“เมื่อคืนมึงกลับบ้านกี่โมง” หว่าหวาเพื่อนที่ฉันค่อนข้างสนิทมาก ๆ กระซิบถาม เมื่อคืนหว่าหวาทักมาถามเรื่องเรียน ฉันจึงถ่ายรูปแก้วเหล้ากับบรรยากาศร้านไปให้เพื่อนดู
“เที่ยงคืน”
“อีนี่ ชอบปั่นจักรยานตอนมืดค่ำ มันอันตรายนะ เตือนกี่ครั้งไม่เคยฟัง” อ่า ใช่ ฉันชอบปั่นจักรยานไปร้านเหล้า ปั่นเพราะมันใกล้บ้าน ไม่เปลืองน้ำมันรถ รณรงค์เมาไม่ขับ ฉะนั้นปั่นจักรยานจ้า แล้วก็ไม่ได้กินให้เมาจนไม่รู้เรื่อง กินเมาพอประมาณจากนั้นปั่นจักรยานกลับบ้านก็เริ่มสร่าง ที่ผ่านมาเจ็บจากออยล์เมื่อไหร่ฉันก็ปั่นจักรยานไปร้านเหล้าตลอด ก็ถือว่าปั่นบ่อยนะ เจ็บบ่อยอะ
“พี่เซ้นต์มาอีกแล้วว่ะเพ้นท์” ฟินฟินมองไปยังผู้ชายสี่คนที่เดินมาทางศาลาจุดประจำกลุ่มพวกฉัน
“อืม” ฉันมองตามฟินฟิน ในนั้นมีเฟย์ ทู ทรีเพื่อนในกลุ่ม
กลุ่มเรามีกันแปดคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ความที่นิสัยคล้ายกันก็เลยคบกันได้ ส่วนแตงกวาเธอเข้ากลุ่มเราก็เพราะออยล์ชวนเข้า เพราะลูกคุณหนูอย่างเธอมีเหรอจะเข้ากับพวกฉันได้
คนที่ฉันรักเป็นคนแสนดีใช่ไหมล่ะ เหอะ!
พี่เซ้นต์ที่เพื่อนพูดถึงเป็นเพื่อนของรุ่นพี่แถวบ้านของเฟย์ เขาคนนี้พยายามจีบฉันมาปีกว่าแล้ว ชอบทักข้อความมาหาฉันบ่อย ๆ ทว่าฉันไม่เล่นด้วย ถามคำตอบคำพอเป็นมารยาท ไม่เคยคิดสานต่อ
ไม่ใช่พี่เซ้นต์มีข้อเสีย เป็นฉันเองที่รักออยล์จนไม่มองใคร
แน่นอนว่าการเอาตัวเองออกมาจากสัมพันธ์เป็นพิษฉันเลือกดึงพี่เซ้นต์เข้ามาในชีวิต เมื่อคืนเขาทักมาฉันก็เลยชวนเขาคุยหลายอย่าง ชวนคุยเยอะมาก ๆ ต่างจากทุกครั้งที่เขาทักมา
การชวนคุยแปลว่าเราเป็น ‘คนคุย’
สรุปง่าย ๆ ฉันทอดสะพานให้เขาแล้ว
“กินข้าวมาหรือยัง” พี่เซ้นต์หยุดตรงหน้าฉัน คำถามนี้เขาถามฉันแน่ ๆ
ฉันเงยหน้ามองเขาที่ยืนมองฉันอยู่ “ไม่ได้กินค่ะ”
“เข้าเรียนเก้าโมงใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เหลือครึ่งชั่วโมง ไปกินข้าวกัน”
“เพ้นท์ไม่หิว”
“เดี๋ยวปวดท้อง”
“...ค่ะ ไปโรงอาหารนะ” ฉันไม่ได้หิวและไม่ได้สนคำชวนของพี่เซ้นต์ เพียงคิดแค่ว่าไปกับพี่เซ้นต์ก็คงดีกว่าอยู่ตรงนี้ ดีกว่ามองคนสองคนรักกัน
การที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์เป็นพิษฉันต้องเริ่มจากการเปลี่ยนตัวเอง เริ่มมองคนใหม่ สนใจคนใหม่ การมีคนใหม่จะทำให้เราลืมรักเก่า ฉันอ่านสูตรมูฟออนมา แน่นอนว่ามีหลายสูตร ฉันหยิบอันนี้ขึ้นมาก่อนเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นทางเลือกที่ได้ผลเร็วที่สุดสำหรับตัวฉันที่หมกมุ่นแต่กับออลย์มาหลายปี
“ครับ” แน่นอนว่าคำตอบของฉันทำให้พี่เซ้นต์ยิ้มพอใจ
“เจอกันที่ห้องนะพวกมึง” ลุกขึ้นพลางบอกกับเพื่อนที่งงกับท่าทีของฉัน ที่มีต่อพี่เซ้นต์
“เค ๆ” ฟินฟินกับหว่าหวาและแตงกวาขานรับ ฉันเดินออกมาพร้อมพี่เซ้นต์โดยไม่ได้มองไปที่ออยล์ ฉันมั่นใจว่ามันไม่ได้สนใจฉันหรอก
และมันดีใจด้วยซ้ำที่ฉันเลิกคลั่งมัน
“ปกติไม่ชอบกินข้าวเช้าเหรอ” พี่เซ้นต์ถามหลังจากที่สั่งข้าวราดแกงมานั่งกินที่โต๊ะของโรงอาหาร เป็นมื้อแรกที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน เขารู้สึกยังไงฉันไม่รู้ แต่ว่าฉันที่ยังไม่รู้สึกอะไรกับเขานั้นเฉย ๆ มื้อนี้ก็ไม่ได้เป็นมื้อที่พิเศษอะไร
“ค่ะ มันยุ่งยาก” อยู่บ้านคนเดียวซะส่วนใหญ่จะกินอะไรนักล่ะ ตื่นมาเรียนได้ก็ถือว่าดีแล้ว
“งั้นต่อไปพี่เอาข้าวเช้ามาให้ได้ไหม”
“ลำบากพี่” อย่าพยายามขนาดนั้นเลย
“กับคนที่พี่ชอบพี่ไม่เคยคิดว่าลำบาก” เขายิ้มละมุน
“...” ฉันยิ้มเจื่อนไปสิ พูดตามตรงฉันน่ะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เซ้นต์เลยเพราะว่าไม่เคยสนใจเขา ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตัวตนที่แท้จริงหรือว่ากำลังสร้างภาพเพื่อเอาใจเพราะอยากเอาฉัน
“เลิกเรียนไปไหนไหม รีบกลับบ้านหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ไม่ได้ไปไหนแล้ว เมื่อก่อนรอเลิกเรียนเพื่อกลับไปอยู่กับออยล์ที่บ้านเขา แกล้งบอกว่าติว เรื่องติวก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น
“ไปเที่ยวกันไหม”
“ไปไหนคะ”
“ดูหนังไหม”
“ได้นะคะ” ดีกว่ากลับอยู่คนเดียวแล้วใจอ่อนไปขอร้องอ้อนวอนเขาอีก คนอย่างฉันยิ่งชอบทำตัวไร้ค่าอยู่ด้วย ฉันควรทำตัวให้ไม่ว่างเข้าไว้จะได้ไม่ต้องคิดถึงออยล์ ทางที่ดีฉันกับเขาควรเจอกันให้น้อยที่สุดด้วย
ทว่าบ้านเราติดกัน ไม่เจอกันมันเป็นเรื่องยากอยู่นะ
“แปลว่าเพ้นท์ตกลงแล้วนะ”
“ค่ะ ตกลงค่ะ”
ทั้งที่ฉันเฉย ๆ แต่ทำไมพี่เซ้นต์ถึงได้ทำหน้าดีใจขนาดนั้นนะ หรือพี่เซ้นต์จะเหมือนฉันเวลาที่ออยล์มันชอบชวนไปเที่ยวกลางคืนกันสองคน ไม่หรอกน่า พี่เซ้นต์ไม่ได้ชอบฉันขนาดนั้น เขาก็คงแค่เห่อของใหม่ก็เท่านั้น นิสัยผู้ชายก็อย่างนี้ทั้งนั้น