บทที่3.เพียงฝันไป......

1524 คำ
  “นัดไว้ค่ะ คุณลูคัสบอกว่าจะสั่งประชาสัมพันธ์ไว้ให้” เอรินทร์ชิงตอบเสียก่อน ก่อนที่จะบานปลายไปกันใหญ่เมื่อทั้งมิแรนดาและพนักงาน ไม่ยอมอ่อนให้กัน            “ฉันไม่ได้รับคำสั่งอะไรจากเบื้องบนเลยค่ะ... ไม่มีคำสั่งพิเศษสำหรับการนัดกับท่านประธานของคุณ ไม่ทราบว่าพวกคุณพอมีหลักฐานไหมคะ หากท่านยอมให้คุณพบจริง ก็ต้องมีอะไรบ้างสิ” หล่อนทำตามหน้าที่ เพราะไม่อย่างนั้นความซวยมาเยือนแน่ วันๆ หนึ่ง มีคนมาขอพบลูคัสมากมายจนจำหน้าไม่ถูก หลากหลายอาชีพและหากปล่อยผ่านไปง่ายๆ คนที่ซวยคือตัวเอง มิแรนดากลอกตามองบน หล่อนกดมุมปากจนโค้งเมื่อเกิดความไม่พอใจอย่างแรง เธอเป็นนักข่าวมีชื่อนะ ไม่ใช่คนเดินดินธรรมดาทั่วไป ยัยนี่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนถึงไม่รู้จักเธอ            “เอมมาจากปารีสเพรสค่ะ ไม่ทราบว่ามีบ้างไหม คุณเอ็ดมันส์เป็นคนนัดกับเราเวลานี้ค่ะ”            บัตรนักข่าวเอรินทร์ยื่นให้พนักงานสาวสวยดูด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดจะอวดเบ่งแบบที่หลายๆ คนเคยใช้ เพราะมีปากกาในมือเรื่องเสียดสีคนอื่นผ่านตัวหนังสือ มีสื่อเป็นฐานเธอไม่เคยทำ            “อ๋อ!! พวกคุณนั่นเอง...โทษทีค่ะ ดิฉันเข้าใจว่านักข่าวดังต้องเป็นผู้ชาย ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณสองคน”            หล่อนรีบกล่าวแก้เมื่อได้รู้ความจริง “เชิญชั้นบนสุดเลยค่ะ กดชั้นบนสุด...นั่นล่ะคือห้องท่านประธาน ขอโทษอีกครั้งนะคะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ”            มิแรนดาไม่ได้ตอบ หล่อนสะบัดหน้าฉับๆ แอบยิ้มเหยียดๆ ปนความดูถูกไปให้พนักงานสาวคนนั้น โดยที่เอรินทร์ยิ้มกว้าง พร้อมกับโบกมือลา “ไม่เป็นไรค่ะ คนไม่รู้ ไม่ผิด”            สองสาวเดินจากไปโดยที่พนักงานสาวคนนั้นบ่นตามหลัง            “ใครจะไปคิด นักข่าวอะไรแต่งตัวยังกับนางแบบ คิดว่าจะมาอ่อยท่านประธานเหมือนที่เคยเจอ แถมยโสจนไม่อยากพูดด้วยเลย อีกคนยังดีเสียกว่า”            “เป็นอะไรไปอีกล่ะเธอบ่นพึมเชียว?” เพื่อนร่วมงานที่ไปทำธุระส่วนตัวเดินกลับมา หล่อนเอ่ยปากถามเมื่อเพื่อนสาวบ่นงึมงำ            “ก็แม่นักข่าวจากปารีสเพรสนะสิ หยิ่งชะมัด มองฉันเหมือนไม่ใช่คน”            “อ้อ...มิแรนดา...หล่อนก็เป็นงี้แหละ พอดังเข้าหน่อยทำเป็นว่าข้านะเป็นหงส์ ทั้งๆ ที่เคยเป็นแค่อีกามาก่อน หล่อนชอบคนรวยใครๆ ก็รู้” เสียงตอบช่วยเปิดตาให้คนไม่รู้ตาสว่างกับพฤติกรรมของมิแรนดา            “โธ่!! แค่มีปากกาในมือ คิดว่าตัวเองสำคัญตาย...เธอไม่เห็น แต่งตัวเหมือนมาอ่อยผู้ชาย...”            “ช่างหล่อนสิ หล่อนคงอยากหาสามีรวยๆ ช่วงนี้หล่อนกำลังดัง เลยต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ก่อนจะร่วง”            “คงงั้น...สู้อีกคนไม่ได้ คงสวยถ้าแต่งตัวดีๆ นิสัยก็ดี ไม่น่ามาเป็นเพื่อนร่วมงานแย่ๆ อย่างยัยมิแรนดาเลย”            หากมิแรนดาได้ยินหล่อนคงเต้น!! เพราะหญิงสาวไม่ชอบให้ใครพูดลับหลัง แม้มันจะเป็นความจริง                        เอรินทร์ยืนพิงกระจกใส เธอมองเหม่อออกไปด้านนอก พร้อมกับนึกชมลูคัสในใจ วิวจากที่สายตามองเห็น เธอสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเดมเชีย เขาวางโครงร่างได้สวยงามอลังการ เพราะช่วงเวลาที่ลิฟต์เคลื่อนที่ไปยังชั้นสูงสุด สายตาของเธอกวาดมองอาณาจักรของชายหนุ่มได้แบบเต็มๆ ตา มันเป็นการประกาศศักยภาพของเดมเชีย โดยไม่ต้องเปิดปากพูด ให้มองเห็นด้วยตาตัวเอง            ติ้ง!!            เสียงลิฟต์ร้องเตือนเมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ประตูลิฟต์เคลื่อนเปิด สองสาวจึงก้าวเดินออกมา พร้อมกับมองหาเป้าหมาย            ป้ายขนาดพอเหมาะเหนือประตูไม้สีเบส...                           Lucas dumchear            CCO              ความอลังการที่ไม่ต้องเปิดปากพูดเพราะแค่ได้เห็นหรือสัมผัสจากทุกสิ่งรอบตัว สามารถยืนยันได้ สิ่งที่ลูคัสสร้างไว้ไม่ได้เสียเปล่าเลย            เลขานุการสวยสะดิ้ง!! ไม่เป็นรองใครหากเทียบกับนางแบบชื่อดังระดับโลก เพราะหากหล่อนยึดอาชีพนั้น ก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ แต่...ขอโทษเถอะ หล่อนไม่ใช่หญิงแท้ เมื่อลูคัสเบื่อมารยาหญิง เขาสาปส่งผู้หญิงตั้งแต่เรื่องของ ‘ริชชี่’ อดีตแฟนสาวที่ลูคัสคิดว่าตัวเองรักหล่อน            “คุณมาเลทไป10 นาทีนะฮ้า...บอสกำลังรออยู่”            เสียงที่ผสมกับการตำหนิกลายๆ พร้อมกับเหลือบมองมิแรนดาลอดแว่นกรอบสีเงิน            นักข่าวชื่อดังเบ้ปากใส่ “มันช่วยไม่ได้ค่ะ!! การประสานงานของคุณห่วยแตกมาก และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฉันมาเลทเอง...กว่าจะผ่านด่านชั้นล่างสุดมาได้ ฉันหืดขึ้นคอเลยนะคะ...กว่าที่คนของคุณจะเข้าใจและเปิดทางให้”            เมื่อเฉ่งมา...มิแรนดาเลยไม่รอช้าที่จะสวนกลับ หล่อนกำลังอารมณ์ไม่ดี และเมื่อมีคนมาสะกิดต่อมหงุดหงิดของเธอจึงทำงาน            แองเจิ้ลเลิกคิ้วขึ้นสูง!! เธอช้อนสายตามองหน้าผู้มาใหม่เต็มๆ ก่อนจะถอนใจเฮือกๆ            “เอาเป็นว่า...รีบเข้าไปดีกว่าไหมฮ้า ก่อนที่บอสของแองเจิ้ลจะเปลี่ยนใจ ไม่พบพวกคุณ”            เลขานุการคนสวยเปรยเสียงเย็น ชำเรืองมองเอรินทร์ ก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อสองคนที่มาพบลูคัส แตกต่างกันแบบสิ้นเชิง คนหนึ่งเหมือนหลุดออกมาจากแคตตาล็อคแฟชั่นชั้นนำ อีกคนกลับแต่งตัวธรรมดา เหมือนแม่ค้าในตลาดที่เสื้อผ้าทั้งเก่าและใหญ่เพราะต้องการความคล่องตัว            “ขอโทษค่ะ เราผิดเอง ครั้งต่อไปเอมจะไม่ให้เกิดแบบนี้อีก ความจริงเอมกับหัวหน้า ควรมาก่อนเวลา แต่มันแอคซิเดนค่ะ ไม่คิดว่ารถที่นี่จะติดเหมือนที่อเมริกา” อเมริกาติดอันดับต้นๆ ของโลกเกี่ยวกับการจารจร และหากใครไม่รู้ ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งเชียวค่ะ กับการจารจรบนท้องถนนที่Bangkok            “วันทำงานค่ะ เป็นธรรมดาที่รถติด แต่บ่าย3 รถไม่น่าจะติดนี่ฮ้า” เพราะมารยาทอันดีของเอรินทร์ แองเจิ้ลเลยเต็มใจที่จะสนทนาด้วย            “น่าจะมีอุบัติเหตุค่ะ เอมเห็นรถติดยาวเป็นพรืด” หญิงสาวตอบยิ้มๆ การจารจรบนท้องถนนมักจะติดขัด หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น            “คงงั้น... แต่รีบๆ ดีไหมฮะ ถึงบอสจะอนุญาตให้พบ แต่บอสก็เปลี่ยนใจได้น๊า”            แองเจิ้ลเตือน เมื่อสองสาวยังไม่คิดจะเข้าไปด้านใน หากลูคัสเปลี่ยนใจขึ้นมา...จะเป็นการมาเสียเที่ยวเปล่า            “ค่ะ... ขอบคุณค่ะ นี่ขนมอร่อยๆ เอมเอามาฝาก...เผื่อเจ้านายของพี่สาวจะพอยกโทษให้เราบ้างหากได้รับรสหวานๆ จากขนมอร่อย”            เอรินทร์สอดมือลงไปในกระเป๋าสะพายที่คล้องไว้ที่หัวไหล่เธอหยิบถุงขนมสีสันสวยงามออกมา ก่อนจะยื่นให้แองเจิ้ลเป็นการติดสินบนเรื่องการมาช้าของตัวเอง            “อืม...ได้เวลาน้ำชาพอดี เดี๋ยวแองเจิ้ลเอาเข้าไปเสิร์ฟ เผื่อบอสของแองเจิ้ลจะอารมณ์ดีขึ้น”            เลขานุการคนสวยขยิบตาให้เอรินทร์ เธอยิ้มให้แล้วจึงผลักประตูเปิดเมื่อเคาะเบาๆ ส่งสัญญาณเรียบร้อย โดยมีมิแรนดาเดินเชิดหน้าตามมาติดๆ            ลูคัสวางปากกาในมือลง พร้อมกับถอดแว่นสายตาวางไว้ข้างตัว            “พวกคุณมาสาย!!”            เป็นคำตำหนิที่มิแรนดาไม่สะท้าน เพราะเธอไม่ได้ผิดเต็มร้อย กว่าจะผ่านด่านอรหันต์มาได้ เธอเสียเวลากับคนของเขาหลายด่าน            “ฉันไม่ขอแก้ตัวนะคะ แต่คุณควรรู้ กว่าจะผ่านมาแต่ละด่านฉันต้องเสียเวลาอธิบายขนาดไหน!!”            มิแรนดาตอบกลับ เธอเม้มปากแน่น ไม่พอใจกับคำตำหนิของอีกฝ่าย เมื่อเขาไม่ได้เปิดทางให้เธอเข้าพบง่ายๆ            “ช่างเถอะ...อย่าเสียเวลาเลย เธอมีเวลาเหลือแค่เท่าที่ผมให้นะมิแรนดา...เพราะหลังจากนี้ ผมไม่มีเวลาเหลือแล้วล่ะ ผมต้องเดินทางไปวอชิงตัน ดี.ชี”            ชายหนุ่มโบกมือตัดบท เขากำลังจะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อไปทำอะไรบางอย่าง บางอย่างที่สำคัญมาก มากเสียจนแทบอดใจรอไม่ไหว            เอรินทร์สะดุ้ง กล้องกับกระเป๋าสะพายแทบหลุดมือ เธอชำเรืองมองลูคัส และเขาเองก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน หญิงสาวรีบเสหลบตา แต่เธอก็ทันเห็น มุมปากของชายหนุ่มเหมือนจะมีรอยยิ้ม ยิ้มในแบบที่เธอเห็นทีไร ขนลุกทุกที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม