หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงแรมเซสเตียน
สองการ์ดหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทสากลเนี้ยบสีดำแบบเดียวกันขึ้นมายังห้องพักหรูหราอลังการบนชั้นสูงสุดของโรงแรม ซึ่งเป็นชั้นต้องห้ามสำหรับบุคคลภายนอก เพราะพื้นที่ทั้งชั้นที่อยู่เหนือสุดของตึกแห่งนี้ถูกจัดสรรให้เป็นที่พักส่วนตัวของสองพี่น้องหุ้นส่วนโรงแรมหรูที่มีนามว่าฟรานเซสพี่ชายคนโต และคริสเตียนผู้เป็นน้องคนรอง
แต่ฟรานเซสนั้นจะพักอาศัยอยู่ที่เซฟเฮาส์กับครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นของเขาเป็นหลัก ที่แห่งนี้เลยกลายเป็นโลกส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มเจ้าสำราญไปโดยปริยาย เพราะนานๆทีฟรานเซสจะมาพักที
หลังจากที่สองการ์ดหนุ่มต้องวิ่งวุ่นแต่เช้า เนื่องจากเจ้านายโทรตามให้ไปรับที่โรงแรมแถวชานเมือง แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบคนโทรตาม พบเพียงพนักงานของโรงแรมที่ทวงค่าห้องพักรวมทั้งค่าชุดพนักงานที่เจ้านายได้เอาของเขาไป
พอชำระทุกอย่างให้เสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เจ้านายให้ตามไปที่คลินิก แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบตัวอีกเช่นเคย เมื่อชำระค่ารักษาให้เสร็จสรรพก็ได้รับการติดต่อให้กลับมาที่โรงแรมด่วน และครั้งนี้ทั้งสองก็หวังว่าจะเจอตัวเจ้านายสักที
สองการ์ดไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เจ้าหายไปไหน เพราะหลังจากนั่งดื่มจนเผลอหลับไป พอตื่นมาก็ได้รับคำสั่งผ่านการพิมพ์ข้อความให้กลับไปพักได้ ซึ่งกาเดนและโจเซฟก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะปกติเวลาเจ้านายต้องการความเป็นส่วนตัวก็จะขออยู่ตามลำพังโดยไม่ให้มีคนติดตาม
แต่สิ่งที่ทั้งสองกังวลคือ เจ้านายของพวกเขาเป็นอะไรถึงขนาดต้องเข้ารักษาตัว เพราะปกติแล้วคริสเตียนจะไม่ยอมเข้าทำการรักษาโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถแข่งในสนามหรือมีแผลจากอาวุธ ถ้าเล็กน้อยเขาจะปล่อยให้หายเอง แต่ที่ไปหาหมอครั้งนี้คงอาการหนักจริงๆ
สองการ์ดหนุ่มรีบกวดสายตาคมมองหาเจ้านาย กระทั่งได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากในห้องนอนเลยรีบดิ่งตรงไป แต่ยังไม่ทันจะเคาะประตูก็ต้องชะงักยืนนิ่งกับที่ เพราะเหมือนข้างในห้องกำลังร้อนระอุไปด้วยไฟ
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะกลับห้อง ฉันเช่าห้องสูทไว้คุณจะเลือกอยู่ห้องไหนก็ได้ตามใจเลย แต่ฉันจะไม่ย้ายข้าวของมาอยู่กับคุณเด็ดขาด! เพราะยังไงข้าวของๆฉันก็มากกว่าของคุณ ถ้าจะทำการขนย้ายก็น่าจะสะดวกกว่าย้ายข้าวของฉันมาอยู่ที่นี่กับคุณ”
เสียงหวานที่แวดๆลอดผ่านประตูมาทำให้สองการ์ดต้องขมวดคิ้วเข้มหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเงียหูฟังเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงที่ดังออกมาจากห้องของเจ้านายนั้นเป็นเสียงของผู้หญิงจริง
“มันจะมากมายแค่ไหนกันเชียว ให้รู้ไปสิว่าพนักงานทั้งโรงแรมจะย้ายของจากห้องคุณมาไว้ที่นี่ไม่ได้”
“คุณคริส ถ้าเราตกลงกันไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ ไว้กลางวันเราค่อยมาเจอกันก็ได้”
“ถ้าผมปล่อยไปแน่ใจหรือว่าจะเดินเองไหว แค่ปัญญาจะเดินเข้าห้องน้ำเองยังไม่มีเลย แล้วแบบนี้ผมจะวางใจได้ยังไงว่าคุณสามารถอยู่คนเดียวได้”
“ฉันอยู่เองได้ แค่ขาแพลงไม่ได้พิการสักหน่อย ปล่อยฉันลงเดี่ยวนี้!”
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้นได้เลย แต่ผมให้เวลาออกจากชั้นนี้สามนาที ถ้าคุณทำไม่ได้ผมจะจับคุณไปปล่อยบนเตียง และถ้าขืนคุณดื้อและคิดจะหนีผมจะมัดคุณไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก”
เสียงทุ่มดุทรงพลังอำนาจนั้น นอกจากจะทำให้เสียงหวานเงียบได้แล้วยังทำให้การ์ดทั้งสองชะงักด้วยความตกใจ เนื่องจากไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวโดยเฉพาะห้องนอนของมาเฟียหนุ่มเจ้าสำราญมาก่อน นอกจากแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น
สองการ์ดหนุ่มพร้อมใจกันถอยห่างออกจากประตู เมื่อรับรู้ๆได้ว่าอีกไม่นานประตูบานนี้จะถูกเปิดออกด้วยแรงกระแทกจากบาทาใหญ่ของเจ้านาย และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด เพราะเพียงชั่วอึดใจเดียวมันก็ถูกเปิดออกมาอย่างแรงซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้านายใช้ส่วนไหนในร่างกายเปิดเพราะในมือนั้นยังอุ้มร่างอรชรอยู่
คริสเตียนวางร่างอรชรลงบนพื้นแล้วเริ่มจับเวลาเงียบๆในใจ โดยใช้สายตาออกคำสั่งให้เธอเริ่มก้าวออกห่างได้ โรสศิรินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาแว๊บหนึ่งก่อนจะสูดหายใจเขาปอดลึกๆแล้วหมุนตัวโดยทิ้งน้ำหนักลงไปกับเท้าอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แล้วเท้าเล็กก็ต้องชะงักเมื่อสายตาปะทะเข้ากับชายฉกรรจ์ร่างสูงหน้าดุเข้มในชุดสูทสีดำสนิทตรงหน้า
“ไม่ต้องกลัวหรอกโรส กาเดนกับโจเซฟเป็นการ์ดส่วนตัวของผม คุณมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ทำร้ายคุณ”
เสียงทุ่มทางด้านหลังบอกเหมือนจะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเกิดความกลัวลึกๆในใจ แต่ประโยคนั้นกลับทำให้คิ้วโค้งงามเลิกขึ้นสูงด้วยความไม่เข้าใจ
‘การ์ดส่วนตัว’
โรสศิรินทวนประโยคในใจ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาสงสัยอะไรมาก เพราะเธอตระหนักได้ว่าเวลาของตนเหลือน้อยลงทุกที หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้งแล้วเริ่มก้าวขาด้วยความมุ่งมั่น
‘ขาฉันไม่ได้มีข้างเดียวสักหน่อย ตอนเด็กๆฉันเซียนวิ่งกระต่ายขาเดียวด้วยสิ!’
โรสศิรินคิดอย่างกระหยิ่มใจ เพราะคิดว่ายังไงเสียห้องสูทนี้ก็คงไม่กว้างใหญ่ไปกว่าห้องที่เธอเช่าไว้ เพราะยังไงก็เป็นโรงแรมเดียวกัน การออกแบบก็ต้องเหมือนๆกัน
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้อง อ้าปากค้าง เบิกตากว้าง ก่อนที่ใบหน้างามจะซีดเผือด เมื่อกวาดสายตามองไปที่ประตูลิฟต์แล้วพบว่าห้องที่เขาพามาไม่ใช่ห้องสูทธรรมดา หากแต่เป็นโคตรห้องแห่งความหรูหรา และกว้างใหญ่ยากเกินกว่าจะจิตนาการไหว
‘แน่ใจหรือว่านี่เป็นห้องของพนักงานโรงแรม’
หญิงสาวถามตัวเองในใจแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เพราะเริ่มจะไม่แน่ใจความเชื่อมั่นของตัวเองในตอนแรกเสียแล้วแค่สระว่ายน้ำกลางห้องที่กั้นระหว่างอีกด้านซึ่งดูเหมือนเป็นมุมส่วนตัวที่แบ่งออกจากกันอย่างชัดเจนก็บ่งบอกทุกอย่างชัดในตัวอยู่แล้วว่าห้องนี้ไม่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนแน่ๆ
“คุณเหลือเวลาอีกสองนาทีโรส”
เสียงทุ่มหนักเรียกสติให้หญิงสาวหลุดจากห้างภวังค์ความคิด แต่กระนั้นโรสศรินก็วิวายบ่นกับตัวเองด้วยความเจ็บใจ นี่ถ้าเธอไม่เผลอหลับระหว่างทางกลับมาโรงแรม ก็คงไม่ถูกอุ้มมาที่นี่หรอก เรื่องทุกอย่างเป็นเพราะเธอเองแท้ๆ
หญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้
‘ถ้าคุณต้องการแบบนั้นได้เลย แต่ผมให้เวลาออกจากชั้นนี้ห้านาที ถ้าคุณทำไม่ได้ผมจะจับคุณไปปล่อยบนเตียง และถ้าขืนคุณดื้อและคิดจะหนีผมจะมัดคุณไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก’
คิดแล้วรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แต่โรสศิรินก็พยายามขยับไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละความตั้งใจ อย่างน้อยก็ขอให้ได้พยายามก่อน ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไงนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่แล้ว…
“ว๊าย!!”
“โรส!”
คริสเตียนร้องเรียกเธอเสียงหล่นด้วยความตกใจเมื่อร่างอรชรเสียหลักล้มลงกองกับพื้นต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มรีมถลามาหาเธอแล้วคุกเข่าลงตรงหน้า พร้อมกับกวาดสายตาคมกริบสำรวจร่างกายเธอด้วยท่าทีร้อนรน
“เจ็บมากไหม มาเดี๋ยวผมช่วย”
กล่าวจบก็ช้อนร่างอรชรขึ้นโดยไม่สนใจรอฟังคำตอบเธอเสียก่อน อาการเป็นห่วงเป็นใยออกนอกหน้าของเขา ตกอยู่ในสายตาของสองการ์ดที่ยืนดูเหตุการณ์เงียบๆตลอดเวลา
“กาเดน โจเซฟพวกนายไปขนเสื้อผ้าและของใช้ทุกอย่างในห้องของโรสศิริน แล้วจัดการเช็คเอาท์ออกซะ”
คริสเตียนออกคำสั่งเสียงเฉียบโดยไม่สนว่าหญิงสาวจะเต็มใจหรือไม่ เพราะเขาตัดสินทุกอย่างเองหมดแล้ว
“ครับท่าน”
สองการ์ดรับคำก่อนที่จะรีบไปทำตามที่เจ้านายสั่ง
ส่วนโรสศิรินที่อยู่บนอ้อมแขนแข็งแรงหมายจะอ้าปากค้าน แต่เสียงทุ่มดุก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ผมหวังว่าคุณจะไม่มีปัญหานะโรส อย่าลืมสิว่าจุดประสงค์หลักของคุณคืออะไร เพราะฉะนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบจริงจัง!”
คริสเตียนเน้นเสียงหนักราวกับจะย้ำประโยคจริงจังให้เข้าไปฝังลึกในสมองของเธอ ก่อนที่จะพาเธอกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่อีกครั้งแล้ววางลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล
“อยู่เฉยๆนะโรส อย่าดื้อ ไม่งั้นผมจะไม่ใจดีกับคุณอีก”
เสียงทุ่มออกคำสั่งพร้อมขู่คนตัวเล็ก ขณะที่ถลาลงมาดูเท้าให้กับเธอ มือใหญ่จับเท้าข้างที่เจ็บมาวางบนต้นขาก่อนจะไล่สายตาสำรวจผ้ายืดพยุงข้อเท้าแล้วจัดการขยับให้เข้าที
“หมอบอกว่าอย่าออกแรงกับเท้าข้างนี้มาก เดี๋ยวจะอักเสบแล้วหายช้า ผมว่าคุณนอนพักเฉยๆดีกว่านะโรส เท้าของคุณจะได้หายไวๆ”
กล่าวจบก็ลุกขึ้นมาช้อนร่างอรชรไปวางกลางเตียง จากนั้นก็จัดท่านอนแล้วหาหมอนมารองเท้าของเธอไว้ โดยที่ไม่ปล่อยให้เจ้าตัวร้องขอ
ความห่วงใยที่ถ่ายทอดผ่านเสียงทุ่มนุ่มและกิริยาอ่อนโยนส่งผลให้ม่านตาของหญิงสาวขยายกว้างขึ้น เพราะการกระทำของเขามีผลต่อความรู้สึกเธออย่างมาก มากเสียจนเธอนึกกลัวว่าและใจอ่อนอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ
“ช่วงบ่ายนี้ผมไม่ได้อยู่ด้วย ถ้ารู้สึกเบื่อก็เปิดดูทีวีหรือหาอะไรทำแก้เบื่อไปก่อน แต่อย่าทำอะไรที่เสี่ยงกับเท้าตัวเองก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มบอกพร้อมกำชับคนที่นอนทำตาปริบๆบนเตียง ราวกับผู้ใหญ่กำลังออกกฎกับเด็กน้อย
“คุณจะไปไหนคะ”
แม้จะไม่ใช่คำถามที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ แต่ก็สำคัญไม่แพ้คำถามที่เธอตั้งใจจะถามในตอนแรก
“ลงไปประชุมข้างล่าง วันนี้ผมมีประชุมทั้งวัน ถ้าต้องการอะไรก็เรียกเด็กเอา ระหว่างที่ผมไม่อยู่จะหาแม่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วกันนะ”
พูดจบร่างใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาตั้งใจจะอาบน้ำแต่งตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเข้าไปนั่งประชุมในอีกสิบนาทีข้างหน้า แต่ยังไม่ทันจะหมุนตัวเสียงหวานก็เรียกไว้เสียก่อน
“เอ่อ…คุณคริสคะ ฉันขอถามอะไรคุณอย่างได้ไหมคะ”
“ว่ามาสิ”
“คุณไม่ใช่พนักงานโรงแรมนั่นหรอกเหรอ”
“แล้วผมบอกเมื่อไหร่ว่าผมเป็น”
“แต่คุณก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่ สรุปคุณเป็นใครกันแน่คะ แล้วทำไมถึงพาฉันมาอยู่ที่นี่ ห้องหรูกินพื้นที่กว้าง แถมวิวดีขนาดนี้คุณต้องไม่ใช่พนักงานโรงแรมธรรมดาแน่ๆ”
“ผมเป็นหุ่นส่วนของโรงแรมนี้ครึ่งหนึ่ง หมดคำถามแล้วใช่ไหม ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน”