ตอนที่ 5
“น้องหนูเรจะไปเมื่อไหร่ครับ ถ้าเป็นอาทิตย์หน้า พี่กับแม่ว่างพอดี ไปด้วยกันไหมครับ” ไม่ได้ว่าง แต่ถ้าอีกฝ่ายไปก็จะถือโอกาสไปเพื่อสานความสัมพันธ์อันดีด้วย เผื่อเรณุกาจะเห็นถึงความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้ หันมามองกันบ้าง “เราไปพร้อมกันไหม”
นั่นไง...ซื้อลอตเตอรี่ทำไมถึงไม่แม่นแบบนี้เลยหว่า “เรื่องนี้เอาไว้คุยวันหลังจะดีกว่านะคะ ตอนนี้หนูเรขอไปหาเพื่อนก่อน ป่านนี้เขาคงจะรอจนหงุดหงิด บ่นว่าเป็นหมีกินผึ้งแล้ว” ไม่รอให้อีกฝ่ายขัดขวาง เรณุกาเดินหนี...ออกไปจากงานแสดงและประมูลเพชรโดยไม่แม้จะหันหลังกลับมามองเบื้องหลัง
เฮ้อ...พ้นจนได้ รีบไปดีกว่าเรา ขืนอยู่เดี๋ยวเจอดีอีก
“พฤกษ์!”
ได้เห็นน้องชายในตอนนี้ปฐมพรตกใจจนตัวเย็น อิดโรยเพราะกังวลจนนอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งได้เห็นพฤกษ์มายืนอยู่ไม่ไกล...ไม่รู้ว่าน้องได้ยินเรื่องที่เธอพูดเมื่อครู่หรือเปล่า ถ้ารู้...แผนการที่วางไว้คงจะต้องถูกขัดขวาง ปฐมพรอยากจะถาม พฤกษ์ได้ยินอะไรหรือเปล่า แต่เมื่อชายหนุ่มเฉย เธอก็เลยปล่อยไปก่อน แต่ก็จะรีบจัดการปัญหาไม่ให้คาราคาซังอีกแล้ว
“พฤกษ์มานานหรือยัง” ปฐมพรถามพลางส่งยิ้มเซียวๆ ให้น้องชาย ขณะเดียวกันก็รีบคิดหาเรื่องที่ดึงความสนใจของพฤกษ์ให้ห่างจากตัวเธอ ก่อนรอยยิ้มจะแต้มที่ริมฝีปากก่อนจะหายไป
เมื่อคืนกันต์ศักดิ์หายออกไปจากบ้านด้วยอาการมึนเมา จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ตอนแรกเธอคิดว่าไปหาเรื่องพฤกษ์จนทำให้เกิดการลงไม้ลงมือกันเหมือนอย่างเคย แต่ตอนนี้พฤกษ์อยู่ตรงหน้า แล้วกันต์ศักดิ์หายไปไหน คงจะไม่ใช่ไป...
ปฐมพรสะบัดศีรษะ กันต์ศักดิ์รับปากเธอแล้วว่าจะไม่ไปที่นั่นอีกแล้ว น้องชายจะต้องรักษาสัญญา แต่...เธอกลับไม่มั่นใจเลย มันรู้สึกกังวลใจแบบแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้
ปฐมพรมองพฤกษ์อย่างแปลกใจ ทุกครั้งน้องชายจะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตเนื้อหนาและกางเกงยีนเก่าๆ แต่ในตอนนี้แม้การแต่งกายจะเหมือนเดิม ทว่ามันมีบางอย่างแปลกไป
คงจะเป็นเพราะความใหม่ของตัวผ้าที่สะอาดเอี่ยมอ่องและรีดเสียจนเรียบ เลยทำให้ชายหนุ่มที่ดูเซอร์ๆ และเนื้อตัวสกปรกดูดีและมีสง่าราศีขึ้นมาในทันที
“นั่นน้องจะไปไหนจ๊ะ แต่งตัวหล่อเชียว” ปฐมพรถาม รอยยิ้มแต้มใบหน้า ดีใจที่พฤกษ์ไม่เก็บเอาคำพูดของกันต์ศักดิ์มาใส่ใจจนทำให้คิดมากและไม่มีความสุข
“อืม...ปกติเห็นพฤกษ์แต่งตัวมอซอ ไม่คิดว่าพอถอดคราบแล้วจะหล่อขนาดนี้ หล่อจนพี่ใจสั่นเลยนะ” ปฐมพรยื่นมือไปจับแขนแกร่ง พิศมองกายกำยำอย่างชัดๆ อกผายไหล่ผึ่งกว้างน่าซบ เปรียบเทียบกันทางร่างกายแล้ว พฤกษ์เหนือกว่ากันต์ศักดิ์มากเลยล่ะ อย่างนี้เองที่ทำให้นารีรัตน์เปลี่ยนใจ
“พี่พรไม่สบายหรือเปล่าครับ มือเย็นเชียว หน้าก็ซีดเหมือนคนอดหลับอดนอนเลย” พฤกษ์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าพี่สาว จับมือเล็กบีบเบาๆ ปฐมพรอายุเกือบจะสี่สิบปีแล้ว มีโรคประจำตัวหลายโรค แต่ก็ยังดูเปล่งปลั่งเหมือนกับคนที่ไม่ได้ป่วย คงจะเป็นเพราะอากาศที่ไร้มลพิษ บวกกับอาหารที่ไม่มีพวกยาฆ่าแมลงและปราศจากสารปรุงแต่งเลยทำให้พี่สาวดูสดชื่นแจ่มใสเช่นนี้
“เปล่าจ๊ะ พี่ไม่เป็นอะไร” แม้ปากจะบอกเช่นนั้น แต่ปฐมพรก็ออกอาการลุกลี้ลุกลน เพื่อให้พฤกษ์สงสัย “ว่าแต่พฤกษ์ยังไม่ตอบพี่เลยนะ แต่งตัวหล่อแบบนี้จะไปไหน”
“ผมนัดกับรัตน์ไว้ว่าจะไปเที่ยวด้วยกันนะครับ ทำแต่งานจนกลัวผู้หญิงจะหนีแล้ว” พฤกษ์ตอบน้ำเสียงรื่นรมย์
“พี่พรละครับ มีอะไรทำไมไม่บอกผม กังวลใจอะไรอยู่” ท่าทางร้อนรนลุกลี้ลุกลนที่เห็น ทำให้เขาคิดว่าพี่สาวจะต้องมีเรื่องไม่สบายใจ ชายหนุ่มจับเส้นผมยาวสลวยไปทัดไว้หลังใบหู เพียงปลายนิ้วจับถูกที่แก้มก็รู้สึกถึงความเย็นชืดของผิวกาย นี่ปฐมพรยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว ได้นอนพักผ่อนบ้านหรือเปล่า
“พี่พรไม่สบายอยู่นะครับ ทำไมถึงไม่รักษาสุขภาพ ทำแบบนี้ผมเป็นห่วงนะครับ”
ปฐมพรจับมือพฤกษ์บีบเบาๆ พร้อมรอยยิ้มแหยๆ ด้วยไม่รู้จะบอกเรื่องที่หนักอกหนักใจไปยังไงดี “พี่ไม่เป็นไรหรอกพฤกษ์ แต่ว่ากันต์...กันต์ยังไม่กลับบ้านเลย พี่กลัวว่า...”
“คงไม่มีอะไรหรอกครับพี่พร นี่มันบ้านเรานะครับ กันต์จะไปก่อเรื่องที่ไหนได้” แม้จะพูดแบบนั้น แต่เขาก็อดที่จะหนักใจไม่ได้ เพราะเมื่อคืนเขาก็พูดแรงใส่กันต์ศักดิ์มิใช่น้อย กันต์ศักดิ์คงจะโกรธจัดจนไปหาที่ระบายแน่นอน กันต์ศักดิ์ไปทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง แล้วตัวเองจะเดือดร้อนแค่ไหนด้วย
“ไม่รู้ซิ พี่ไม่แน่ใจ เมื่อคืนหลังจากที่ทะเลาะกับพฤกษ์แล้วก็หาเรื่องรวนพี่กับน้องรัตน์ตลอดเวลาเลย จนพี่ต้องรีบไล่และให้คนส่งน้องรัตน์ไปห้องพักก่อน จะว่าไป...” ปฐมพรเว้นเสียงพูดเล็กน้อย มองหน้าน้องชายอย่างครุ่นคิด จะพูดไปดีหรือเปล่า
“มีอะไรหรือครับพี่พร กันต์ไปทำอะไรอีก” พฤกษ์ถามน้ำเสียงร้อนรน เป็นห่วงนารีรัตน์ที่ไม่รู้จะโดนกันต์ศักดิ์ป่วนขนาดไหน จะทะเลาะกันอีกหรือเปล่า เห็นร่าเริงสดใสแบบนั้นแต่ยามที่นารีรัตน์โกรธจัด ก็เห็นช้างตัวเท่ามดได้เหมือนกัน แล้วกันต์ศักดิ์เองก็อารมณ์ร้าย เวลาโกรธก็ชอบพลั้งเผลอทำร้ายคนที่อยู่ด้วยอยู่เนืองๆ ด้วย
“พี่คงจะคิดไปเอง แต่ตอนที่น้องรัตน์กลับห้อง เอ่อ...ไม่หรอก พี่คงคิดไปเอง คงไม่มีอะไร” ปฐมพรหลุบตามองพื้น สายตาของกันต์ศักดิ์ที่นารีรัตน์ช่างวามวาวจนน่าหวั่นใจและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน
“อะไรครับพี่พร” พฤกษ์รู้สึกหวั่นใจอย่างไรพิกล ในอกก็ร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟเผาเพราะเป็นห่วงคนรัก ชายหนุ่มลุกจะไปหาคนรัก แต่ถูกปฐมพรคว้าแขนเอาไว้
“พี่ไปด้วยนะพฤกษ์ หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น...” ไม่ได้อยากจะคิดไปในทางร้าย ๆ เลย แต่เหตุการณ์ที่เห็นชวนให้คิดอย่างนั้นจริงๆ
“อย่าเลยครับพี่พร ผมไปคนเดียวจะเร็วกว่า”
“แต่...” ปฐมพรก็ไม่ยอมแพ้ ยังไงเธอต้องไปด้วย ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นมาจริงๆ เธอยังจะพอใช้ความเป็นพี่สาวห้ามไม่ให้น้องสองคนฆ่ากันตายเพราะผู้หญิงคนเดียวได้ “ขอร้องนะพฤกษ์ ให้พี่ไปด้วย”
พฤกษ์ถอนหายใจ ตัดสินใจยุติปัญหาด้วยการเดินไปด้านหลังจับแฮนด์รถวิวแชร์ที่พี่สาวนั่งอยู่พาไปยังห้องพักของนารีรัตน์ เพราะรู้นิสัยพี่สาวคนนี้ดีว่าไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ผิดกับรูปร่างบอบบางที่มี
บริเวณบ้านพักนารีรัตน์เงียบผิดปกติ ในเมื่อนัดกันไว้แล้วหญิงสาวควรจะออกมานั่งรอเขาด้วยรอยยิ้มที่จะได้ไปเที่ยวกัน ความสงสัยยิ่งมีมากขึ้น เมื่อเขาและปฐมพรร้องเรียกจนเสียงดังลั่น แต่นารีรัตน์ก็ไม่ตอบกลับ หรือเธอจะออกไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าอย่างที่เคยทำ แต่ตอนนี้มันสายเกินจะออกวิ่งแล้วนี่นา
“น้องรัตน์ น้องรัตน์อยู่ไหมจ๊ะ” ปฐมพรเรียกพร้อมขยับเคลื่อนปุ่มบนเก้าอี้พาตัวเองไปที่ประตูห้องพัก ขณะเดียวกันก็ควานหากุญแจห้องที่พกติดกายไว้เสมอออกมาแต่ก็ไม่ได้ไขในทันที เธอเคาะเรียกอีกสองสามครั้ง พร้อมขออนุญาตเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบจากในห้อง
ประตูเปิดแง้ม แสงจากภายนอกสาดส่องเข้าไปให้เห็นเสื้อผ้าของทั้งหญิงและชายที่หล่นกองเรี่ยราดตั้งแต่ประตูไปจนถึงเตียงนอน แต่ยังไม่สู้สองร่างที่กดกอดอยู่บนเตียง ฝ่ายหญิงนอนแนบบนกายฝ่ายชายที่มือลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่ม เมื่อเห็นว่าความลับที่ควรจะต้องปกปิดเอาไว้ได้เปิดเผยต่อหน้าบุคคลสองคน กันต์ศักดิ์ก็รีบโอบกอดกายอรชรมาแนบชิดพร้อมคว้าผ้าห่มนวมมาคลุมทับอีกชั้นในทันที
“กันต์! น้องรัตน์!” ปฐมพรร้องเรียกเสียงดัง ขณะหันไปมองพฤกษ์ที่เดินตามหลังมา
“อย่า...อย่าเพิ่งเข้ามาพฤกษ์...อย่าเพิ่งเข้ามา” ปฐมพรรีบห้าม เพราะไม่ต้องการให้พฤกษ์เข้าไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อน้องชายเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังพร้อมโทสะที่ทำให้เธอกังวลใจจนอยากจะลุกจากเก้าอี้วีแชร์