“พี่ฝ้าย พี่แน่ใจเหรอว่าจะไปทำงานกับเขา” กานต์เข้ามาถามพี่สาว ขณะที่ปุยฝ้ายกำลังนั่งเช็ดผมที่เปียกหมาดๆ อยู่บนที่นอน หลังจากที่ปุยฝ้ายเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่และน้องชายฟัง
"อืม พี่จะทำ”
“แต่พี่ก็รู้หนิ ว่าพวกมันไม่ใช่คนดี” กานต์เตือนด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่อยากให้ปุยฝ้ายต้องไปทำงานกับพวกคนประเภทนั้น แม้ว่าภูวินจะเสนอเงินเดือนให้ก็ตาม
“พี่รู้ แต่บริษัทของเขาใหญ่โตมากเลยนะ ถ้าพี่ได้ลองไปทำงานด้วย คงได้ประสบการณ์เยอะเลย แถมยังให้เงินเดือนพี่อีก พี่ว่าคุ้มนะ ถึงจะไม่ค่อยชอบหน้าไอ้หมอนั่นก็เถอะ แต่แกไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก เพื่อนพี่มันก็จะไปด้วย ไม่ได้ไปชกต่อยแบบแกหรอกน่า”
ปุยฝ้ายพูดให้น้องชายคลายความกังวล แม้ว่าเบื้องหลังของภูวินจะไม่ค่อยดี เหมือนตอนที่เขาทำงานอยู่บริษัท แต่ก็คงไม่แย่ถ้าได้ลองทำงานที่นั่น สำหรับเธอแล้วมันคือโอกาส และเธอเองก็อยากจะใช้เวลาว่างจากที่เรียนหนักๆ หาเงินและประสบการณ์ชีวิตในบริษัทเครือใหญ่ของเขา
และเธอก็ได้เห็นแล้วว่า ภูวินไม่ได้มีท่าทีหวังร้ายอะไรต่อเธอ
“เฮ้อ ฉันคงได้แค่เตือนพี่สินะ งั้นก็แล้วแต่...แต่ถ้ามันทำอะไรพี่ พี่ต้องบอกฉันนะ”
“อย่างแกจะไปทำอะไรเขาได้ฮะ! แค่วันนั้นก็โดนต่อยเกือบตาย นี่ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก แกเองนั่นแหละตั้งใจเรียน เลิกเรียนมาก็ต้องช่วยแม่ขายของ เข้าใจนะ”
“...เออๆ”
“ไป ไปนอนได้แล้ว พี่จะนอนแล้ว”
กานต์ยอมเดินกลับออกจากห้องนอนของพี่สาวไปพร้อมกับปิดประตูให้
ปุยฝ้ายล้มตัวลงนอน เธอนอนครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้สักพัก แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไปจากความเหนื่อยล้า
กระทั่งถึงรุ่งเช้าวันใหม่ คนตัวเล็กที่ตั้งใจว่าจะนอนตื่นสายๆ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเธอ แต่กลับต้องตื่นมาด้วยความงัวเงีย เมื่อได้ยินเสียงโวยวายมาจากชั้นล่างของบ้าน
“อย่า! อย่าเอาของฉันไปเลยนะจ๊ะเสี่ยพล” แม่มณีร้องขอ เมื่อพวกเจ้าหนี้อย่างเสี่ยพลบุกรุกเข้ามาทวงหนี้จากมณี พวกมันไม่ได้เงินตามที่มณีนัดจ่ายเงินต้นที่กู้ไป จึงให้คนของมันขนของที่มีค่าออกไปแทน
“เสี่ยก็บอกแล้วไง ว่าถ้าวันนี้ไม่จ่ายตามที่นัดไว้ ก็จะยึดของมีค่าก่อน” เสี่ยพลบอกทั้งยังยิ้มเยาะพอใจกับการกระทำของตัวเอง
มณีได้แต่คุกเข่ายกมือไหว้ร้องขอ เพราะสิ่งของที่ลูกน้องเสี่ยพลยกไปนั้น ล้วนแต่เป็นพวกโทรทัศน์ ตู้เย็น โซฟาฯ และของมีค่าอย่างอื่นที่ใช้ในครอบครัว
“จะหาว่าพ่อฉันเนี่ยใจร้ายไม่ได้นะจ๊ะแม่มณี เพราะเงินที่ผัวแม่มณีกู้ไปเนี่ย ไม่ต่ำกว่าสามแสน ของพวกนี้ยังไม่ถึงแสนด้วยซ้ำ”
ไอ้ยอด ลูกชายของเสี่ยพลเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องของมัน ขณะที่มณีเอาแต่ร้องไห้อ้อนวอน
“แม่! แม่!”
“แม่ครับ!” กานต์และปุยฝ้ายรีบวิ่งลงบันไดมาหาผู้เป็นแม่ที่นั่งขอร้องอยู่กับพื้น
กานต์รีบพยุงตัวแม่ลุกขึ้นยืนทันที ปุยฝ้ายที่เห็นพวกมันบุกรุกเข้ามาอย่างไร้มารยาท ทำตัวราวกับโจรก็ไม่ป่าน จึงหันมามองค้อนใส่สองพ่อลูกที่ทำเกินกว่าเหตุ
“พวกเสี่ยทำเกินไปหรือเปล่า บุกรุกเข้ามาบ้านคนอื่น แถมยังยกข้าวของพวกฉันออกไปแบบนี้ มันไม่ต่างจากโจรเลยนะ!”
“น้องฝ้าย พูดกับพ่อพี่ดีๆ หน่อยสิ พ่อพี่ก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง ใครไม่จ่ายตามที่นัด ก็ต้องโดนยึดของเอาไว้ก่อน แล้วค่อยหาเงินมาไถ่คืน”
“มึงหุบปากไปเลยไอ้ยอด พวกมึงมันก็สันดานแบบนี้แหละ รังแกคนที่เขาไม่มี ตามจริงพวกแกไม่มีสิทธิ์ยึดอะไรจากบ้านฉันด้วยซ้ำ”
“ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์ยึด ก็พ่อมึงเป็นคนกู้เงินจากกูไปเอง แล้วมันก็หายหัวไป คนเป็นลูกเป็นเมียก็ต้องรับผิดชอบแทนสิวะ”
เสี่ยพลถึงกับโพล่งออกมาเสียงดัง ทำเอาบ้านข้างๆ ต่างก็ได้ยิน ผู้กองเมฆที่กำลังจะขึ้นรถไปทำงานที่สถานีตำรวจ ต้องหันมามองบ้านของปุยฝ้ายด้วยความสงสัย
และต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นลูกน้องของเสี่ยพลกำลังเคลื่อนย้ายข้าวของเครื่องใช้ของบ้านมณีออกมา
เมฆที่ตั้งท่าจะเดินไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเสียงเรียกเข้าของมือถือก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ว่าไง”
(ผู้กองครับ มีเรื่องด่วนครับ..)
“ตอนนี้เลยเหรอจ่า”
“...อืม เดี๋ยวผมรีบไป”
เมฆที่ได้รับรายงานด่วนจากลูกน้อง จึงจำใจต้องจัดการเรื่องหน้าที่ของตนเสียก่อน แม้ว่าจะเป็นห่วงปุยฝ้ายมากก็ตาม เขาเหลือบมองบ้านหญิงสาวอีกครั้ง แล้วต้องถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไปทันที
ปุยฝ้ายได้แต่ยืนกำหมัดตัวเองแน่น เธอมองพวกมันขนของออกไปด้วยความโกรธเคือง แต่ทว่าก็มีเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านของเธอ ทำให้ทุกคนต่างมองออกไปอย่างให้ความสนใจ
รถตู้สีดำทึบขับเข้ามาจอดด้านหน้า ดึงความสนใจให้ทุกคนมองออกมา ปุยฝ้ายขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนที่สายฟ้าจะลงจากรถทางประตูข้างคนขับ แล้วเปิดประตูบานเลื่อนรถตู้ออกให้กับเจ้านายหนุ่ม
ก่อนจะมีรถยนต์อีกสองคันของลูกน้องภูวินขับตามเข้ามาจอดข้างๆ
ร่างสูงก้าวขาลงจากรถตู้ เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ ท่าทางสุขุมและดูดีไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาใส่แว่นตาสีดำ เขายืนมองคนด้านในบ้านด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับลูกน้อง
ปุยฝ้ายจ้องคนตัวสูงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นภูวินมาที่บ้านเธอ
“คุณภู คุณมาที่นี่ทำไม” เธอถามออกไปด้วยความสงสัย โดยละจากความโกรธเมื่อครู่
“เฮ้ย! พวกมึงเป็นใครวะ ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังคุยกันอยู่” ไอ้ยอดพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ ที่คนอื่นเข้ามาขัด โดยไม่ให้เกียรติคนเป็นพ่อของตน
“เจ้าหนี้เหรอ?” ภูวินเอ่ยถามปุยฝ้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเมินเฉยต่อคำพูดของไอ้ยอดเมื่อครู่
“อืม” หญิงสาวพยักหน้า แล้วหันไปมองพวกมันอย่างไม่พอใจ
“หนี้เท่าไหร่” ชายหนุ่มหันมาถามเสี่ยพล
“...มึงเป็นใคร เสือกไรด้วยวะ” เสี่ยพลมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่คุ้นหน้า แต่ทว่าน้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้น ทำให้เสี่ยพลหวาดหวั่น
“กูถาม”
“..สามแสน ทำไม มึงจะใช้หนี้แทนพวกมันหรือไงวะ”
และทันใดนั้น สายฟ้าก็จัดการทุกอย่างให้ ด้วยการเขียนเช็คเงินสดให้กับพวกมัน โดยไม่ต้องรอให้เจ้านายบอก
“มึงเอาเช็คนี้ไป แล้วไสหัวไปไกลๆ อย่ามาวุ่นวายที่บ้านนี้อีก”
ภูวินเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แม้ว่าเขานั้นจะใส่แว่นตาดำทึบ แต่ก็ทำให้เสี่ยพลรับรู้ได้ถึงแววตาคมที่มองด้วยความไม่พอใจ ทำเอาเสี่ยพลยอมรับเช็คเงินสดนั้นมา
“เออ! ถือว่าครบทั้งต้นทั้งดอก...เฮ้ย ไม่ต้องขน ไว้อย่างนั้นแหละ กลับ!”
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เสี่ยพลก็ยอมถอยออกไป ถึงแม้ว่าไอ้ยอดจะเกิดความสงสัยและอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ แต่ก็ต้องกลับไปพร้อมกับผู้เป็นพ่อ