“นายครับ คุณเคธี่ ขอเข้าพบครับ”
กวินทร์ เลขาหนุ่มพ่วงตำแหน่งคนสนิทเดินทำหน้านิ่งเข้ามารายงานผู้เป็นเจ้านาย
“ฉันบอกให้นายจัดการไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เจ้านายหนุ่มเงยหน้ามองเลขาส่วนตัวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ครับ แต่เธอไม่ยอมจนกว่าจะได้คุยกับนายครับ”
กวินทร์บอกออกมาตามความจริง เพราะเขาจัดการแล้วแต่เธอไม่ยอมท่าเดียว
“อืม ให้เข้ามา”
พอได้ยินแบบนั้น เลขาหนุ่มก็เดินกลับออกไป ก่อนจะเดินกับเข้ามาพร้อมสาวสวย รูปร่างสูงโปร่งราวนางแบบ ก่อนเขาจะเดินกลับออกไปอีกครั้ง
“ทำไมใจร้ายกับเคธี่จังเลยคะ รู้ไหมคะว่าเคธี่เสียใจแค่ไหนที่คุณอยากยุติความสัมพันธ์กับเคธี่”
สาวสวยเดินเข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงที่ตักของเจ้าของห้องพร้อมกับสองแขนยกขึ้นคล้องคอของเขาอย่างที่เธอเคยทำ หน้าสวยดูอ้อนวอนและดูน่าสงสาร
“เคธี่ขอโทษถ้าเกิดทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ต่อไปนี้เคธี่จะเชื่อฟัง แต่อย่างเลิกกับเคธี่เลยนะคะ”
เธอบอกขึ้นพร้อมกับซุกซบลงไปบนอกกว้างของเขาอย่างอ้อนวอน
“คงพูดว่าเลิกไม่ได้ เพราะเราไม่เคยมีความสัมพันธ์ถึงขั้นต้องเลิกกัน พูดว่าแยกย้ายน่าจะถูกกว่า”
เขาบอกขึ้นพร้อมกับดันเธอออก ก่อนจะลุกยืนมองออกไปนอกกระจกห้อง
“ทำไมพูดใจร้ายแบบนั้นล่ะคะ เคธี่เป็นของคุณ เคธี่ต้องการคุณนะคะ”
“ผมบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมยินดีรับผิดชอบคุณและจ่ายเงินให้คุณใช้เท่าที่คุณต้องการ แต่ผมไม่อนุญาตให้คุณไปนอนอ้าให้คนอื่น ถ้าเกิดผมรู้ สัญญาของเราเป็นอันสิ้นสุดลง คุณก็น่าจะรู้สถานะของตัวเอง ทีนี้ก็ออกไปได้แล้ว”
“แต่เคธี่...จะให้เคธี่ทำยังไง เคธี่เองก็ต้องการแต่คุณกลับไม่ไปหาเคธี่เลย เคธี่แค่...”
พอได้ยินแบบนั้น เขาก็หันมามองเคธี่ด้วยสายตาที่ไม่มีความรู้สึกอะไรให้กับเธอเลยสักนิด แม้กระทั่งความโกรธเขาก็ไม่มี
“คุณไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวของผม ออกไปได้แล้ว”
และเคธี่ก็ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างแสนเสียดาย เมื่อกว่าครึ่งปีแล้วที่เธอได้ใช้ชีวิตหรูหราและสุขสบายแต่สุดท้ายเธอก็ทำมันพังเพราะทนรอแห้งเหี่ยวต่อไปไม่ไหว
ภูผา นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ด้วยเขาแทบจะยึดครองส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดของประเทศเอาไว้ แถมยังมีอิทธิพลกับตลาดต่างประเทศอีกมากมาย ปีนี้เขาอายุย่าง 39 แล้วแต่กลับไม่เคยมีคู่ชีวิตหรือแม้กระทั่งคนรักข้างกาย ถึงจะอย่างนั้นแต่เขาไม่เคยขาดหายผู้หญิงบนเตียงเลยสักวัน เมื่อเขาทั้งหนุ่ม ทั้งแน่น แถมยังหล่อและรวยมาก ซึ่งมากจนเขาสามารถใช้เงินซื้อผู้หญิงเหล่านี้มาไว้ครอบครองเพื่อสนองเมื่อเขาต้องการหรือจะเรียกว่านางบำเรอก็ไม่ผิด
“เธอกลับไปแล้วครับ”
“อืม อย่าให้มายุ่งอีก แล้วคนที่เหลือคอยดูให้ดี ถ้าเป็นแบบเคธี่อีกก็ยกเลิกสัญญาไปได้เลยไม่ต้องบอกฉัน”
“ครับ”
พอรับคำสั่งเสร็จ กวินทร์ก็เดินกลับออกไป ปล่อยให้เจ้านายผู้ไร้หัวใจได้แต่ยืนมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกไปอย่างสบายอารมณ์
เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจหรือเสียดายเลยสักครั้งเมื่อความสัมพันธ์ชั่วคราวพวกนี้จบลง เพราะยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่พร้อมจะเข้ามาแทนที่เมื่อสิ่งที่เขามอบให้มันสามารถซื้อความสุขอย่างอื่นได้อย่างมากมายไม่จำกัดเสียด้วย
“ดีมากครับ ขอเอียงซ้ายอีกนิด ขอขวาอีกหน่อย สวยครับ โอเค เรียบร้อยครับ”
เสียงช่างภาพดังขึ้นไม่หยุด เมื่อนางแบบเล่นโพสท่าแบบมืออาชีพและไม่มีบ่นสักคำเมื่อถูกสั่งให้หันซ้ายหันขวา จนกระทั่งเสร็จงาน
“เรียกพี่ปีโป้ให้หน่อย”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่วิ่งไปเรียกให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พูดจบ ทีมงานสาวก็รีบวิ่งออกไปหา ปีโป้ ผู้จัดการดาราคนดัง ก่อนคนที่ถูกเรียกหาจะรีบวิ่งกลับเข้ามา
“มีอะไรคะน้องเจส พี่ปีโป้กำลังคุยโทรศัพท์กับเสี่ยฉิงอยู่เลย”
“พี่ปีโป้ช่วยยกเลิกงานถ่ายละครช่วงบ่ายทีนะคะ เจสรู้สึกไม่สบายยังไงไม่รู้”
“เป็นอะไรคะ? ไปหาหมอไหม?”
“ไม่ค่ะ แค่อยากพัก”
“ได้สิคะ พักบ้างก็ดี เดี๋ยวพี่ปีโป้โทรไปแจ้งผู้กำกับก่อนนะคะ น่าจะถูกบ่นเยอะอยู่”
พูดจบปีโป้ก็เดินกลับออกไป ส่วน เจส หรือ เจสสิก้า ดารานางแบบสาวที่โด่งดังและมีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้กำลังยืนให้พวกช่างแต่งตัวถอดชุดที่เธอใส่อยู่ออก แล้วเปลี่ยนเป็นชุดที่เธอใส่มาแทน ก่อนจะเดินตามผู้ช่วยของปีโป้ออกไปที่รถ
“คุณเจสคะ นี่เป็นของจากแฟนคลับ เดี๋ยวพี่เอาไปไว้หลังรถตู้ให้นะคะ”
“ค่ะ...”
พอขึ้นมาบนรถ เจสสิก้าก็หลับตาลงทันที เมื่อยิ่งดังมากเท่าไหร่ เวลาส่วนตัวของเธอยิ่งลดลงไปเท่านั้น เธอทำงานเช้ายันดึกบางทีก็ลากไปจนเช้าของอีกวันกว่าจะได้พัก ซึ่งส่วนมากก็ไม่เกิน 3 ชั่วโมงที่เธอได้นอนเต็มอิ่ม
“ไปเลยๆ ไปส่งน้องเจสที่คอนโด”
หลังจากนั้นไม่นาน ปีโป้ก็เดินมาขึ้นรถแล้วบอกให้คนขับรถออกรถ เธอหันไปมองเจสสิก้าอย่างแสนเสียดาย เพราะถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่างานช่วงเย็นก็ต้องยกเลิกไปด้วย เมื่อเจสสิก้าทำงานลากยาวมาเกือบๆ 2 อาทิตย์แล้ว