู่รอฟังจนจบประโยคว่าร้อยเวรกล่าวพูดว่าอย่างไรบ้าง พอดวงตาคมกริบมองปะทะกับร่างบางอรชร ซึ่งนั่งซึมกอดอกตัวเองอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ก็รีบก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พอเดินเข้าไปใกล้ร่างบาง และได้เห็นท่านั่งคู้เข่ากอดตัวเองของหญิงสาวที่ชื่อไข่ตุ๋น จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ก็เข้ามาจู่โจมหัวใจอย่างไม่ทันตั้งตัว และหัวสมองอันชาญฉลาดก็ถูกหัวใจอันแข็งแกร่งเข้าครอบงำสั่งการให้เอื้อมมือไปลูบเบาๆ ตรงศีรษะปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มสลวยดำขลับ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลจนเขาเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมตนเองถึงเอ่ยพูดได้นุ่มนวลเพียงนี้