ห้องนอนคอยรัก

1853 คำ
ค่ำคืนอันแสนเหงาและความหวั่นกลัวเข้ามาเยือนเบน เพราะใกล้ถึงเวลามาร์คนั้นจะออกมาจากห้องน้ำในอีกไม่ช้า ทว่าความคิดนั้นได้เป็นความจริงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่ามาร์คจะอาบน้ำใช้เวลาพอสมควร แต่กระนั้นความรู้สึกของเบนเหมือนไวปานสายฟ้า พอเสียงประตูดังเนื่องด้วยมาร์คกำลังเปิดมันออกมา เพียงได้ยินเสียงประตูแค่นั้นเบนรีบล้มตัวลงนอนหันหน้ามาทางมาร์ค สาเหตุของความคิดเบนอันเป็นเช่นนั้น ด้วยกลัวว่าถ้าหันหลังให้มาร์คอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ “หลับแล้วเหรอ เรายังไม่ได้เราเรื่องของเราต่อเลย”มาร์คใส่เสื้อผ้าพร้อมมองทั่วเรือนร่างของมันนี่แต่ภายในเป็นจิตวิญญาณของเบน เมื่อมาร์คแต่งตัวเสร็จเขาจึงขึ้นไปนอนบนเตียงทัน โดยนอนตะแครงหันหน้ามามองเบน ด้วยสายตาหื่นกระหายเขาอยากจะเข้าไปกอดใจจะขาด แต่ยังไม่อาจทำใจให้กอดได้ ด้วยความคิดของมาร์คนั้นมันนี่ยังจำอะไรไม่ได้ เขาจึงไม่อยากฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการต่อมันนี่ เบนนอนนิ่งด้วยความกลัว และไม่ได้ยินเสียงใดๆจากมาร์ค แม้กระทั้งเสียงขยับตัวให้เขาได้ยิน เบนจึงเริ่มตาขึ้นเพื่อดูว่ามาร์คหลับหรือยัง “แกล้งหลับด้วย”มาร์คพูดขึ้นทันทีเมื่อเบนลืมตาขึ้น เบนรีบหลับตาอีกครั้ง เพราะเขาไม่อยากจะพูดและฟังและอะไรจากมาร์ค เพราะเขากลัวจะได้รับรู้และถูกกระทำล่วงเกินแฟนหนุ่มของมันนี่ “ไม่ต้องกลัวเราหรอก เราไม่ทำอะไรนายเชื่อใจเราได้” เปลือกตาของเบนยังปิดอยู่ แม้ว่าภายในใจของเขายังตื่นตระหนก และอยากจะลืมตาขึ้นเพราะยังไม่ดึกมาก “ลืมตามาเถอะ เดี๋ยวเราจะเล่าเรื่องของเราต่อ นายจะได้จำได้ซะที” เบนตัดสินใจชั่วครู่ไม่นานนักเขาก็ลืมตาขึ้น และได้เห็นมาร์คนอนมองเขาด้วยสาตาเป็นประกายเงาวาว “มองอะไร” “มองแฟนตัวเองก็ไม่ได้ด้วยเหรอ” “บอกแล้วไงเราไม่ใช่แฟนนาย เอาเวลามองเรามาเล่าเรื่องของนายต่อดีกว่า” “ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เป็นเรื่องของพวกเราต่างหาก” “นายจะคิดอย่างนั้นก็แล้วแต่นาย เล่ามาเลยเราอยากฟัง”เบนไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่เขาก็ทนฝืนจิตใจอยากรู้ เพื่อให้รื้อฟื้นความจำให้กลับมาในความคิดของมาร์ค “เราจะรื้อฟื้นความหลังให้ฟังนะที่รัก ครั้งนี้นายน่าจะจำได้อย่างแน่นอน” “เหรอ มัวแต่พูดเล่ามาเลยเราอยากรู้” “มีอยู่ครั้งหนึ่งนายถูกเอฟ หนุ่มเศรษฐศาสตร์หลอกใช้” “มันนี่ก็ยอมให้เขาหลอกเหรอ”เบนพูดขึ้นอย่างลืมตัว “ใช่ เอ๊ะ มันนี่ก็ตัวนายนี่ แต่นายยังจำไม่ได้คงไม่แปลกหรอกที่นายจะพูดอย่างนี้” “อย่ามามัวสงสัยเราเลย เล่ามาเราอยากรู้”เบนเริ่มอยากรู้ขึ้นมาจริงๆแล้ว ว่านายมันนี่โดนผู้ชายหรอกได้อย่างไร เพราะดูจากภายนอกน่าจะเป็นคนฉลาดพอตัว “โอเค ใจร้อนอยากรู้จังเดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง” ช่วงเวลาเที่ยงวันหลังจากรับประทานข้าวเสร็จ มันนี่มานั่งอย่างเดียวดายคนเดียวในซุ้มหน้าคณะ ด้วยความรักเข้าตาถึงก้นบึ้งของหัวใจ จึงทำให้มันนี่คิดถึงแต่เอฟหนุ่มเศรษฐศาสตร์ที่เขาหลงใหลได้ปลื้มมาพักใหญ่ “นั่งด้วยคนได้ไหม”เอฟหนุ่มเศรษฐศาสตร์ยืนตรงหน้ามันนี่ มันนี่คุ้นเคยกับเสียงนี้เขาจึงรีบเงยหน้าขึ้น ภาพตรงหน้าเป็นผู้ชายหนุ่มหุ่นดีผิวขาวยืนยิ้มฟันขาว มองมาทางเขาอย่างอ่อนโยนแสนละมุน “นั่งสิ”มันนี่ยิ้มเบิกกว้างจนความสดใสเข้ามายังใบหน้าทันที “ทำไมนั่งคนเดียวเพื่อนไปไหนหมดล่ะ” “อ๋อ เพื่อนเขาไปกินข้าวกันยังไม่มาเลย และอีกอย่างมันนี่ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทด้วย” “ถ้างั้นเราเป็นเพื่อนสนิทนายได้ไหม” “ทำไมจะไม่ได้ยินดีเลยแหละ ว่าแต่นายคิดอย่างไงมาถึงนี้ อย่าบอกนะมาแค่ขอเป็นเพื่อน”มันนี่ยิ้มนิดๆ “คนรู้จักกันจะไปมาหาสู่กันไม่ได้เหรอ” “ได้ แต่ทุกทีนายปฏิเสธเราตลอดนี่ ทำไมวันนี้ถึงมาหาเราถึงหน้าคณะได้” “มันมีความรู้สึกแปลกๆนะ ทุกวันเราเคยเห็นหน้านายตลอด แต่หลายวันมานี่นายหายหน้าไป เรารู้สึกคิดถึงนายอยากเห็นหน้า ไม่รู้ความคิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร” “เหรอ”มันนี่ม้วนตัวบิดไปบิดมา “วันนี้เราไปเที่ยวกันไหม” “นายพูดจริงหรือพูดให้เราดีใจเล่นๆ นายก็น่าจะรู้นะว่าเราคิดอะไรกับนาย” “เรารู้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ใจตัวเอง ส่วนตอนนี้เราค่อนข้างแน่ใจแล้ว เราจะลองเปิดใจรับนายดูนะ” “นายพูดจริงเหรอ” “จริงซิ เราอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ยุคสมัยมันเปลื่ยนไปแล้ว สิ่งที่เราคิดว่าใช่อาจไม่ใช่ก็ได้ สิ่งที่เราคิดว่าไม่ใช่อาจใช่ก็เป็นไปได้” “ตกลงเราไปเที่ยวกับนายก็ได้ แล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีล่ะ” “เราไปเที่ยวห้างดีกว่าไหมไปกินไอศครีมกัน” “ได้ซิ”มันนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างยินดีปรีดา เบนนอนฟังแล้วสงสัยคิดขึ้นได้มาทันที ทำไมมาร์คถึงรู้รายละเอียดลึกซึ้งถึงขนาดนี้ แต่เขาก็อดใจไม่ถามอะไรปล่อยให้มาร์คเล่าเรื่องราวต่อไป “ไม่ถามเหรอทำไมเรารู้เรื่องราวของมันนี่ทุกเรื่อง” “อยากบอกก็เล่ามาซิ เราจะเป็นผู้ฟังที่ดี”เบนเอ่ยขึ้น และคิดในใจว่ามาร์ครู้ความคิดเขาอีก “ไม่มีอะไรหรอก วันนั้นเราก็ไปหามันนี่เหมือนกัน แต่โดนเอฟหนุ่มเศรษฐศาสตร์ตัดหน้าไปก่อนไง อีกอย่างวันนั้นเรามีเรียนครึ่งวัน เราเลยเฝ้าอยู่หน้าคณะจนมันนี่เลิกเรียน เรากำลังจะเข้าไปหา แต่โดนเอฟตัดหน้าอีกครั้ง และอีกอย่างเอ็มเพื่อนของมันนี่มาชวนเราคุยสักพัก พอเราหันกลับไปมันนี่กับเอฟก็หายไปแล้ว “อ้าว แล้วนายรู้เรื่องได้อย่างไง” “เราไปดักรอที่หน้าห้องเช่าของมันนี่ไง เอฟมันมาส่งมันนี่ด้วย เราเลยแอบฟังไงถึงรู้ทุกอย่าง” “นายนี่ไม่มีมารยาทเลยแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน” “เรายอมเสียมารยาท เพราะมันนี่เป็นคนที่เราชอบ เราผิดก็จริงแต่ผิดเพราะรักไง” “เล่าต่อเลยเลื่ยนมาก” มันนี่หยุดเดินยืนอยู่หน้าห้องเช่าของเขา แล้วหันหน้ามามองเอฟที่ยืนหน้านิ่ง เหมือนคนอมทุกข์ มันนี่นั้นสังเกตเห็นตั้งแต่อยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่เขาไม่อยากจะละลาบละล้วงและอีกอย่างมันนี่ยังอยู่ในช่วงมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดเอฟ จึงไม่อยากจะถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้น “เอฟนายเป็นอะไรหน้าอมทุกข์ตลอดเวลาเลย แต่เมื่อกลางวันเรายังเห็นนายสดชื่นแจ่มใสอยู่นะ” “ไม่มีอะไรหรอก” “มีเรื่องอะไรบอกเราได้นะ ถ้าเราช่วยนายได้เราจะช่วย”มันนี่มีสีหน้าที่ดูจริงจัง “ช่างมันเถอะ เราจะกลับแล้วนะ มันก็ดึกพอสมควรเดี๋ยวไม่มีรถกลับเรียกแท็กซี่มันแพง” “ขอโทษนะ หรือว่านายขัดสนเรื่องเงิน” “มันนี่”เอฟเสียงสูง “เราขอโทษ เราเป็นห่วงนาย เราไม่ได้คิดจะดูถูกนายขนาดนั้น” “ไม่เป็นไรหรอก เราอาจเครียดๆไปหน่อย เราไม่ได้ลำบากเรื่องเงินหรอก พอมีพอใช้นั่นแหละ แต่เรา...มันเรื่องของเรานายอย่าเอาความเครียดของเรา เข้าไปใส่ในหัวของนายเลย” “ได้ไงเราเป็นเพื่อนกันนะ อีกอย่างนายเปิดใจรับเราแล้วไม่ใช่เหรอ คือ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็ใกล้เป็นแฟนกันใช่ไหม”มันนี่อยากช่วยเอฟจากใจจริง และอีกอย่างถ้าเขาช่วยเอฟสำเร็จนั่นหมายความว่าเขาจะได้ใจเอฟไปด้วย “ก็ได้เราจะเล่าให้ฟัง พี่สาวเราเรียนบริหารปีสี่กำลังจะจบปีนี้ แต่พี่สาวเราดันป่วยซะก่อน” “แล้วไง มีอะไรเหรอ หรือว่าเวลาเรียนไม่พอ สามารถคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาได้นี่” “นั่นไม่เท่าไรหรอก แต่พี่เราต้องทำวิทยานิพนธ์ไง” “พี่นายป่วยเป็นอะไรเหรอ” “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พี่เราป่วยทางกายและใจด้วยไง” “นายพูดมาตรงๆเลย” “ พี่เราป่วยเป็นไข้ธรรมดา แต่ทางใจพี่เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วแกเครียดเรื่องทำวิทยานิพนธ์ เรากลัวพี่เราจะฆ่าตัวตายถ้าเป็นเช่นนั้นเราแย่แน่ ” “เราไม่รู้จะช่วยนายอย่างไงดี เอ่อ ทำไมไม่จ้างเขาทำล่ะ” “จะเอาเงินที่ไหนไปจ้าง เพราะพ่อแม่เราต้องรับผิดชอบเลี้ยงเราตั้งสามคน น้องคนเล็กยังเรียนมัธยมอีกคน” “ทุกปัญหาต้องมีทางแก้นายทำใจดีๆไว้นะ แต่คนเป็นโรคซึมเศร้าถ้าเครียดมาก มันส่งผลร้ายนะเราว่า” “ใช่ เรากลุ้มใจมากเลย เราเรียนเศรษฐศาสตร์ไง จะช่วยพี่ก็ช่วยไม่ได้ ถึงเนื้อหาบางวิชาจะคล้ายกัน แต่อย่างว่านั่นแหละ” “เราช่วยพี่สาวนายเอง”มันนี่ตัดสินใจช่วยทั้งๆที่เขายังไม่รู่ว่าจะทำได้หรือไม่ “นายทำไม่ได้หรอกเพราะมันยาก” “ได้สิ เรามีพี่รหัสและเรียนสาขาเดียวกันด้วย ว่าแต่พี่นายเรียนที่ไหนเหรอ” “คนละมหาวิทยาลัยกับพวกเรา” “เอาน่าอย่าทำหน้าสังกะตายอย่างนั้นสิ เราบอกว่าจะช่วยนายแล้วไง ทุกอย่างหายห่วงได้นายยิ้มหน่อย” “ได้ ขอบใจนายมากนะ ถ้านายต้องการอะไรบอกเราได้เลย”เอฟยิ้มให้มันนี่ “เราไม่ต้องการอะไรหรอก แค่เห็นนายมีความสุขแค่นี้เราก็ดีใจแล้ว” เอฟจับมือของมันนี่กำไว้แน่ ส่งสายตาแห่งความหวังแอบซ่อนเร้นความนัย ส่วนมันนี่มีสายตาแห่งปิติยินดีที่จะได้สร้างความสัมพันธ์กับเอฟ “ได้ยินแค่นี้แหละ”มาร์คหันหน้าไปมองเบน “อ้าวหลับไปกันตั้งแต่เมื่อไร”มาร์คอุทาน มาร์คลุกขึ้นนั่งหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างมันนี่จิตใจเบนจนถึงเนินอก ในช่วงเวลานี้เขาก้มลงใช้ริมฝีปากสัมผัสแก้มนิ่มๆของมันนี่อย่างแผ่วเบา ต่อจากนั้นเขาล้มตัวนอนพร้อมโอบกอดร่างของมันนี่ไว้อย่างหลวมๆส่วนจิตวิญญาณของเบนนั้นหลับ สู่ภวังค์ไปก่อนหน้านี้พอสมควร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม