“นางเป็นสาวใช้จริงๆ”
เขาทำหน้าเบื่อหน่าย พอเหลือบมองใบหน้าหญิงสาวตัวเล็กที่เขินอายจนใบหน้าแดงจัด เขาอดยอมรับไม่ได้ว่า นางมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเป็นประกาย ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน
“ชื่ออะไรล่ะยัยหนู” หยางต๋าถามด้วยความเอ็นดู
“เสี้ยวเวยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยอย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “นายท่านกับฮูหยิน ต้องการอะไรเรียกใช้ได้เลยเจ้าค่ะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ข้ามีเรี่ยวแรงมิใช่น้อย”
“ไยเรียกห่างเหินเช่นนั้น เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” ฮูหยินหยุนผิงนึกเอ็นดูนัก ใจจริงนางอยากมีลูกสาวน่ารักๆ อีกสักคน แต่สุขภาพไม่เอื้ออำนวย เบ่งลูกชายได้สองคนก็ต้องถอดใจ
“แค่กๆ” คราวนี้หยางเหลาหู่ถึงสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่ามารดาของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้
“มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมาอยู่ในฐานะสาวใช้ไม่สมควรตีตนเสมอนาย”
“พูดจาน่าฟังดีจริง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้น แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้ เอ่อ...แล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างเรือนหลังใหญ่โตแต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ไม่รู้จักรีบมีลูกมีหลานให้พ่อแม่ได้อุ้มเล่น”
“นางอยู่เรือนของข้า” หยางเหลาหู่พูดตัดบท “ข้าไม่ไว้ใจ เกิดนางมาลักขโมยข้าวของหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะทำเช่นไร”
“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ”
นางหันไปเถียงเขา แต่ริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นทำให้เขาต้องเบือนหน้าไปทางอื่น
“คำพูดไม่น่าเชื่อถือเท่าการกระทำ ข้าจะรอดูแล้วกันว่าเจ้าเป็นอย่างที่ตัวเองพูดหรือเปล่า” เขาโบกมือไล่คล้ายตัดบทไม่ต้องการพูดเรื่องพวกนี้อีก
“อาหารมื้อนี้...”
“ป้าอิงอู่เมตตาสอนให้ข้าทำอาหารเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ารสชาติถูกปากหรือไม่”
ไม่มีใครกล้าพูดความจริง ป้าอิงอู่มิใช่แค่แม่ครัวแต่เสมือนคนในครอบครัว ทุกคนที่นี่อยู่อย่างครอบครัวใหญ่ ฝืนทนอาหารรสชาติย่ำแย่ของป้าอิงอู่แต่ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งนี้ออกไป ก่อนนั้นฝีมือป้าอิงอู่นับว่าเลิศรสนัก แต่ในระยะหลังการรสชาติเปลี่ยน แม้หน้าตาอาหารจะเป็นเช่นเดิม คาดเดาว่าเพราะอายุที่มากขึ้น ทำให้การรับรู้รสของป้าอิงอู่เปลี่ยนไป ภายนอกดูกระฉับกระเฉงแต่แท้ที่จริงนางเจ็บป่วยเรื้อรังมานาน
“ต่อไปเจ้าก็เรียนรู้งานในครัวกับป้าอิงอู่แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
หลัวเสี้ยวเวยรับคำและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว นางจึงหมุนตัวกลับไปเตรียมยกอาหารมาเพิ่มอย่างไม่ต้องรอให้ผู้ใดเอ่ยปากสั่ง
“มาวันแรกทำงานรู้หน้าที่ รู้พูดรู้จาเช่นนี้ค่อยเบาใจหน่อย”
ฮูหยินหยุนผิงเอ่ยขึ้นพลางคีบอาหารส่งให้สามี
“นางเพิ่งมาอย่ารีบด่วนตัดสิน” หยางกั๋วชิ่งพูดพลางคีบอาหารเข้าปากตัวเอง เก็บซ่อนสีหน้าพอใจกับรสชาติอร่อยลิ้น เขาเองไม่กล้าพูดกับป้าอิงอู่เรื่องรสชาติอาหารเช่นกัน ได้แต่แอบหิ้วท้องไปกินของอร่อยนอกบ้านแทน
หยางเหลาหู่แสร้งทำเป็นไม่สนใจสาวใช้คนใหม่ที่เดินเหินคล่องแคล่ว แม้ตัวเล็กไปสักหน่อยแต่ยกอาหารมาได้ไม่ขาดตอน เขารู้ว่าข้าวสารอาหารแห้งมีเต็มมิได้ขาด แต่ไม่คิดว่านางจะทำมากขนาดนี้ ไม่ว่ายกสิ่งใดออกมาล้วนหมดเกลี้ยงจนเหลือเพียงถ้วยชามจานเปล่า
หลัวเสี้ยวเวยเห็นทุกคนกินอาหารเอร็ดอร่อย แม้ไม่เอ่ยชมก็เบาใจ อย่างน้อยนั้นหมายถึงนางได้อยู่ที่นี่ต่อไป การอยู่ในบ้านลุงจางฉวนในฐานะหญิงรับใช้ทำให้นางทำงานบ้านเป็นทุกสิ่งอัน จากเดิมที่เป็นคุณหนูหลัวทำสิ่งใดเพียงเพื่อความสนุกผิวเผิน อาหารการกินช่วยแม่ครัวทำเล่นเป็นเรื่องสนุก นางชอบอ่านเขียน แต่งโคลงกลอนกับบิดา ฝึกเย็บปักถักร้อยกับมารดา ทว่าเมื่ออยู่ในบ้านลุงจางฉวนนางกลับต้องทำหน้าที่หญิงรับใช้เต็มตัว อยู่ไปอยู่มาบ่าวไพร่เริ่มลดลง งานของนางมากขึ้น แต่ลุงกับป้าสะใภ้กลับมีเหตุผลสารพัดที่ให้นางทำงานเหล่านั้นจนมือเรียวที่เคยนุ่มนิ่มหยาบกระด้าง อะไรที่ทำไม่เป็นก็ทำเป็นในคราวนั้น
เอาเถิด ความลำบากที่ได้รับทำให้นางยังคงใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้
“เสร็จงานในครัวแล้วเจ้ามาพบข้าด้วย”
หยางกั๋วชิ่งสั่งไว้ก่อนที่ตนเองจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ นางนึกขึ้นได้รีบถามออกไป
“ไปพบคุณชายรองที่ใดเจ้าคะ” คำถามของนางทำให้หยางกั๋วชิ่งชะงักไป “ข้าเพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้”
“ประเดี๋ยวให้คนพาไปก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
นางเพียงก้มหน้ารับคำสั่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นสัมผัสได้ว่ามีสายตาดุดันจ้องมองอยู่ หญิงสาวไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือไม่ แต่ในฐานะที่คนผู้นี้เป็นคุณชายใหญ่ นางจึงก้มหน้าสำรวมกิริยาเดินกลับมาที่ครัวเพื่อจัดการงานที่เหลือ
“ไม่ต้องกลัวนะ คุณชายรองใจดี”
“อืม” หลัวเสี้ยวเวยได้รับกำลังใจจากผู้อื่นรู้สึกใจชื้นขึ้น เมื่อช่วยคนอื่นจัดการงานในครัวแล้ว และแอบกินมื้อเย็นของตนไปด้วย นางรีบ
ล้างมือเร่งเท้าเดินไปพบคุณชายรอง ตามคำแนะนำของเหล่าบ่าวสูงวัยเหล่านั้น
หญิงสาวอดสังเกตรอบข้างไม่ได้ ป้อมพยัคฆ์ทมิฬแลดูน่าเกรงขามจริง สมแล้วที่เป็นนสำนักคุ้มภัย ความเป็นอยู่ที่นี่ไม่เรียกว่าอัตคัด แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมีบ่าวหญิงมีแต่วัยเลยห้าสิบแล้วทั้งนั้น น่าแปลกที่ไม่มีบ่าวหญิงอายุน้อยทำงานบ้านเลย
ร่างเล็กเดินมาจนใกล้ถึงเรือนของคุณชายรอง เป็นจังหวะเดียวกับชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่ง ประคองถาดน้ำชาเข้ามาเกือบจะพร้อมกับนาง ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นจ้องนางเขม็ง ดวงตาเศร้าคู่นั้นมีแววตกใจอยู่ไม่น้อย
“ข้าชื่อเสี้ยวเวยเป็นหญิงรับใช้คนใหม่ คุณชายรองเรียกให้มาพบ”
อาลี่สูดลมหายใจลึกตามด้วยการพยักหน้ารับ ส่งเสียงแหบแห้งรายงานก่อนผลักบานประตูเข้าไป ชายหนุ่มกำลังอ่านเอกสารตรงหน้า มีลูกคิดวางอยู่ใกล้มือ
“คุณชายรอง” หลัวเสี้ยวเวยเอ่ยอย่างเจียมตัว ชายผู้นี้ดูสุขุมและเปี่ยมความรู้เป็นคุณชายฝ่ายบุ๋นมากกว่าคุณชายใหญ่ที่นางพบ
“เจ้าชื่ออะไร” เขาเอ่ยถามไม่มองหน้า อาลี่วางถาดน้ำชาแล้วรินน้ำชาให้หยางกั๋วชิ่ง จึงเดินมาฝนหมึกให้โดยไม่ต้องรออีกฝ่ายสั่ง
“เสี้ยวเวยเจ้าค่ะ”
“แซ่?”
“ข้าไม่มีแซ่” นางตอบได้แต่พร่ำขอโทษบรรพชนที่ไม่อาจเอ่ยแซ่ของตัวเองออกไป เพื่อความปลอดภัยและลมหายใจของนางเอง “ข้าเป็นเด็กกำพร้า”
อาลี่ชะงักมือไปเล็กน้อย ลอบเงยหน้ามองหญิงสาว เพียงแวบเดียวที่สายตาประสานกัน เขากลับหลุบตาลงตั้งใจฝนหมึกให้คุณชายรอง
“ใครแนะนำเจ้า” แม้หยางกั๋วชิ่งไม่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ทว่าสามารถจับความเคลื่อนไหวของอาลี่ได้ชัดเจน
“เสี่ยวหงเจ้าค่ะ” นางจำจากที่หยางเหลาหู่เอ่ยกับนางวันที่พบกันครั้งแรก และอีกครั้งที่ต้องกล่าวคำขอโทษเสี่ยวหงที่นางสวมรอยมาเป็นสาวใช้
คราวนี้หยางกั๋วชิ่งเงยหน้าขึ้นมองเต็มตา ดวงตาคู่นั้นแทบกรีดผิวนางให้เปิดเปลือยตัวตนที่แท้จริง แต่หญิงสาวยังคงยืนนิ่งสำรวมและสวมรอยเป็นคนของเสี่ยวหง หยางกั๋วชิ่งไม่สามารถเชื่อใจนางได้ในทันทีแต่เห็นว่ายังมีเวลาสำหรับการจับตามองหญิงสาวคนนี้
“เอาล่ะ เจ้าคอยเรียนรู้งานกับป้าอิงอู่ นางสั่งอะไรก็ทำตามนั้น”
“เจ้าค่ะ” นางมิกล้ายอกย้อนถามว่ารวมทั้งเรื่องรสชาติอาหารด้วยหรือไม่
“ที่นี่มีบ่าวหญิงชราอายุมากอยู่หลายคน เจ้าช่วยดูแลพวกนางหน่อย คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ เราอยู่กันอย่างครอบครัว
เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ข้าทราบแล้ว”
“ดี ไปพักเถอะ อะไรที่ควรรู้ป้าอิงอู่จะบอกเอง”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวย่อตัวลงคารวะแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ อาลี่เงยหน้าขึ้นหลังสิ้นเสียงปิดประตู และเหมือนอีกฝ่ายรู้ถึงสายตาของบ่าวหนุ่มผู้นี้ มือแข็งแกร่งกระชากข้อมือข้างหนึ่ง ออกแรงกระตุกเพียงพริบตาอาลี่ก็มานั่งบนตักของเขาแล้ว
“คุ...คุณชาย... รอง”
“พี่ใหญ่ประกาศให้นางอยู่เรือนของเขาแล้ว เจ้าย้ายมาดูแลข้าเต็มตัวเสียทีเถอะ”
“ตะ..แต่..” อาลี่อึกอักใบหน้าขาวซีดเริ่มฝาดสีแดงระเรื่อ
“ข้าอุตส่าห์วางแผนให้พี่ใหญ่หาหญิงรับใช้มาแทนเจ้า เจ้ายังอาลัยอาวรณ์พี่ใหญ่อีกเรอะ”
หยางกั๋วชิ่งเชยปลายคางของอีกฝ่ายขึ้น ยื่นหน้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมของชาเก็กฮวยจากริมฝีปากของอีกฝ่าย
“บอกแล้วว่าข้าต้องการเพียงเจ้า” หยางกั๋วชิ่งกัดริมฝีปากที่สั่นระริกเบาๆ สอดมือไปในสาบเสื้อของอีกฝ่าย
“ได้หรือไม่”
อาลี่ได้แต่หลับตาพยักหน้าตอบรับด้วยความเต็มใจ แต่ไม่อาจ
ละภาพหญิงสาวผู้นั้นได้ สี่ปีผ่านมา นางเติบโตขึ้นจากเด็กสาวกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัว แม้รูปร่างเปลี่ยนไปแต่แววตาของนางยังไม่เคยเปลี่ยน
“อาลี่”
เสียงแหบพร่ากระซิบเรียก ฝ่ามือร้อนปรนเปรอจนบ่าวหนุ่มไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นได้อีก นอกจากความเร่าร้อนและรัญจวนใจที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง