บทที่ 3 ข้อตกลง 2

1304 คำ
ทิวากรกระตุกยิ้มน่ากลัวเมื่อนึกได้ว่าท่ามกลางความพ่ายแพ้ เขายังมีชัยชนะเล็ก ๆ อยู่ในกำมือ ในเมื่อเอาคืนอดีตภรรยาไม่ได้เพราะเธอมีลูกสาวเป็นตัวประกัน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีปานวาดเป็นที่ระบายอารมณ์ชั้นเยี่ยม ตอนพบเธอในคลับคืนนั้นเขาแทบคุมตัวเองไม่ได้ ‘ยัยหนูวาด’ แต่งตัวเซ็กซี่ยั่วอารมณ์สุด ๆ ดูอย่างไรก็น่ารัก แถมยังซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยน คิดจะประคองผู้ชายตัวใหญ่ แต่กลับล้มหมดท่าเพราะตัวเล็กนิดเดียว ไหนจะรองเท้าส้นสูงที่ดูอย่างไรก็ใส่ไม่สบายนั่นอีก ทิวากรจำได้ว่าบอกให้เธอออกไป อ้างว่ากลัวคนจะมองไม่ดี แต่ความจริงแล้วเขาแค่ตื่นเต้นและอยากจะทำมากกว่าการทิ้งตัวล้มทับ อยากกอด… อยากจูบ แต่กระนั้นปานวาดก็ยังอยู่ต่อ ห่วงใยว่าเขาจะดื่มเยอะไป ซึ่งปกติแล้วเธอจะไม่ยุ่งหรือเข้าใกล้ผู้ชายที่ดื่มเหล้าตามลำพัง อย่างน้อยก็ตามที่เขาเคยสอนเธอในตอนที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ทิวากรเห็นความกังวลบนใบหน้าจึงถามไปว่ามากับใคร ปรากฏว่ายัยตัวเล็กทำหน้ากระอักกระอ่วนเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ หลังจากนั้นไม่ถึงสิบชั่วโมง ภาพหลุดก็ว่อนอยู่ในสื่อออนไลน์ เขาโกรธเธอที่ร่วมมือกับพิมพ์ลภัส… ตอนที่ปานวาดขอคุยด้วยเขาจึงไม่ปฏิเสธ ชักชวนขึ้นห้องเพราะอยากจะกลั่นแกล้ง แต่พอเห็นใบหน้าแดงก่ำขณะถอดเสื้อผ้า เรือนร่างอวบอัดที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อตัวใหญ่ เขาก็ไม่อยากแกล้งเธอด้วยคำพูดแค่อย่างเดียว ทิวากรต้องการเธอ... เขารู้ว่าเธอดื่มมาบ้างจากการสังเกตขณะแสร้งหัวเราะอย่างมีความสุขกับฝ่ายบริหารที่มาร่วมงานสังสรรค์ แสดงละครว่าไม่ได้ทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้นำเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน แต่ความจริงแล้วเขากวาดตามองรอบตัวอย่างช้า ๆ สังเกตว่าใครซุบซิบนินทาและทันได้เห็นปานวาดดื่มไวน์แดง... หลายแก้ว ไม่แปลกใจที่เธอทำทุกอย่างที่เขาต้องการ ปานวาดไม่รู้ตัวว่ากำลังเมา แต่ทิวากรรู้ดีที่สุด กระนั้นเขาก็ยังฉวยโอกาสตักตวง ยื่นข้อเสนอ เอาเปรียบเธอจนกระทั่งเช้า ไม่สนว่าเป็นคืนแรก ไม่อ่อนโยน ไม่ใจดี เขาแค่อยากระบายความเครียด... ช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขาจึงส่งข้อความไปหาเธออีกครั้ง บอกว่าหลังประชุมเสร็จแล้วให้ไปเจอกันที่ลานจอดรถ มีแค่นรกเท่านั้นที่รู้ว่าเขาต้องการสิ่งใด นึกไม่ถึงว่าการประชุมจะยืดเยื้อจนเกือบหกโมงเย็น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสัปดาห์ที่แล้วทิวากรไม่ได้เข้าบริษัทเพราะวุ่นวายอยู่กับปัญหาส่วนตัว หลังจากประชุมเสร็จเขาจึงกลับเข้าห้องทำงาน คว้าขวดเบอร์เบิ้นราคาแพงและเริ่มมอมเมาตนเองเช่นทุก ๆ คืนที่ผ่านมา พอดื่มไปได้สักพักเขาก็หยิบโทรศัพท์มาดูอีกครั้ง ข้อความบนจอขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่เธอไม่ได้ตอบกลับมา ‘ลานจอด 17.00’ เลยเวลานานเกือบชั่วโมงแล้วปานวาดคงไม่อยู่รอ แต่วันที่เขาอารมณ์ไม่ดียังมีอีกมาก ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เวลาหกเดือนนั้นคงมากพอที่จะบรรเทาความรู้สึกแย่ ๆ หากโชคดีเขาอาจได้ลูกสาวหรือไม่ก็ลูกชายสักคน “นายมันบ้าไปแล้ว” ทิวากรหัวเราะเบา ๆ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ยื่นข้อเสนอแบบนั้น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจ มีความหวังว่าจะได้เด็กตัวเล็ก ๆ มาเติมเต็มความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นเพราะลูกสาวตัวน้อยถูกพรากไปจากอก มือใหญ่เติมเบอร์เบิ้นอีกแก้ว เกือบสองทุ่มแล้วแต่เขายังนั่งอยู่ในออฟฟิศ ไม่มีพนักงานบริษัทหลงเหลืออยู่ เลขานุการก็เพิ่งขอตัวลาหลังจากถามว่าเขาต้องการให้ตามตัวคนขับรถ หรือว่าจะกลับคอนโดมิเนียมหรูที่อยู่ไม่ห่างจากบริษัทเอง ทิวากรบอกว่าไม่ต้องตามใครและนั่งดื่มตามลำพังต่อไปเรื่อย ๆ แต่เวลาผ่านไปไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาเดาว่าเลขานุการสาวใหญ่คงลืมของ ทว่าคนที่มากลับเป็นคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่พอดี ยัยหนูวาด... “ฉันนึกว่าเธอกลับไปแล้ว” “วาดรอคุณที่ลานจอดรถค่ะ แต่เห็นรถยังอยู่ที่เดิม... วาดไม่กล้าขึ้นมา กลัวคนเห็นแล้วจะเอาไปพูดไม่ดี เลยรอให้ทุกคนกลับไปก่อนค่ะ” “เข้ามาสิ อย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ” ทิวากรอยากพุ่งเข้าหาเธอตั้งแต่นาทีแรก แต่ท่าทางประหม่าและใบหน้าแดงจัดทำให้เขารั้งรออยู่ก่อน อยากรู้ว่าเธอต้องการอะไร สงสัยว่าเธอคิดจะทำอย่างไรต่อ “วาดมีเรื่องจะคุยกับคุณแทนค่ะ... เรื่องคืนวันนั้น” “อยากคุยหรืออยากเอา?” เขาถามอย่างหน้าด้าน “คุณ... เอ่อ คือวาดไม่ได้ตั้งใจ” “อย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนใจเรื่องข้อตกลงหกเดือน” “วาดยังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อย... เอ่อ คุณแทนคะ คือว่าวาดอยากให้เราลืมเรื่องคืนนั้น วาดไม่ได้อยากทำสัญญา แล้วก็ไม่อยากได้รับข้อความอะไรจากคุณอีก” “จริงสิ เราสองคนยังไม่ได้ตกลงรายละเอียดกันเลย ฉันจำได้ว่าได้ยินแค่เสียงครางกับเสียงสะอื้น...” ทิวากรชอบเหลือเกินที่ทำให้เธอทั้งโกรธและอาย “ถ้าคุณยังพูดแบบนี้ วาดจะลาออก” “หึ! ผู้หญิงสมัยนี้นอกจากใจง่ายแล้วยังเปลี่ยนใจง่ายอีกต่างหาก ปานวาด คืนนั้นเธอก็ดูแฮปปี้ดีนี่นา แล้วทำไมมาวันนี้ถึงได้เปลี่ยนใจ หรือว่าลีลาของฉันมันไม่ดีพอ” “พอเถอะค่ะ! วันนั้นวาดแค่ดื่มไวน์มากไป ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ วาดคงไม่ยอมคุณง่าย ๆ แบบนั้น” “โทษแอลกอฮอล์ ฉลาดดีนี่… เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะซื้อตู้ไวน์ใส่คอนโดไว้ละกัน ก่อนเรามีเซ็กซ์ก็ดื่มกันสักสองสามแก้ว เธอจะได้กล้าแบบคืนนั้นยังไงล่ะ” “คุณแทน...” ปานวาดมองเขาที่เดินตรงมาหา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขยับตัวไม่ได้ กระทั่งมือหนาบีบสะโพกของเธอแล้วก็ยังยืนอยู่นิ่ง ไม่ปัดป้องอย่างที่ควรทำ พอเขาโน้มตัวลงมาจูบและกัดริมฝีปากเบา ๆ ปานวาดจึงค่อยได้สติขึ้นมา ทว่าก็ขัดเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วไร้ความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง “พี่แทนปล่อยวาดนะ...” “เรียกพี่แทนเสียงหวานแบบนี้จะปล่อยได้ไงล่ะคะ” เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังเฉกเช่นในวันวานล่อลวงปานวาดให้เคลิบเคลิ้ม แต่คราวนี้เธอคงโทษตัวเองไม่ได้แล้วว่าปล่อยตัวเพราะความมึนเมา เธอแค่ยังรักเขามาก ไม่เคยตัดใจได้ ยามมือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกจึงไม่ได้ปัดป้อง จนเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปวุ่นวายกับกระโปรงเธอก็ไม่ได้ร้องห้าม ทำเพียงบอกกับตัวเองว่าครั้งนี้คือครั้งสุดท้าย พรุ่งนี้เธอจะลาออกและไม่มาให้เขาเอาเปรียบอีกแล้ว ปานวาดปล่อยให้เขาจูบ ยืนฟังเสียงปลดเข็มขัดอย่างรีบร้อน แต่ยังไม่ทันพบกับความก้าวร้าว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เธอเดาว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะเขาเดินไปรับสายทั้ง ๆ ที่ยังสวมเข็มขัดไม่เรียบร้อยดี “นายว่าไงนะ น้องแพรอยู่สนามบินงั้นเหรอ!” สายเรียกเข้า… สำคัญมากจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม