บทที่ 3 ปะทะคารม

2155 คำ
“พี่ใหญ่ เหมือนซานซานจะได้กลิ่นอาหาร บ้านไหนกินข้าวกันเวลานี้เหรอ” หลี่ซานซานนั่งอยู่ตรงแคร่หน้าบ้านเอ่ยถามพี่ชาย เพราะได้กลิ่นอาหารนั่นเอง แต่ทว่าบ้านนี้และชาวบ้านทั่วไป กินอาหารเพียงสองมื้อเท่านั้น ส่วนมากเป็นชาวบ้านที่ลงงานในคอมมูนมากกว่า ที่จะเตรียมอาหารเผื่อไว้มื้อเที่ยง เนื่องจากต้องใช้แรงงานเยอะ แล้วบ้านไหนกันนะ ที่ทำมื้อเที่ยงได้หอมน่ากินชวนน้ำลายไหลอย่างนี้ พูดไปเด็กน้อยก็เผลอเอามือลูบท้องตนเองอย่างลืมตัว พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ “ไม่รู้เหมือนกัน น้องหิวเหรอ” “นิดหน่อยค่ะ” เมื่อเจอคำถามของพี่ชาย เด็กน้อยอย่างซานซานจึงตอบกลับอย่างไม่ปิดบัง แต่แม่มักจะบอกเสมอว่า บ้านเราควรจะกินแค่สองมื้อก็พอเพราะไม่ได้ใช้แรงงาน จึงไม่กล้าคิดว่ากลิ่นอาหารหอมๆ จะมาจากบ้านของตนเอง ทว่าสองพี่น้องยังไม่ทันได้สนทนาอะไรกันมากนัก กลับได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกเสียก่อน “อาเฉิน ซานซาน มากินมื้อเที่ยงลูก แม่ทำไว้แล้ว เดี๋ยวจะหายร้อน” “ไปกันเถอะ แม่เรียกหาแล้ว” หลี่รุ่ยเฉินแม้จะแปลกใจ แต่เมื่อแม่เรียกหา เด็กน้อยจึงจูงมือน้องสาวเข้าบ้าน แต่พอมาถึงกลับเจอข้าวผัดจานใหญ่สองจานวางไว้บนโต๊ะกินข้าว นี่จึงทำให้เด็กน้อยทั้งสองคนสบตากันอย่างแปลกใจยิ่งกว่าเดิมว่า เกิดอะไรขึ้นกับบ้านของตนเอง แต่จะว่าไป ตั้งแต่แม่ฟื้นจากตกเขาในครั้งนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งนิสัยของแม่ เวลานี้เด็กน้อยทั้งสองมั่นใจแล้ว ว่าแม่ของตนนั้นเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ “ไม่หิวกันเหรอลูก นี่แม่ตั้งใจทำข้าวผัดให้เพราะกลัวลูกจะหิว ลูกทั้งสองอายุเพียงแค่นี้ ต้องกินอาหารให้ครบทั้งสามมื้อ ร่างกายจะได้โตเร็ว ๆ และแข็งแรงอย่างไรล่ะ มาเร็ว มากินก่อนเถอะ” หญิงสาวเรียกลูกทั้งสองด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “เดี๋ยวแม่จะเข้าไปซื้อของในเมืองเสียหน่อย ลูกอยากได้อะไรกันบ้างหรือเปล่า” โจวเพ่ยชิงบอกลูกทั้งสองว่า เธอจะเข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้ออาหาร แล้วยังถามอีกว่าลูกๆ ต้องการอะไรหรือไม่ “ซาน... เอ่อซานซานอยากกินลูกอมค่ะ” หลี่ซานซานไม่กล้าเอ่ยออกมาเต็มเสียงนักเพราะกลัวแม่ดุ เพราะทุกครั้งที่เธอร้องขออะไร มักจะเจอคำดุด่าและโดนทุบตีอยู่เสมอ ครั้งนี้จึงกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะบอกถึงความต้องการของตนเอง พอเห็นท่าทางของลูกสาว โจวเพ่ยชิงเข้าใจได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอร้ายกาจมากแค่ไหน การที่ลูกทั้งสองยังมีความหวาดกลัวต่อตนเอง คงไม่แปลกนัก จากนั้นจึงหันมาถามลูกชายว่าต้องการอะไร “แล้วอาเฉินล่ะ ลูกอยากได้อะไรหรือไม่ แม่จะซื้อมาให้” “ไม่ครับ แม่ซื้อมาให้น้องเถอะ ผมค่อยแบ่งกับน้อง” หลี่รุ่ยเฉินตอบกลับ ตัวเขานั้นไม่ต้องการอะไร หากแม่ซื้อลูกอมมาให้น้องจริง เด็กน้อยคิดว่าตนเองนั้นค่อยแบ่งกับน้องสาวเอาก็ได้ แม่จะได้ไม่สิ้นเปลืองเงินด้วย “ตกลง เดี๋ยวแม่จะซื้อขนมและลูกอมมาให้ จริงสิ พรุ่งนี้แถวหมู่บ้านข้าง ๆ มีตลาดนัด ไว้แม่ค่อยพาไปเที่ยวนะ” พอเห็นว่าลูกทั้งสองไม่ต้องการอะไรมากนักนอกจากลูกอม หญิงสาวจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แถมยังให้สัญญาอีกว่า พรุ่งนี้จะพาลูกทั้งสองไปเที่ยวตลาดนัด พอรู้ว่าแม่จะพาไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ทำให้สองแฝดดีใจมาก ใบหน้าของทั้งสองฉายแววความตื่นเต้นออกมาจนแทบจะปิดไม่มิด “จริงนะคะ / จริงเหรอครับ” “ใช่แล้ว แต่เวลานี้ลูกทั้งสองกินมื้อเที่ยงก่อนที่มันจะเย็น” “ครับ / ค่ะ” จากนั้นสองพี่น้องจึงกินข้าวผัดที่แม่ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย ปกติแล้ว โจวเพ่ยชิงใช่ว่าจะทำอาหารเป็น แต่เพราะในมิติมีตำราอาหาร นี่จึงทำให้เธอทำอาหารได้อย่างที่ต้องการ อีกทั้งยังมีอาหารหลายเชื้อชาติมาก การทำอาหารจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ หลังจากมองดูลูกทั้งสองกินอาหารเสร็จแล้ว โจวเพ่ยชิงไม่อยากให้ลูกทั้งสองอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงเอ่ยขึ้นเพื่อจะให้ลูกไปอยู่บ้านโจวก่อน “ลูกจะไปอยู่บ้านตายายก่อนไหม แม่จะไปส่ง” “ไม่ดีกว่าครับ วันนี้ตากับยายและทุกคนไปทำงาน ผมกับน้องอยู่ได้ครับ” ทว่าเด็กน้อยส่ายหน้าและปฏิเสธ แม้เขาจะสี่ขวบกว่า แต่ก็พอจะดูแลตัวเองและน้องสาวฝาแฝดได้แล้ว การที่แม่จะเข้าเมืองจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับทั้งสองคนที่อยู่บ้านกันเอง “อย่างนั้นลูกทั้งสองล็อกประตูรั้วให้ดีนะ แม่จะรีบกลับมา” โจวเพ่ยชิงเมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองเลือกที่จะอยู่บ้านกันเอง ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่เพราะนี่ยังกลางวันและบ้านพ่อแม่ก็อยู่ไม่ไกลเท่าไร จึงคลายความกังวลลงบ้าง “ครับ / ค่ะ” หลังจากบอกกล่าวลูกเรียบร้อยแล้ว โจวเพ่ยชิงจึงเดินออกมาจากบ้านเพื่อขึ้นเกวียนให้ทันรอบบ่าย แต่ก่อนจะออกจากบ้าน เธอเอาผ้าลายลูกไม้สีชมพูอ่อนออกมาจากมิติ เพื่อปิดบังใบหน้าครึ่งล่างไว้ เพราะกลัวชาวบ้านและคนทั่วไปจะตกใจกับแผลตรงใบหน้าตนเอง ในระหว่างที่เดินไปขึ้นเกวียน มีชาวบ้านไม่น้อยต่างเมียงมองและซุบซิบมายังเธอ ทว่าโจวเพ่ยชิงกลับไม่สนใจ ยังคงเดินไปยังจุดหมายของตนเองต่อ “กล้าเนอะ หน้าผีขนาดนั้นยังกล้าเดินออกมาให้ชาวบ้านกลัวอีก” ลู่เสี่ยวเหมยพูดจาถากถาง เมื่อเห็นโจวเพ่ยชิงเดินมา ในอดีตทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไม่น้อย อีกทั้งลู่เสี่ยวเหมยเองยังเป็นสหายรักกับหม่าหลันจี จึงมองโจวเพ่ยชิงเป็นศัตรูมาตลอด และไม่คิดที่จะญาติดีด้วย “แล้วทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ ฉันหน้าผีแล้วมันหนักส่วนไหนของเธอไม่ทราบ เสี่ยวเหมย” โจวเพ่ยชิงย้อนกลับอย่างไม่เกรงกลัว และไม่คิดจะไว้หน้าเหมือนกัน แม้ว่าจะย้อนกลับมาและตั้งใจจะเป็นคนดี แต่เธอจะดีกับคนที่ควรจะดีเท่านั้น อีกทั้งต่อให้เธอจะหน้าผีแบบนี้ไปชั่วชีวิต เธอก็ยินดี แต่ไม่ใช่จะยอมให้ใครมาด่าหรือเยาะเย้ยเธออย่างนี้ อย่างที่ลู่เสี่ยวเหมยกำลังทำ “ฉันละสงสารพี่ฮั่นตงเสียจริง ๆ ไม่รู้กลับมาบ้านคราวนี้ เขาจะคิดอย่างไร ที่เมียกลายเป็นคนหน้าผีเสียแล้ว ทางที่ดีเธอควรจะหย่ากับเขาเสีย” ลู่เสี่ยวเหมยยังคงพูดจาถากถาง และยังเสนอให้โจวเพ่ยชิงหย่าขาดกับหลี่ฮั่นตงอีกด้วย “เสี่ยวเหมย อย่าพูดแบบนั้น ไม่ดี” หม่าหลันจีกระตุกแขนเสื้อสหาย คล้ายกับห้ามปรามสหายของตน ทว่ามุมปากเธอกลับยิ้มเล็กน้อย นี่จึงทำให้โจวเพ่ยชิงแปลกใจมาก โดยปกติแล้วหม่าหลันจีจะเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและเรียบร้อย ที่ผ่านมามีแต่เธอไประรานอีกฝ่าย กลับมาครั้งนี้ เธอตั้งใจจะหลีกทางให้โดยการหย่ากับสามี เพื่อให้ทั้งคู่สมหวัง แต่ไม่คิดว่าหญิงสาวที่แสนจะอ่อนโยน จะมีมุมนี้เหมือนกันหรือว่าที่ผ่านมาเธอเข้าใจผิดกันนะ “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ล่ะหลันจี ทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้ว่า เธอและพี่ฮั่นตงสองครอบครัวหมายตาจะให้แต่งงานกัน แต่กลับโดนนังนี่แย่งชิงพี่ฮั่นตงไปอย่างหน้าไม่อาย” ลู่เสี่ยวเหมยพูดกับสหายของตนเอง ทว่าสายตากลับจ้องไปยังโจวเพ่ยชิงอย่างเกลียดชัง “เดี๋ยวก่อนนะ เรื่องที่ฉันใช้วิธีต่ำช้าแย่งชิงพี่ฮั่นตงมา ฉันไม่เถียง แต่หากพี่ฮั่นตงไม่สมยอม ฉันจะท้องได้อย่างไรกัน ส่วนนั้นของพี่ฮั่นตงไม่ได้อยู่ที่ตาตุ่มนะ ที่ฉันจะเอาของตัวเองไปเสียบได้ พูดอะไรคิดหน่อยสิ” โจวเพ่ยชิงสวนกลับทันทีเหมือนกัน หญิงสาวรู้ดีว่าหลี่ฮั่นตงเป็นสุภาพบุรุษ แม้ว่าเขาไม่รักเธอ แต่เขาคงไม่เอาเรื่องที่เธอวางยามาโพนทะนาให้คนนอกรับรู้แน่ “หน้าไม่อาย หล่อนมันเป็นหญิงที่หน้าไม่อาย แต่ไม่ว่าอย่างไร หล่อนควรจะหย่ากับพี่ฮั่นตงเสีย บ้านหลี่ไม่มีใครต้อนรับหล่อนเลยสักคนเดียว ป้าหลี่ยังต้องการหม่าหลันจีเป็นสะใภ้รอง นี่หล่อนไม่รู้หรืออย่างไร” ลู่เสี่ยวเหมยยังไม่ยอมแพ้ คราวยนี้เธอถึงกับเอาแม่ของหลี่ฮั่นตงมาอ้าง และคิดว่าครอบครัวของหลี่ฮั่นตงยังต้องการสหายของตนอยู่ อีกทั้งเวลานี้สหายของตนยังไม่แต่งงาน ทั้ง ๆ ที่เลยวัยแต่งงานมานานแล้ว “จริงเหรอหลันจี ที่เธอยังรอพี่ฮั่นตง?” โจวเพ่ยชิงไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับลู่เสี่ยวเหมย แต่หันกลับมาถามหม่าหลันจีแทน “เอ่อ...” เมื่อเจอคำถามนี้ของโจวเพ่ยชิงเข้า หม่าหลันจีจึงมีน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่กล้าที่จะพูดออกมาตรง ๆ “หลันจีเรียบร้อยขนาดนี้ จะกล้าตอบได้หล่อนอย่างไรกัน ใครมันจะหน้าด้านเหมือนเธอล่ะเพ่ยชิง” ลู่เสี่ยวเหมยยังทำตัวเป็นทนายหน้าหอให้หม่าหลันจีอีกแหมือนเดิม “ฉันถามเธอเหรอ? เสี่ยวเหมย” โจวเพ่ยชิงถามกลับไปทันที เวลานี้เสียงโต้เถียงของทั้งสามคนกลายเป็นจุดสนใจของชาวบ้านไม่น้อย แม้จะไม่รู้เนื้อหาทั้งหมด ทว่าชาวบ้านกลับคิดไปแล้วว่าโจวเพ่ยชิงคงจะมาหาเรื่องหม่าหลันจีเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ “สะใภ้รอง หล่อนจะมาหาเรื่องอะไรหลันจีอีก การที่หล่อนพลาดตกเขาจนเสียโฉม ไม่ทำให้หล่อนคิดได้เลยหรืออย่างไร” แม่หลี่แม่ของหลี่ฮั่นตงเอ่ยเสียงเย็น พร้อมกับก้าวเข้ามาประจันหน้ากับทั้งสองฝ่าย ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าลูกสะใภ้กลับตัวกลับใจได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะยังมาระรานหม่าหลันจีอยู่อีก ตลอดเวลาที่ลูกสะใภ้บาดเจ็บ เธอแวะเวียนไปดูแทบทุกวัน และเห็นการกระทำของโจวเพ่ยชิงในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดว่าลูกสะใภ้จะเปลี่ยนนิสัยแล้ว แต่เปล่าเลย เธอคงคิดไปเองว่าโจวเพ่ยชิงจะเปลี่ยนตัวเองได้ โจวเพ่ยชิงหันมาทางแม่สามีที่ออกหน้าปกป้องอีกฝ่าย ทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็นะ ในอดีตเธอเองก็ร้ายกาจอย่างที่ใครหลายคนเห็นจริง ๆ จะโทษแม่สามีที่ทำอย่างนี้ก็ไม่ได้ “ก่อนที่แม่จะตำหนิฉัน แม่ควรจะถามก่อนไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าฉันจะเคยร้ายกาจ แต่ฉันไม่มีสิทธิ์และโอกาสกลับตัวกลับใจเลยใช่ไหม แล้วที่ผ่านมา ต่อให้ฉันจะเลวร้ายอย่างไร หากไม่มีใครมาหาเรื่องฉันก่อน ฉันเคยหาเรื่องใครก่อนหรือไม่” พอเจอประโยคนี้ของลูกสะใภ้ แม่หลี่หยุดคิดเล็กน้อย และก็เป็นอย่างที่โจวเพ่ยชิงกล่าวมาจริง ๆ “เจอแม่ก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องจะถามพอดีเลยว่า แม่ต้องการหม่าหลันจีเป็นลูกสะใภ้รองใช่ไหม หากแม่ต้องการอย่างนั้น แม่ก็ส่งจดหมายไปบอกพี่ฮั่นตงให้มาหย่ากับฉันเถอะ ฉันยินดี แต่ไม่ต้องให้ใครมาบอกเรื่องนี้กับฉัน เวลานี้ฉันพร้อมที่จะปล่อยพี่ฮั่นตงแล้ว แต่ฉันขอเรื่องเดียว คือลูกทั้งสองต้องอยู่ในความดูแลของฉันเท่านั้น ขอตัวก่อนนะคะแม่” พูดจบโจวเพ่ยชิงไม่คิดจะรอคำตอบอีก เธอเดินจากมาทันที โดยไม่สนใจสายตาของใครหลายคนที่มองตามมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม