ช้องนางคิดในใจ หล่อนไม่มีวันยอมตกเป็นของอำนาจเด็ดขาด งานนี้หล่อนสู้ยิบตา ถึงแม้ว่าหนทางชนะจะหาไม่เจอ ช้องนางก็พยายามให้มากที่สุด หล่อนพยายามรวบรวมสติคิดหาทางเอาตัวรอด รายการเกี่ยวกับการระวังภัยของผู้หญิงรายการหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว รายการนั้นสอนวิธีเอาตัวรอดจากการถูกผู้ชายข่มเหง วันนั้นที่ดูรายการนี้ หล่อนไม่คิดว่าตัวเองจะได้ใช้ ช้องนางรีบทำตามขั้นตอนที่พอจำได้ทันที
“โอ๊ย! โอ๊ย! ผลัก…อุ๊ก!”
อำนาจร้องลั่นเมื่อถูกช้องนางเล่นงาน โอ๊ยแรกมาจากเท้าของช้องนางกระแทกลงบนเท้าของตน ความเจ็บทำให้แขนที่รัดร่างช้องนางคลายออก หล่อนจึงสะบัดแขนนั้นให้พ้นร่างตน โอ๊ยที่สองมาจากศอกแหลมๆ ของช้องนางกระทุ้งที่ท้องเขาสองครั้งติด ใช้โอกาสที่อำนาจเจ็บตัวผลักมันให้ออกห่างตัว ใช้สันมือฟาดลงไปกลางลำคอของอำนาจ แต่ความที่อำนาจตัวสูงกว่า หล่อนจึงฟาดสันมือไม่ได้เต็มที่ แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้อำนาจไม่น้อย
“นี่แน่ะไอ้ชั่ว ผลัก” ช้องนางส่งท้ายด้วยการถีบหน้าท้องอำนาจที่ทั้งจุกและเจ็บ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากบ้าน แต่อำนาจก็ไม่ใช่ว่าจะล้มง่ายๆ เขาเป็นอดีตนักมวยเก่า อาการเจ็บแค่นี้ไม่คณามือ
ช่วงเวลาช้องนางก้าวเท้าวิ่งลงไปชั้นล่าง หล่อนรู้สึกมึนหัวขึ้นมา มีความหนักหัวร่วมด้วย ดวงตาพร่ามัว ความง่วงเข้ามาปกคลุมจิตใจ ทว่าสัญชาตญาณเอาตัวรอดก็มีมากกว่า หล่อนฝืนความรู้สึกต่างๆ ที่ทุกขณะก้าววิ่งมันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่า เท้าหนักจนแทบก้าวไม่ออก
“มึง!” อำนาจเค้นเสียงเข้มห้วน ก้าวเท้าวิ่งตามช้องนางไปติดๆ ความที่ช้องนางกำลังถูกฤทธิ์ยานอนหลับเล่นงาน ส่งผลให้ร่างกายหล่อนเคลื่อนไหวได้ช้า อำนาจที่วิ่งตามมาแบบไม่ลดละเข้าถึงตัวทันก่อนที่ช้องนางจะวิ่งพ้นประตูรั้วบ้าน มันใช้มือกระชากผมช้องนางแล้วกระตุกอย่างแรงจนหน้าหล่อนแหงนหงาย ช้องนางร้องเจ็บเสียงดัง ไม่เพียงแค่นั้นอำนาจหมุนตัวหล่อนให้หันมาทางตน ก่อนจะฟาดมือลงบนแก้มช้องนางฉาดใหญ่
“โอ๊ย!...เพี้ยะ” หล่อนเอามือจับมือใหญ่ที่กุมเส้นผมตัวเองไว้ เจ็บทั้งกายและใจ ร่างกายหล่อนเริ่มอ่อนล้าไม่มีแรง ใบหน้าอำนาจที่หล่อนเห็น ทับซ้อนกันหลายใบหน้า วินาทีนี้ช้องนางเริ่มตะหนักว่า ตนเองกำลังพลาดพลั้งอำนาจ หล่อนรวบรวมกำลังและสติเฮือกสุดท้าย เปล่งเสียงตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” หล่อนหวังว่า เสียงของตนจะดังเข้าหูใครสักคน
แล้วก็มีคนได้ยินจริงๆ
เหนือเมฆชะงักมือที่กำลังเปิดประตูรถหรูของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เขามองไปตามต้นเสียงที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้าม ภาพที่เห็นคือมีชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้านทางด้านใน ภาพนั้นบอกให้เขารู้ว่า ฝ่ายหญิงกำลังถูกฝ่ายชายทำร้าย อาจเป็นเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน วินาทีนั้นเหนือเมฆคล้ายไม่สนใจและใส่ใจ เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องผัวเมีย ทว่าอะไรดลใจเขามิทราบได้ ร่างหนาเดินไปยังหนุ่มสาวคู่นั้น
“ทำร้ายผู้หญิงแบบนี้ไม่แมนนะครับ แถวบ้านฉันเรียกหน้าตัวเมีย”
อำนาจมองหน้าชายจอมเสือกที่ยืนจังก้าหน้าประตูรั้วด้วยสายตาไม่พอใจ แต่สำหรับอีกคนหนึ่ง เหนือเมฆคือเทวดา เทวดาที่จะมาช่วยเหลือตน
“ช่วยด้วย...มัน...มันจะข่ม...ข่มขืนฉัน”
ช้องนางรวบรวมแรงกลั่นออกมาเป็นคำพูด แล้วเมื่อร้องขอความช่วยเหลือจบประโยค หล่อนก็หมดสติคามืออำนาจที่ยังคงกุมเส้นผมตนอยู่ แม้ว่าเสียงนั้นจะเบา แต่น่าแปลกที่เหนือเมฆได้ยินมันชัดเต็มสองรูหู
“มึงจะข่มขืนเธอเหรอ” ไม่ถามเปล่า เหนือเมฆเดินเข้าไปหาอำนาจที่ปล่อยผมช้องนาง ส่งผลให้ร่างสาวรูดตัวลงไปนอนหมดสติบนพื้น
“กูเป็นผัวมัน กูไม่ได้ข่มขืนมัน แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของมึงด้วย มึงอย่าแส่ ถ้ามึงยุ่งล่ะก็อย่าหาว่ากูไม่เตือน” อำนาจทำนักเลงโตใส่ หมายใจว่าอีกฝ่ายจะกลัว
แต่ขอโทษ คนอย่างเหนือเมฆไม่เคยกลัวใคร
“กูเป็นคนชอบเสือกซะด้วย ยิ่งเรื่องผัวเมียยิ่งชอบใหญ่” เหนือเมฆกวนบาทากลับ “ถ้ามึงเป็นผัวผู้หญิงคนนี้จริง ไปโรงพักกับกู ไปยืนยันกับตำรวจว่ามึงเป็นผัวเธอจริง หรือไม่กูจะโทรเรียกตำรวจให้มาที่นี่ ให้มึงยืนยันนอนยันก็ได้ ว่ามาว่า มึงจะเอาแบบไหน”
อำนาจชะงักเมื่อได้ยินว่า อีกฝ่ายดึงตำรวจมาเกี่ยวข้อง ตอนนี้อำนาจเริ่มกลัวเพราะไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวาย ไม่ได้กลัวเรื่องนี้ แต่กลัวว่าตำรวจอาจไปยุ่งเกี่ยวกับตนเรื่องอื่น เพราะเขามีคดีอยู่หลายคดี
“มึงนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนัก อย่างนี้ต้องเจอดี” อำนาจคิดว่า เหนือเมฆคงไม่เท่าไหร่ อีกทั้งตนเป็นนักมวยเก่า คงล้มอีกฝ่ายได้ไม่ยาก อำนาจปรี่เข้าหาเหนือเมฆ ตั้งใจจะปล่อยกำปั้นใส่หน้าชายรูปงามที่มีความสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร เป็นความสูงที่สูงกว่าตนสิบสามเซนติเมตร แค่รูปร่างอำนาจก็เป็นรองเหนือเมฆ และเรื่องหนึ่งที่อำนาจไม่รู้คือ เหนือเมฆเป็นแชมป์เทควันโด
“โอ๊ย!” อำนาจร้องลั่น จับจมูกตัวเองที่รู้สึกว่ามีเลือดไหลออกมาจากโพรงจมูก ไม่เพียงแค่เลือกกำเดาไหล จมูกของเขาหักอีกด้วย “มึง!”
อำนาจแค้นใจจัด ไม่เพียงแค่กำปั้นยังไม่ทันถึงใบหน้าเป้าหมาย เขากลับโดนสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว และพอจบคำพูดหมัดหนักๆ ของเหนือเมฆ รวมทั้งฝ่าเท้าก็ประเคนใส่ร่างนักมวยเก่าที่หมดสภาพ สู้เหนือเมฆไม่ได้เลยสักนิด สุดท้ายก็ลงไปนอนวัดพื้น เหนือเมฆเกิดความแค้นใจอย่างอธิบายไม่ถูก เขาใช้ฝ่าเท้ากระแทกซ้ำๆ ไปบนร่างกายของอำนาจที่ตอนนี้ สู้เขาไม่ได้เลยสักนิดเดียวหลายครั้งติดกัน จนมันสลบคาเท้า
“ไอ้กระจอก” เหนือเมฆพูดใส่ร่างอำนาจที่นอนหมดสติบนพื้น แล้วหันไปมองร่างสลบไศลของช้องนาง ก่อนจะเดินไปช้อนอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นสูง มองใบหน้าหวานสวยในระยะใกล้ ที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแปลกๆ ขึ้นมาไม่รู้ตัว เหนือเมฆอุ้มร่างช้องนางเข้าไปไว้ในรถหรูของตน แล้วขับรถออกไปทันที
เช้าวันต่อมา
เสียงนกร้องที่ดังอยู่ด้านนอกปลุกให้ช้องนางที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัว เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างเกียจคร้าน ช้องนางสะลึมสะลือตื่น ภาพแรกที่หล่อนเห็นคือ นกตัวหนึ่งเกาะอยู่บนขอบหน้าต่าง หล่อนยิ้มกับความน่ารักของมัน วินาทีที่มองเห็นนกตัวน้อย สมองช้องนางประมวลเหตุการณ์สุดท้ายก่อนหมดสติ หล่อนดีดตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นตา ไม่คุ้นสักนิดเดียว
หล่อนมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่า มีทั้งภูเขาและทุ่งหญ้ากว้าง บรรยากาศเย็นสบายไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ หล่อนยังได้กลิ่นดินกลิ่นหญ้าโชยมาตามลม บอกให้หล่อนรู้ว่า ตนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพมหานคร ช้องนางหยุดมองภาพตรงหน้า ก้มหน้าสำรวจตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรกับตน ชั่วขณะนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น บานประตูเปิดออก ชายร่างสูงใหญ่ไม่สวมเสื้อ เขามีเพียงผ้าขาวม้าที่นุ่งเหมือนกางเกง แผงอกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเหมือนกับว่าพึ่งทำงานหนักมา โดยมีชายรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาด้วย ช้องนางจำได้ว่า คนที่เปลือยอกคือคนที่เข้ามาช่วยเหลือตน
“ตื่นแล้วเหรอ นอนหลับสบายไหม” เหนือเมฆถาม
“ที่นี่ที่ไหน คุณพาฉันมาที่นี่หรือคะ”
“ที่นี่คือไร่เมฆา เมื่อคืนนี้เธอหมดสติ ฉันเลยไม่รู้ว่าจะไปส่งเธอที่ไหน แล้วฉันก็ต้องรีบกลับมาไร่เมฆาเพราะมีงานด่วนต้องทำตอนเช้า ฉันกะว่าพอเธอตื่นค่อยพาเธอไปส่งที่บ้าน” เหนือเมฆตอบ
“ไร่เมฆาอยู่ที่ไหนคะ”
“อยู่ราชบุรี”
“ราชบุรี” หล่อนทวนชื่อจังหวัด “เหตุการณ์เมื่อคืนเป็นยังไงคะ หลังจากฉันหมดสติ”
ช้องนางถามไปใจเต้นแรงไป ความทรงจำสุดท้ายที่หล่อนจำได้คือ เขาเดินเข้ามาหาตนที่กำลังถูกอำนาจทำร้าย แววตาเขามุ่งมั่น เอาเรื่อง วินาทีที่เห็นเขา ช้องนางรู้สึกปลอดภัย
“ฉันว่าเธอไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนดีกว่านะ เราจะคุยกันเรื่องนี้ตอนกินข้าวเช้า” เหนือเมฆบอกสาวหน้าตาน่ารักที่นั่งมองเขาบนเตียง “ฉันเองก็อยากอาบน้ำเหมือนกัน ลงไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด”
“ขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยฉัน” ช้องนางขอบคุณชายหนุ่มเปลือยอก ก่อนจะขอบคุณชายหนุ่มอีกคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงแสล็ค การแต่งกายของเขาเหมือนกับกำลังออกไปทำงาน “แล้วต้องขอบคุณคุณด้วยที่ให้ฉันพักที่ไร่ของคุณ”
ช้องนางเข้าใจว่าเดชดวง ลูกน้องของเหนือเมฆคือเจ้าของไร่เมฆา ซึ่งหล่อนคิดแบบนี้คงไม่ผิด เนื่องจากการแต่งกายของสองหนุ่มต่างกันสุดขั้ว อีกคนแต่งเหมือนนักธุรกิจ อีกคนแต่งเหมือนคนไร่คนสวน
คำพูดของช้องนางทำให้สองหนุ่มมองหน้ากัน เดชดวงอ้าปากค้างไม่คิดว่า ช้องนางจะคิดว่าเขาคือเจ้าของไร่ ทั้งที่เจ้าของไร่ตัวจริงยืนทำหน้าหล่ออยู่ข้างเขา
“คือว่าผม...” เดชดวงกำลังจะอธิบายให้ความเข้าใจผิดของหล่อนหมดไป ทว่าเสียงเจ้านายดังขัดขั้นเสียก่อน
“เจ้านายฉันเป็นคนใจดี ให้เธอพักที่นี่คืนนึงไม่เป็นไรหรอก จริงไหมครับเจ้านาย”
เดชดวงทำหน้าเหวอกับคำถามของเหนือเมฆ เดชดวงรีบรอบเมื่อเห็นเจ้านายถลึงตาใส่ บอกให้เขารู้ว่า ต้องไหลไปตามน้ำ
“ใช่ครับ ไม่เป็นไรครับ”
“ขอบคุณคุณสองคนมากนะคะที่ช่วยเหลือกุ้ง” ช้องนางมีโอกาสกล่าวขอบคุณ หล่อนจึงไม่พลาดที่จะทำ หล่อนพนมมือไหว้บุรุษที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจจากใจจริง “ฉันชื่อกุ้งค่ะ คุณสองคนล่ะคะ”
“ฉันชื่อเหนือเมฆ เป็นหัวหน้าคนงาน คนที่นี่เรียกฉันว่าเหนือ ส่วนเจ้าของไร่ชื่อเดช”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเดช คุณเหนือ”
“ฉันว่านะ เรียกฉันว่าพี่เหนือดีกว่า ฉันเป็นแค่หัวหน้าคนงาน เรียกว่าคุณแล้วรู้สึกจักจี้ยังไงไม่รู้”
“ค่ะพี่เหนือ” ช้องนางไม่ขัดข้อง เรียกเหนือเมฆตามที่เขาต้องการ
“เธอไปอาบน้ำได้แล้ว คุณเดชให้พิกุลเอาชุดมาให้เธอเปลี่ยน วางอยู่ตรงเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง” ช้องนางหันไปมองเสื้อผ้าที่วางตรงจุดที่เขาบอก สีหน้าหล่อนบอกให้เหนือเมฆรู้ว่า หล่อนกำลังสงสัยว่าเป็นเสื้อผ้าของใคร “เสื้อผ้าพวกนี้เป็นของน้องสาวเจ้าของไร่น่ะ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ คุณเดชกับฉันจะรอเธอข้างล่าง”
ช้องนางพยักหน้ารับรู้ มองสองหนุ่มที่เดินออกไปจากห้อง และทันทีที่ประตูห้องปิด หล่อนลุกจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่เขานำมาให้ผลัดเปลี่ยน ก่อนเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย
“คุณเหนือทำไมไม่บอกความจริงกับเธอล่ะครับว่า ผมไม่ใช่เจ้าของไร่ ปล่อยให้เธอเข้าใจผิดทำไมครับ” เดชดวงพูดกับเจ้านาย
“เอาน่า เธอนึกว่านายเป็นเจ้าของไร่ นายก็ไหลไปตามน้ำเถอะ ฉันไม่อยากให้เธอหน้าแตก อีกอย่างก็สนุกดีที่จะมีใครบอกว่าฉันเป็นงานในไร่” เหนือเมฆไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมตนถึงไม่บอกความจริงกับหญิงสาวที่ตนช่วยเหลือ “นายไปบอกให้พิกุลตั้งโต๊ะได้เลย ฉันอาบน้ำเสร็จจะลงไปกินข้าว หิวชะมัด”
เดชดวงไม่นึกสนุกกับเจ้านาย แต่ก็พูดหรือค้านอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำตามที่เหนือเมฆสั่ง แล้วก็คิดว่า ตนคงเป็นเจ้าของไร่จำเป็นแค่วันเดียว เพราะตอนสายเหนือเมฆจะไปส่งเธอที่บ้าน