นางแมวกระโจนขึ้นไปยังกำแพง กวาดตามองหาผู้มีกลิ่นอายเทพเซียนซึ่งหอมหวานประหนึ่งกลิ่นน้ำผึ้งป่าและเย้ายวนชวนให้ลุ่มหลง เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างของเขา นางจึงดีใจเป็นที่สุด
อิ้งเยว่ร้องเหมียวๆ ออกมาคราหนึ่ง นางตั้งมั่นบ่ายหน้าเข้าไปใกล้หนุ่มรูปงามให้มากที่สุด
บุรุษผู้นั้นมีแผ่นหลังกว้าง เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดทั้งตัว แม้เห็นเพียงด้านหลังแต่นางก็หลงรักหมดหัวใจ
“แมวน้อย เจ้าหลงทางมาใช่หรือไม่...” เสียงเขาในวันวานย้อนกลับเข้ามาในหน่วยความทรงจำอันแสนรางเลือนของนาง
ตอนนั้นนางแมวหนีลงจากต้ากวนหมิงซาน ฝืนคำสั่งของบิดาเพื่อติดตามเด็กหนุ่มสามวันสามคืน และจำได้ว่าเขาต้องเดินทางไปทางใต้อย่างเร่งด่วน หลังจากบิดาถูกลอบสังหารจากกลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อ และโยนความผิดให้แก่เหล่าปีศาจร้ายที่อาศัยอยู่ในต้ากวนหมิงซาน โดยเฉพาะเผ่าจิ่วเซิงหัวหรือเผ่าเก้าชีวิตที่บิดานางเป็นหัวหน้าเผ่า
ในระหว่างการเดินทาง รถม้าของเด็กหนุ่มถูกดักปล้น และมีคนร้ายจ้องฆ่าเขาปิดปาก!
หลังจากเอาชีวิตรอดได้ราวกับมีเทพคอยให้ความช่วยเหลือ เด็กหนุ่มผู้มีหัวใจดีงามก็คอยดูแลอิ้งเยว่ เขาแบ่งปันอาหารที่เหลือน้อยนิดให้นางได้กิน
“เจ้าบาดเจ็บ แต่ข้ากลับช่วยไม่ได้ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะข้าเป็นคนโง่เขลา เชื่อใจคนง่าย จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าใครคิดทรยศต่อสกุลไป๋ ความอัปยศนี้ข้าจะไม่มีวันลืม!!” เขาว่าพลางกอดนางแมวแนบอก และคืนนั้นนางนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดเขา
“หากข้ามีหนทางที่ดีกว่านี้ ข้าจักเลี้ยงดูเจ้าไปชั่วชีวิต”
ทว่าโชคชะตากลับพลิกผันในยามรุ่งสาง เมื่อมีคนบุกเข้ามาชิงตัวเด็กหนุ่ม ฝ่ายนั้นมียันต์ปราบปีศาจ เป็นผลให้นางแมวอ่อนแรงไม่กล้าต่อกร อิ้งเยว่จำต้องซ่อนตัวและทำได้เพียงแค่แอบดูอยู่ห่างๆ แม้ใจอยากติดตามแต่สุดท้ายอาคมของผู้มาเยือนทำให้นางต้องยอมจำนน ซึ่งนางมารู้ภายหลังว่าผู้บุกรุกคือเหล่ามือปราบอเวจี ซึ่งเป็นพวกลัทธิมาร โดยมีเจิ้นเทียน ชายสวมชุดดำคลุมทั้งร่างและมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายซากศพเป็นหัวหน้า
ในครั้งนั้นอิ้งเยว่บาดเจ็บสาหัส นางลั่นวาจาไว้ว่า
“คุณชายไป๋...สักวันข้ากับท่านจะได้อยู่เคียงข้างกัน ดั่งเช่นพรที่เราเคยร่วมกันขอไว้ ณ ศาลเจ้าแห่งโชคชะตา...”
แผ่นหลังของไป๋หลิวหยางเคลื่อนไหวไปข้างหน้า นางแมวออกติดตามอย่างไม่ลดละ หัวใจนางพองโตด้วยความสุขล้น พอได้พิศใบหน้าเขาเต็มตา จิตใจนางก็ยิ่งหวงหาห่วงใย
ผิวหน้าเขาขาวใส ริมฝีปากหยักสวยสีแดงสด เหนือริมฝีปากมีไรหนวดเขียวจางๆ แต่ที่ทำให้นางหลงรักในทันทีคือดวงตาคู่เรียวคมหากทอแสงอ่อน ซึ่งขับให้เขาเป็นผู้ชายอบอุ่นดั่งแสงตะวันในยามเช้า
อิ้งเยว่กระโดดลงจากกำแพงสูง ตั้งใจก้าวเข้าไปคลอเคลียเขาเพื่อหว่านเสน่ห์ให้ลุ่มหลง ทว่าในอึดใจเดียวกันกลับมีวัตถุอันตรายพุ่งมาอย่างเร็วแรง เกือบปักเข้าที่ขาซ้ายด้านหน้าของอิ้งเยว่ โชคดีที่นางแมวหลบภัยร้ายได้ทัน!!
ชายหนุ่มผู้นั้นมีผมยุ่งราวรังนก เนื้อตัวดูเหมือนไม่ได้ถูกทำความสะอาดมานาน เขามีผิวสองสี แต่เพราะคราบเหงื่อไคลและความสกปรกที่จับอยู่ตามเสื้อผ้ากับใบหน้าทำให้เขาหาได้มีความน่าพิสมัย มองแล้วมิต่างจากยาจกเร่ร่อน
หวังเหว่ย มือปราบปีศาจฝึกหัดฝีมือระดับปลายแถว เขาคอยจับตาดูสิ่งต่างๆ รอบตัวมาหลายชั่วยาม เขามีเหรียญห้อยที่เอวเจ็ดเหรียญ ซึ่งจางหมิ่น มารดาผู้ล่วงลับมอบให้
ชายหนุ่มสอบได้เป็นมือปราบปีศาจฝึกหัดเมื่อห้าเดือนก่อน แต่จนป่านนี้ยังไม่อาจแสดงฝีมือใดๆ จึงต้องอดมื้อกินมื้อ บางวันอาศัยการเล่นปาหี่เพื่อขอเศษเงินเศษอาหารประทังชีวิต และอีกหน้าที่สำคัญของเขาคือเป็นหน่วยคุ้มภัยลึกลับให้กับผู้มีพระคุณ!
หลังจากส่งลูกดอกลงคาถาออกไป หวังเหว่ยก็ยิ้มร่า เขาจะไม่ยอมให้นางแมวป่าตัวกลมขนปุกปุยหลุดมือไปได้ เขาจะจับตัวนางแล้วนำส่งกรมอาญาปีศาจ จากนั้นจะได้รางวัลนำจับพร้อมสะสมแต้มคะแนนเพื่อเลื่อนขั้นเป็นมือปราบปีศาจขั้นสูงในภายภาคหน้าดังเช่นบรรพบุรุษ
หวังเหว่ยหัวเราะอย่างน่าเกรงขาม พลางจ้องไปยังนางแมวที่ตอนนี้แผ่รังสีอำมหิตมายังเขา
“แสดงตัวแบบนี้นับว่ากล้าหาญ แต่ขอบอกไว้เลย เมื่อพบข้าแล้วเจ้าจะไม่มีวันได้หายใจสะดวกบนโลกนี้”
เมื่อถูกข่มขวัญ อิ้งเยว่จึงค้อนควักชายผู้นั้นหนึ่งที ก่อนจะคำรามขู่อย่างไม่ชอบใจ
เมี้ยว!
“ช่วยไม่ได้ เจ้ามันรนหาที่ตายเอง” ชายหนุ่มว่าและตั้งท่าไล่ต้อนนาง
อิ้งเยว่เห็นท่าไม่ดีเลยหมุนตัวกลับ ทว่าใจพะวักพะวนต่อบุรุษหนุ่มผู้มีกลิ่นอายเทพเซียน
“อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ง่ายๆ” เขาร้องห้าม แต่อิ้งเยว่หาฟังไม่ นางกระโดดแผล็วไต่ผนังร้านค้าก่อนขึ้นไปยังหลังคาสูง
“อย่าคิดว่าจะหนีข้าพ้น ถ้าจับตัวได้ละก็ เจ้าถูกถลกหนังและลงไปอยู่ในหมอน้ำซุปร้อนๆ แน่นอน”
เมี้ยว! นางขู่ฝ่ออีกหน ก่อนแสยะเขี้ยวยาวอวด
“โอ้ เก่งอะไรปานนั้น นี่เจ้ายั่วโทสะให้ข้าลงมือโดยเร็วใช่หรือไม่”
อิ้งเยว่รู้สึกเสียเวลา อีกทั้งกลัวคลาดกับเป้าหมาย แต่หนุ่มตัวเหม็นผมยุ่งราวกับรังนกฝีมือดูไม่ต่ำทราม ดังนั้นนางคงต้องร้าย ร้ายเพื่อให้เขาไม่มากวนใจอีก
“แล้วนั่นจะไปไหน หรือว่าเจ้ากำลังจะก่อกรรมชั่วช้า!” หวังเหว่ยตวาดใส่นางแมวป่า
อิ้งเยว่ส่ายหน้าน้อยๆ จากรำคาญใจชักเริ่มหงุดหงิด
“ถ้าให้ดีอย่าแส่เรื่องของข้า” นางประกาศจบจึงกระโจนหลบไปอีกทาง โดยอาศัยหลังคาร้านค้าและกำแพงสูงเป็นทางเดิน แต่หวังเหว่ยยังตามตอแยไม่เลิก เขาเตรียมบ่วงเชือกหวังจับตัวนางแมวให้ได้
“เมี้ยว! เจ้าบังอาจคิดชั่วต่อข้าถึงเพียงนี้ เจ้ามนุษย์หน้าโง่” นางคำรามขู่ก่อนพุ่งเข้าไปในบ้านไม้หลังงาม
นางอาศัยความปราดเปรียวทะยานไปอย่างไม่คิดชีวิต พอเข้าไปถึงด้านในได้ก็เกิดความคิดหนึ่ง หลังจากเห็นผ้าแดงและของไหว้ในงานมงคล!!