EP 4
ในที่สุดเช้าวันใหม่ก็เดินทางมาถึง ปัณฑารีย์ตื่นนอนมาด้วยความหวาดหวั่น แต่กระนั้นก็ให้กำลังใจตัวเองตลอดเวลาที่นั่งรถเมล์ว่า หล่อนแค่มาทำงาน แค่มาทำงานเท่านั้น
เมื่อมาถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของวิศนุชา หล่อนถูกพบเจอกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ช่วงเช้าหล่อนถูกพาไปอบรมเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของบริษัท กระทั่งช่วงบ่าย ฝ่ายบุคคลจึงพาหล่อนขึ้นไปพบท่านประธานบริษัท ซึ่งนั่นก็คือวิศนุชานั่นเอง
หล่อนเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเขาได้อย่างชัดเจน เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานกว้าง
“ผมคิดว่าคุณจะเรียกคนอื่นมา”
น้ำเสียงของเขาดุดัน และท่าทางของเขาก็บอกให้หล่อนรู้ว่า เขาไม่ได้เต็มใจอ้าแขนรับหล่อนเข้ามาทำงานที่นี่เลย
“เอ่อ... แต่คนที่ผ่านสัมภาษณ์งานจากแผนกมีแค่สามคนนะคะ แล้วสองคนก่อนหน้าก็มาไม่ได้ ดิฉันก็เลยตามคุณปัณฑารีย์มาทำงานค่ะ”
เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเต็มไปด้วยความยำเกรง
หล่อนเห็นวิศนุชานั่งขบกรามแน่นอยู่พักใหญ่ๆ เลยทีเดียว กว่าเขาจะเอ่ยขึ้น
“คุณออกไปได้แล้ว”
“ท่านประธาน... จะ...”
“ผมบอกให้คุณออกไปไง เดี๋ยวผมจัดการกับพนักงานใหม่คนนี้เอง”
“เออ... ค่ะ ท่านประธาน”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลรีบเดินออกไปจากห้องทำงานของวิศนุชา และตอนนี้ก็เหลือแค่หล่อนกับเขาเพียงสองคนเท่านั้น
บรรยากาศภายในห้องทำงานกว้าง ทั้งเย็น และตึงเครียด หล่อนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง หน้าซีดเผือดก้มลงมองปลายเท้าของตัวเองด้วยความหวาดกลัว
หล่อนตัดสินใจผิดไปจริงๆ หล่อนไม่ควรแม้แต่จะเหยียบย่างมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง
ในขณะที่สมองสั่งให้หล่อนหมุนตัว และรีบออกไปจากที่นี่ เสียงห้าวที่เต็มไปด้วยความห่างเหินก็ดังขึ้นเสียก่อน
“จะไปไหน มานั่งตรงหน้าผมนี่”
“เอ่อ...”
“ผมบอกให้มานั่งไง”
น้ำเสียงของเขาดุดัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากสายตาดุๆ ของเขาที่จ้องมองมาเลย
หล่อนก้มหน้าและเดินไปหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่หน้าโต๊ะทำงานไม้ที่วิศนุชานั่งอยู่ด้านหลัง
บรรยากาศเงียบงันอยู่เกือบห้านาที ก่อนที่
วิศนุชาจะทำลายความเงียบขึ้น
“ผมรับคุณเข้าทำงานที่นี่”
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ”
“แต่รับรองได้ว่าคุณไม่มีทางผ่านทดลองงานอย่างแน่นอน”
หล่อนหน้าซีดเผือดลง แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา โดยไม่พูดอะไร
วิศนุชามองหล่อนไม่วางตา มองด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก
“ถ้าคุณต้องการงาน ต้องการเงินด่วนก็ทำงานที่นี่ได้ เพราะผมก็ต้องการคนงานมาช่วยงานเหมือนกัน แต่มันจะแค่ในระยะสั้นเท่านั้น”
“ปลา... เอ่อ... ปลาจะทำจนกว่าจะไม่ผ่านทดลองงานค่ะ”
เพราะอะไรนะหล่อนถึงตอบเขาออกไปแบบนี้ เพราะว่าต้องการเงิน หรือว่าต้องการอยู่ใกล้ๆ เขากันแน่นะ
ปัณฑารีย์ไม่อาจจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ รู้เพียงแต่ว่าการได้เห็นเขา มันคือความสุขเดียวในชีวิตตอนนี้
“ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่หลังจากที่ไม่ผ่านการทดลองงาน คุณจะมาเรียกร้องอะไรจากบริษัทของผมไม่ได้ หวังว่าจะเข้าใจนะ”
“ค่ะ”
“เพราะผมได้แจ้งถึงอนาคตการทำงานที่นี่ของคุณเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”
“ค่ะ”
หล่อนยังคงตอบคำเดิม เพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดใดตอบออกไปดี
“งั้นก็เริ่มงานได้เลย นู้นโต๊ะทำงานของคุณ”
แล้วเขาก็ชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ถัดออกไปทางริมหน้าต่าง
“เก็บข้าวของของคุณซะ แล้วมารับงานจากผมไปทำได้เลย”
“ค่ะ”
หล่อนทำตามคำสั่งของวิศนุชาอย่างว่านอนสอนง่าย แม้หัวใจจะเจ็บระบมแค่ไหน ก็ต้องซ่อนเร้นมันเอาไว้
พอเก็บของเสร็จ หล่อนก็เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
เขาเลื่อนแฟ้มงานหนาหนักจำนวนแฟ้มมาให้หล่อน
“งานของคุณ คีย์ใส่ระบบในคอมให้ครบทุกรายชื่อ และผมต้องการด่วนที่สุด”
“ค่ะ”
หล่อนหอบแฟ้มเอกสารหนักๆ พวกนั้นมาวางไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน และก็เริ่มจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย
ตลอดเวลาที่หล่อนทำงาน สายตาของวิศนุชาก็จับจ้องมองตลอดเวลา
“ผมหวังว่าผมจะได้งานทั้งหมดจากคุณภายในวันนี้นะ ปัณฑารีย์”
“ค่ะ”
หล่อนตอบเสียงเศร้าๆ และก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น ไม่คิดโอดครวญใดๆ
บรรยากาศภายในห้องทำงานของวิศนุชาเงียบกริบ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออกจากด้านนอก
ผู้หญิงผิวขาว ปากแดง หุ่นดีมากคนหนึ่งก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา และก็ทักทายวิศนุชาด้วยน้ำเสียงคุ้นเคยเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะพี่บีม ฝันมากวนหรือเปล่าคะเนี้ย”
ผู้ชายที่เมื่อกี้ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ ฉีกยิ้มกว้าง และตอบเสียงนุ่ม
“สวัสดีครับน้องฝัน พี่ดีใจนะที่แวะมาหาพี่น่ะ”
“แหม ปากหวานจังเลยค่ะ”
พาฝันพาตัวเองเดินอ้อมไปด้านหลังโต๊ะทำงานของวิศนุชา แล้วก็ก้มลงจูบแก้มสากของเขาอย่างไร้การเคอะเขิน แสดงให้เห็นว่าน่าจะทำเป็นประจำ
หัวใจของปัณฑารีย์ล่วงหล่นแดดิ้นอยู่กับพื้นห้องอย่างน่าเวทนา ภาพที่เห็นทำให้หล่อนเจ็บเจียนขาดใจตาย แถมวิศนุชาก็ยังนั่งนิ่งไม่ปัดป้องเลย
พวกเขาคงเป็นคู่รักกัน...
น้ำตาพาลจะไหลออกมา จนต้องกะพริบตาถี่ๆ ไล่หลายครั้ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองแป้นพิมพ์เพื่อซ่อนความเสียใจ
“เลขาคนใหม่ของพี่บีมเหรอคะ”
“แค่เลขาชั่วคราวน่ะครับ เพราะพี่จะเปิดรับเลขาใหม่เร็วๆ นี้”
“อ้าว ทำไมล่ะคะพี่บีม”
“เพราะพี่ไม่ถูกใจคนนี้”
“อ้าว ไม่ถูกใจ แล้วทำไมรับมาทำงานละคะ” พาฝันถามอย่างแปลกใจ
“เพราะพี่ไม่มีทางเลือกไงครับ งานพี่เยอะมาก และต้องรีบเคลียร์ เลยต้องหาคนมาทำแก้ขัดไปก่อน”
“อ๋อ...”
พาฝันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเสนอตัว
“ให้ฝันมาช่วยไหมคะ ฝันพอเป็นนะคะ”
“อย่าเลยครับ พี่ไม่อยากให้น้องฝันเหนื่อย งานแบบนี้ให้พนักงานทำดีกว่าครับ”
“แต่ฝันอยากเจอหน้าพี่บีมทุกวันนี้คะ”
“ถ้าอยากเจอหน้าพี่ ฝันก็มาหาพี่ได้ทุกเมื่อนี่ครับ พี่ไม่ได้ห้ามสักหน่อย”
พาฝันถึงกับแปลกใจกับคำพูดของวิศนุชา เพราะปกติเขาจะไม่พูดกับหล่อนแบบนี้
“พี่บีมพูดจริงนะคะ”
“จริงครับ”
“เย้ พี่บีมใจดีจังเลยค่ะ”
แล้วพาฝันก็ก้มลงจูบแก้มสากอีกครั้ง โดยที่วิศนุชาไม่ได้เบี่ยงหน้าหลบเช่นเดิม
ปัณฑารีย์หัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ หล่อนทนนั่งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“นั่นเธอจะไปไหนนะ งานเสร็จแล้วหรือ”
เสียงกระด้างเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นหล่อนขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ฉันจะไปห้องน้ำค่ะท่านประธาน”
“รีบกลับมาล่ะ เพราะฉันต้องการงานทั้งหมดในวันนี้”
งานของเขาคงเร่งด่วนมากจริงๆ นั่นแหละ เขาถึงได้ย้ำคำนี้กับหล่อนหลายครั้ง
“ค่ะ”
ปัณฑารีย์เดินออกไปแล้ว พาฝันก็อดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“พี่บีมทำเสียงดุจังค่ะ เดี๋ยวพนักงานใหม่ก็ตกใจกันพอดี”
“พี่เครียดๆ น่ะครับ ต้องการงานด่วนด้วย”
“งั้นเย็นนี้ ฝันก็ไม่ได้ดินเนอร์กับพี่บีมแล้วน่ะสิคะ ใช่ไหมคะเนี่ย”
หล่อนอุตส่าห์ตั้งใจมาชวนวิศนุชาไปดินเนอร์ด้วย
“พี่ขอโทษด้วยนะครับ แต่งานพี่ยุ่งมากจริงๆ น่าจะสักเดือนหน้า ทุกอย่างน่าจะลงตัวแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ งั้นฝันจะแวะมาหาพี่บีมอีกนะคะ”
“ครับ”
พาฝันยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของวิศนุชา
“เลขาชั่วคราวของพี่บีมหน้าตาสวยดีนะคะ แต่หน้าเธอดูเศร้าๆ”
“ก็หน้าตางั้นๆ แหละครับ พี่ไม่ได้สนใจมอง”
พาฝันยิ่งฉีกยิ้มกว้าง เพื่อได้ยินคำพูดของวิศนุชา
“ได้ยินแบบนี้ ฝันก็สบายใจขึ้นมาหน่อยค่ะ กลัวว่าพี่บีมจะไปชอบใครนอกจากฝัน”
วิศนุชามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ก่อนที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมา
“พี่ยังยืนยันคำเดิมที่เคยบอกกับน้องฝันนะครับ ว่าเราสองคนเป็นได้แค่พี่น้องกัน”
“พี่บีม... เมื่อไหร่จะเปลี่ยนใจละคะ”
“พี่ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอนครับ เพราะในสายตาของพี่ น้องฝันคือน้องสาวที่น่ารักมากๆ พี่คิดเป็นอื่นกับน้องฝันไม่ได้หรอก”
“แต่ฝันรักพี่บีมนี่คะ”
“รักพี่แบบพี่ชายเถอะครับ แล้วความสัมพันธ์ของเราจะยืนยาว”
พาฝันกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ หล่อนตามจีบ ตามตื้อวิศนุชามาไม่รู้กี่ปี แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนใจชายหนุ่มได้เลย
“ค่า... ตอนนี้น้องสาวก็น้องสาวค่ะ แต่สักวันพี่บีมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ใครจะไปรู้”
“น้องฝันอย่ารอพี่เลย”
“ฝันจะรอค่ะ จนกว่าฝันจะมั่นใจว่าฝันหมดสิทธิ์ในตัวพี่บีมจริงๆ แล้วฝันถึงจะถอดใจ”
พาฝันยังคงมีความหวัง แม้จะริบหรี่ก็ตาม ซึ่งวิศนุชาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะรู้ดีว่าพาฝันดื้อรั้นแค่ไหน
“งั้นฝันกลับก่อนดีกว่านะคะ เอาไว้ฝันมาหาพี่บีมใหม่ค่ะ”
“ครับ”
พาฝันออกมาจากห้องทำงานของวิศนุชา ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ปัณฑารีย์เดินกลับมาพอดี ทั้งสองสาวยิ้มทักทายกัน
“อย่าคิดมากนะคะที่พี่บีมดุ พักนี้คงจะงานเยอะจริงๆ นั่นแหละค่ะ เพราะเมื่อก่อนฝันเห็นพี่บีมใจดีกับพนักงานทุกคนเลย ไม่ได้เป็นแบบนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
ปัณฑารีย์กล่าวขอบคุณ และก็ยืนรอจนพาฝันเดินจากไปแล้ว หล่อนจึงเปิดประตูห้องทำงานของวิศนุชาเข้าไป
เขายังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนเดิม หล่อนเดินตัวลีบกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง กำลังจะทำงานต่อ แต่เสียงห่างเหินก็หยุดปลายนิ้วของหล่อนเสียก่อน
“น้องฝันคือคนพิเศษของผม คุณมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับเธอให้ดีที่สุด”
คำพูดนี้ของวิศนุชา มันช่างไม่ต่างจากเข็มแหลมล้านเล่มที่พุ่งเข้าใส่หัวใจเลย
หล่อนเจ็บ...
เจ็บจนเลือดท่วมหัวใจ แต่ก็พูดหรือแสดงอาการออกไปไม่ได้ นอกจากก้มหน้าตอบรับ
“ค่ะ”
“ทำงานได้แล้ว เพราะผมต้องการให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงาน อ้อ ลืมบอกคุณไป ที่นี่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้กับพนักงานที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน”
“ค่ะ ท่านประธาน”
หล่อนจะพูดคำใดออกไปได้เล่า นอกจากตอบรับด้วยหัวใจที่ขมขื่นเพียงเท่านั้น
แล้วบรรยากาศภายในห้องทำงานของวิศนุชาก็เงียบกริบลง
หล่อนลอบเงยหน้าและมองเขา ก็พบว่าเขากำลังขะมักเขม้นอยู่กับแล็ปท็อปตรงหน้าอยู่
เขากับผู้หญิงแสนสวยคนนี้คงจะเป็นคู่รักกัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นสามีภรรยากัน
บ้าจริง...
ทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้นะ ปัณฑารีย์ ทำไมถึงได้ทรมานเหลือเกิน