เวลา 18.00 น. @บริษัท YSD
"เลิกงานแล้วโว้ย" เสียงพี่ติ๊กดังขึ้นมาเมื่อเวลาบนนาฬิกาบอกให้รู้ว่าถึงเวลากลับบ้านของบางคนแล้ว เพราะส่วนใหญ่ที่นี่จะทำงานกันจนดึก โดยเฉพาะแดเนียล รายนี้เป็นผีดิบหรือไงก็ไม่รู้ เคยได้ยินพี่ๆพูดกันว่าแดเนียลชอบส่งเมลหรือตอบเมล เวลาตี 3 ตี 4 แล้วเช้าจะเป็นเวลานอนของเขา
ส่วนคนที่มักจะกลับตรงเวลาจะมีแค่พี่ติ๊ก แม้พี่แกจะมาสาย อันนี้พี่ติ๊กชอบพูดใส่พี่อลันเสมอเวลาโดนแซวว่าได้เวลากลับบ้านแล้ว พี่ติ๊กเป็นพนักงานคนเดียวในบริษัทที่มีครอบครัวแล้ว แถมมีลูกสาวที่น่ารักซะด้วย แต่ฉันไม่เคยเห็นลุกสาวพี่ติ๊กตัวเป็นๆหรอกนะ มักจะเห็นแค่ตอนที่น้องให้คุณพ่อวิดีโอคอลมาหาแม่ ช่วงที่พี่ติ๊กยังทำงานอยู่ในตอนเย็น
ส่วนพี่ตั๊กจะมีได้กลับพร้อมพี่ติ๊กบ้างบางวัน แต่ก็มักอยู่ดึกบ่อยเหมือนกันรายนี้ เลยมักโดนแซวว่าอยู่ดึกเพราะคอยสวีทกับวิคเตอร์ เนื่องจากวิคเตอร์มักจะทักมาเอางานช่วงใกล้เลิกงาน แล้วพี่ตั๊กก็จะฉุนเฉียวช่วงเวลานี้เสมอ เพราะถ้าพี่ตั๊กไม่ทำให้ วิคเตอร์ก็จะคอยโทรจิกกัด อันนี้พี่ตั๊กบอกมา ฉันไม่ได้ว่าเอง มันจึงเป็นภาพที่เห็นประจำที่พี่ตั๊กจะมีอารมณ์เวลาพูดภาษาอังกฤษใส่วิคเตอร์ บางครั้งก็พูดเป็นภาษาไทยออกมา ประมาณด่าโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ แต่เหมือนหลังๆวิคเตอร์ไปเรียนภาษาไทยเพื่อมาคุยกับพี่ตั๊กรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะพี่ตั๊กโมโหแล้วชอบด่าวิคเตอร์เป็นภาษาไทย
ที่ฉันรู้เพราะมีอยู่วันหนึ่งพี่ตั๊กด่าวิคเตอร์ว่า "เป็นหมาหรือไง ถึงกัดไม่ปล่อย" ตอนนั้นคนในออฟฟิศเงยหน้าจากจอคอมมองพี่ตั๊กกันทุกคน เพราะเสียงที่พี่ตั๊กพูดออกมาไม่ได้เบาเลย แต่ปรากฎว่า ปลายสายทางโน้นกลับเข้าใจคำด่าพี่ตั๊กซะงั้น แถมตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า "ทำไม ไม่ คิด ว่า เป็น เนื้อ คู่ ครับ" ตั้งแต่ที่วิคเตอร์พูดแบบนั้นออกมา ทุกคนในออฟฟิศต่างก็พากันแซวพี่ตั๊กตลอดเรื่องวิคเตอร์ จนพี่ตั๊กไม่ค่อยโทรคุยเรื่องงานกับวิคเตอร์หากไม่สำคัญหรือด่วนมากๆจริง ส่วนใหญ่จะเป็นเมล หรือพิมพ์ Team คุยกัน เพื่อลดการแซวจากคนในออฟฟิศ โดยเฉพาะเพื่อนรักอย่างพี่ติ๊กนี่ แซวพี่ตั๊กหนักมากที่สุดแล้ว
"อ้วน ตอนเย็นไปไหนหนิ" พี่ติ๊กเดินไปถามเพื่อนรักก่อนจะเดินไปทางประตูทางออก
"กลับบ้านแหละ วันนี้แม่ทำกับข้าวรอ ไม่ไปกินเดี๋ยวงอลใส่กูอี๊ก" พี่ตั๊กบ่นออกมาระหว่างกำลังเก็บของกลับบ้าน
"เฟ กลับยัง เลิกงานไปไหนปะหนิ" พี่ติ๊กหันมาถามฉันที่ยังนั่งหน้าจอคอมอยู่
"ยังค่ะ พอดีนัดเพื่อนทานข้าวที่สยามตอนหนึ่งทุ่มค่ะ เลยยังไม่รีบออก" ฉันตอบพี่ติ๊กกลับไปพร้อมกับเหลือบไปเห็นข้อความจากโปรแกรม Team เด้งขึ้นมา แล้วพี่ตั๊กกับพี่ติ๊กก็เดินพากันออกไป
Team
Phubadin : มีอะไรไม่สบายใจรึป่าว
เป็นพี่ภูมิที่ Team มาถามฉัน ส่วนอีกคนนั้น หลังจากตอบคำถามฉันไปแล้ว ก็เงียบไปเลย ฉันเองก็ไม่ได้พิมพ์อะไรไปหาพี่เขาอีก ฉันกะว่าระหว่างความรู้สึกที่มีต่อพี่เจได ฉันจะตัดใจและหายไปแบบเงียบๆ ไปเอง
Ferin : ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะ
Phubadin : วันนี้ไปทานข้าวกับเพื่อนก็อย่าเอาความเครียดไปด้วยนะ เดี๋ยวจะทานข้าวกับเพื่อนไม่อร่อย
Ferin : คร้า เฟไปแล้วนะ อย่าทำงานดึกนะคะ
หลังจากที่ฉันตอบพี่ภูมิเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นเก็บของ ก่อนออกไปฉันก็หันมายิ้มให้พี่เขา
พี่ภูมิ ผู้ชายที่อบอุ่น และขี้อายกับสาวๆ ย้ำ กับสาวๆจริงๆ เพราะกับผู้ชายด้วยกัน พี่ภูมิจะทำตัวอีกแบบ เหมือนอยู่กับผุ้ชายด้วยกันพี่ภูมิจะดูเป็นตัวของตัวเอง และมุมที่เป็นตัวของตัวเองของพี่เขาจะออกไปทางเถื่อนนิดๆ ทำไมฉันรู้อะเหรอ เพราะฉันได้ยินตอนพี่ภูมิคุยโปรเจคกับพี่อลัน วันนั้นเหมือนงานจะมีปัญหา แล้วลูกค้าไม่เคลียร์ให้ชัดเจน พี่ภูมิกับพี่อลันทำงานเย็นวันนั้นจนถึงเช้าอีกวันโดยสภาพยังไม่ได้กลับบ้านกันทั้งคู่ พอส่งงานให้ลูกค้า แล้วลูกค้าดูงาน กลับไม่ค่อยโอเคไอเดียของพี่ภูมิกับพี่อลัน ขอให้พี่แกทั้งสองแก้งานเกือบหมด เหมือนความอดทนที่มีหมดไป พี่ภุมิสบถออกมาเบาๆ แต่ด้วยโต๊ะที่พี่อลันและพี่ภูมินั่งคุยกันอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของฉัน ทำให้ฉันได้ยินคำพูดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนจากปากพี่ภูมิ
"สัส เรื่องมากชิบหาย" แล้วไม่เพียงแค่คำพูดและน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าอารมณ์เสียอย่างมาก การกระทำก็เริ่มจะออกมา ถ้าฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ตอนที่ฉันได้ยินแล้วหันไปเล็กน้อย จนพี่ภูมิรู้ตัวว่าฉันหันมองหน้า จึงก้มหน้าแล้วยิ้ม เหมือนจะขอโทษฉันที่พูดประโยคนั้นออกมา วันนั้นฉันถึงได้เห็นมุมแบดของพี่เขา ดูเท่ห์ไปอีกแบบนะ ฉันว่า
เวลา 19.10 น. @ห้าง PG
"รอนานมั๊ยแก" เสียงจีนร้องถามฉันเมื่อเดินมาถึงโต๊ะในร้านอาหาร ซึ่งฉันมาถึงก่อนจึงนั่งรอ
"ไม่อะ เพิ่งมาถึงก่อนแกไม่กี่นาทีนี้เอง" ฉันตอบออกไป และพนักงานร้านก็เดินเอาเมนูมาให้
"วันนี้เป็นไง พระเอกของแกคุยอะไรกับแกบ้าง" จีนเปิดประเด็นหัวข้อสนทนาหลังจากที่เราสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว
"อาทิตย์หน้า พี่เค้าก็มาทำงานแล้ว วันนี้ตอนเย็นน่าจะถึงสุวรรณภูมิ" ฉันตอบกลับไปด้วยเสียงเนือยๆ
"เป็นไรอะ แกไม่ดีใจเหรอ ที่จะได้เจอหน้าพระเอกของแกแล้ว" จีนถามอย่างสงสัย พร้อมทำหน้างงๆใส่ฉัน
"แกเลิกยุฉันกับพี่เค้าได้แล้วนะ พี่เจไดมีแฟนแล้ว เพิ่งคบกันได้ 4 เดือน" ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้า แต่ไม่ถึงกับร้องไห้ เพราะฉันได้ร้องไปหมดแล้วในห้องน้ำที่ออฟฟิศ
"แล้ว เอาไงต่อ" จีนถามต่อด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย เพราะก็คิดกันไว้อยู่แล้วว่าพี่เขาไม่น่าจะโสด แต่ฉันที่ทำใจไว้ พอรู้เข้าจริงๆ ก็เสียใจอยู่ดี
"ตัดใจสิ จะให้ทำไงล่ะ พยายามเป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่คิดไปมากกว่านี้แล้ว" ฉันตอบกลับจีนไป แล้วพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟพอดี อยู่ๆเสียงข้อความในมือถือฉันก็ดังขึ้น
Team
Jadai : กินข้าวรึยัง
Ferin : กำลังทานกับเพื่อนค่ะ
Jadai : ผู้หญิง ?
Ferin : ค่ะ
Ferin : ถึงไทยแล้วเหรอคะ
Jadai : อืมม เครื่องลงเมื่อกี้ กำลังไปเอากระเป๋า
Ferin : แสดงว่า ยังไม่ได้ทานเย็นเลยสิคะ
Jadai : กลับบ้านกี่โมง
Ferin : เฟอยู่หอพักค่ะไม่ได้อยู่บ้าน กะว่าคงนั่งกินกับเพื่อนไม่น่าเกิน 2 ชั่วโมงก็กลับแล้วค่ะ แล้วบ้านพี่ไกลจากสนามบินมากไหมคะ หาไรกินที่สนามบินก่อนกลับบ้านก็ดีนะคะ ตอนนี้รถน่าจะติดมาก กว่าจะถึงบ้าน หิวแย่เลย
Jadai : กินข้าวกับเพื่อนที่ไหน
เอ๋ ถามบ่อยจังแฮะ ปกติไม่พิมพ์เยอะกับฉันมากขนาดนี้ ที่คุยกันดึกๆ ก็จะเป็นฉันที่พิมพ์มากกว่า แต่วันนี้กลับถามมาเป็นชุดเลย อารมณ์ไหนวันนี้
Ferin : ห้าง PG ค่ะ
Jadai : ขอเบอร์มือถือหน่อย
เฮ้ย อะไรของพี่เขาเนี๊ย คราวนี้จะเอาเบอร์โทรศัพท์ คงไม่มีไรมั้ง แค่พี่ร่วมงาน ท่องไว้อีเฟ เมิงอย่าคิดไปไกล
Ferin : 098-xxxxxxx
Jadai : อืม
Ferin : รับกระเป๋าแล้ว อย่าลืม ทานข้าวก่อนกลับบ้านนะคะ
พอฉันบอกพี่เขาเสร็จก็วางมือถือลงบนโต๊ะ เพื่อจะคุยกับจีนต่อ
"คุยกับใครอะ" จีนถามฉัน หลังจากที่ฉันวางมือถือลงบนโต๊ะ
"พี่เจได" ฉันตอบจีนกลับไป พร้อมกับมองไปที่มือถือที่วางบนโต๊ะอีกครั้ง
"พี่เค้ามาคุยกับแกทำไม" จีนถามและทำหน้าสงสัย
"ไม่รู้สิ พี่เค้าเพิ่งลงจากเครื่องกำลังไปรับกระเป๋า ฉันคงเป็นคนสุดท้ายที่คุยด้วยมั้ง เลยทักมาตามประสาคนไม่มีไรทำ" ฉันบอกจีนไปแบบนั้น เพราะหาเหตุผลกับการกระทำของพี่เขาไม่ได้จริงๆ
"มีแบบนี้ด้วยเหรอ นึกว่าคิดถึงแกเป็นคนแรกเมื่อเหยียบผืนแผ่นดินไทย เลยทักแกมา" จีนพูดออกมาพร้อมทำหน้าล้อเลียนใส่ฉัน
จากนั้น เราก็จบการพูดถึงพี่เจไดกัน โดยการถามสารทุกข์สุขดิบตามประสาคนที่เจอกันสัปดาห์ละครั้ง วันนี้ฉันไม่รีบกลับหอ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากฉันแยกกันกับจีน ฉันก็นั่งมองไฟที่ประดับอยู่หน้าห้าง และมองคนที่เดินผ่านไปมา มันควรเป็นวันศุกร์ที่ควรจะมีความสุขสิ แต่ทำไมฉันไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย
Instagram
Fe_Ferin24
69 Likes
Fe_Ferin24 Friday (ตั้งเป็นส่วนตัว)
View all 2 comments.
(จะเลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียวน่ะรู้หม้าย จะไม่ยอมแหลงกับใคร จะยกให้เธอไปทั้งใจ จะมีเพียงเธอเท่านั้น) เสียงริงโทนมือถือเฟริน
ฉันมองเบอร์ที่ไม่คุ้นตาโทรเข้ามาในมือถือ จนเพลงจบไปรอบนึง ฉันจึงตัดสินใจรับสาย
"สวัสดีค่ะ นั่นใครคะ" ฉันกดรับสายพร้อมแล้วเกริ่นถามออกไป
"อยู่ตรงไหนของห้าง" เสียงปลายสายถามขึ้นมา โดยไม่บอกว่าเป็นใคร
ใครวะ อยู่ๆมาถามฉันแบบนี้ โทรผิดปะวะเนี๊ย ปกติฉันไม่เคยให้เบอร์ผู้ชายอยู่แล้ว สงสัยโทรผิดแน่ๆ
"ขอโทษนะคะ คุณน่าจะกดเบอร์ผิดรึเปล่าคะ" ฉันถามปลายสายกลับไป
"ถ้าคนรับสาย ชื่อ เฟริน ก็ไม่น่าจะกดเบอร์ผิด" อ้าว กวนตีนใส่กูอี๊ก ใครวะเนี๊ย
"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือใครคะ แล้วได้เบอร์ฉันจากไหน" ฉันพยายามพูดดีๆกับปลายสายอย่างใจเย็น
"เป็นคนเพิ่งให้เบอร์มาเองนะ" ห๊า ฉันนี่นะเป็นคนให้ ใครวะเนี๊ย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เป็นคนเพิ่งให้เบอร์มาเอง อย่าบอกนะว่า เสียงนี้ คือ พี่เจได พี่เขาเสียงนี้เหรอ
"พี่เจได" ฉันร้องออกมาอย่างตกใจ ไม่ตกใจได้ไงอะ อยู่ๆโทรมาหาฉันแบบไม่ตั้งตัว
"อยู่ตรงไหนของห้าง" พี่ถามฉันต่อทันที หลังจากที่ฉันเรียกชื่อเขา
"ซุ้มกระดาษด้านหน้าห้างค่ะ" ฉันตอบกลับแบบงงๆ
"ใส่ชุดสีอะไร" พี่เขาถามต่อมาอีก
"ชุดสีน้ำเงิน กระเป๋าสะพายสีขาวค่ะ" ฉันตอบไปแบบงงหนักไปอีก พี่เขาอยู่แถวนี้เหรอ
พอฉันตอบกลับไป พี่เขาก็วางสายฉันทันที เอ๋า อะไรของเขาเนี๊ย ฉันมองหน้าจอมือถือ สักพักจึงเก็บมันลงในกระเป๋า พร้อมกับนั่งตรงลานด้านหน้าห้าง แล้วมองผู้คนที่ถ่ายรูปกันตรงซุ้มหลายคู่ด้วยกัน
"ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว" เสียงนี้ เหมือนเสียงในโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายจากฉันไปหนิ
"พี่เจได" ฉันเรียกชื่อพี่เขา พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน
"ทานข้าวรึยังคะ" เป็นประโยคคำถามที่ไม่ใช้หัวสมองในการไตร่ตรองเลย แต่มันเอ่ยออกไปเองโดยอัตโนมัติ
"กิน Subway ที่สนามบินมาแล้ว" พี่เขาตอบพร้อมกับนั่งลงข้างๆฉัน
"แล้วทำไมมาแถวนี้คะ ไม่กลับบ้านล่ะคะ หรือนัดใครไว้ที่นี่เหรอ" ฉันถามต่อแต่ไม่ได้หันไปมองหน้าพี่เขา อยู่ๆก็มีอะไรมาพาดที่ข้อมือของฉัน จนฉันต้องหันไปมอง
"กะได้พอดีเลย เห็นมันน่ารักดี เลยซื้อมาฝาก" พี่เขาพูดขึ้นหลังใส่สร้อยข้อมือให้ฉันเรียบร้อยแล้ว
"แล้วจะกลับรึยัง" พี่เขาหันมาถามฉันต่อ โดยที่ฉันยังมองพวกซุ้มกระดาษที่จัดหน้าห้างอยู่
"สักพักค่ะ พรุ่งนี้ วันหยุด ไม่ต้องรีบตื่น" ฉันตอบออกไปแต่ไม่ยอมหันมามองพี่เขาเลย ตอนนี้บอกอารมณ์ตัวเองไม่ถูก จะเรียกว่า ดีใจ ตกใจ หรือเสียใจ ดี ฉันกลัวพี่เขาจะเห็นอาการฉันจึงเลี่ยงไม่มองหน้ากันดีสุด
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด (เสียงมือถือพี่เจได)
"ฮัลโหล"
"อือ เพิ่งถึง"
"มาหาไรกินแถวห้าง"
"เดี๋ยว พรุ่งนี้เจ็คไปรับกินข้าวเที่ยงแล้วกันนะ"
"ครับ นอนเถอะ ฝันดีนะ"
ฉันไม่ได้ยินเสียงของปลายสายหรอกนะว่าเขาพูดอะไร แต่จากการตอบของพี่เขา ก็คงถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาแฟนแหละ
"แฟนโทรมาเหรอคะ" ฉันนี่ก็โง่ถามไปให้ตัวเองเจ็บอ่ะนะ
"อืมม" ไงล่ะคำตอบ เจ็บดีไหมอีเฟ
"กลับยัง เดี๋ยวไปส่งหอ" พี่เขาถามขึ้น
"ไม่เป็นไรค่ะ เฟกลับเองได้ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ขอบคุณนะคะสำหรับของฝาก" ฉันพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกมาจากพี่เขา กลัวจะเสียใจไปมากกว่านี้ ทั้งที่คิดว่าน่าจะตัดใจได้แล้วนะ แต่พอเจอตัวเป็นๆ อาการฉันหนักกว่าที่คิดไว้อีก
"ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ แล้วจะไปส่งหอ" พี่เขาพูดขึ้นขณะที่เดินตามฉันมาไม่ได้ห่างกันมาก พอฉันได้ยินแบบนั้นก็มองหน้าพี่เขา อยากจะถามว่าพี่จะเอาไงกะหนูกันแน่ แต่ไม่กล้าพอที่จะถามไปแบบนั้น ฉันหยุดเดินแล้วหันหลังกลับมาทางพี่เขา
"เพื่อนร่วมงานกัน ไปกินข้าวด้วยกันไม่เป็นไรใช่ไหม เรายังเคยไปกินกับพี่ภูมิเลย" พี่เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนจะไม่ให้ฉันปฏิเสธ
"อือค่ะ พี่อยากไปกินไรคะ" การเจอกันครั้งแรกของเรา มันดูงงๆดีนะ ต่อไปจะเป็นยังไงนะ ไม่อยากคิดต่อเลย เอาเป็นว่าขอวันนี้ให้มีความสุขสักวันก็แล้วกัน
ถือซะว่าของขวัญก่อนตัดใจแล้วกัน
ต่อไปก็ท่องไว้ เขาคือ พี่ร่วมงาน..เฟริน
อ้างอิง : เพลงริงโทนเฟริน https://www.siamzone.com/music/thailyric/16042