ด้านผยองหลังจากออกไปกวนพี่ชายมาแล้วก็มาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ โรงแรมของตน เขาจะชอบมานั่งที่นี่ทุกวัน เพื่อที่จะมาแอบดูเด็กสาวคนหนึ่งมานั่งอ่านหนังสือ บ่อยครั้งที่อยากเดินเข้าไปทักไปทักทาย แต่ก็กลัวว่าสาวน้อยจะกลัวตน
ภายนอกอาจจะดูเป็นเพลย์บอย แต่ลึกๆ ในใจเขานั้นเหงาเหลือเกิน อยากได้แม่หนูน้อยที่กำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายไปยิ้มไปคนนั้นเข้ามาแนบชิดเหลือเกิน
“เฮ้อ! ปีกว่าแล้วนะไอ้เสือที่ได้แต่แอบมองเขาน่ะ ทำไมแกขี้ขลาดแบบนี้วะ”
ทุกอิริยาบถของคนตัวเล็กมันถูกฝังอยู่ตรงอกซ้ายมาตลอดเวลา ไม่ว่าผ่านมานานแค่ไหนก็ไม่อาจลบลืมได้ แม้ผู้หญิงที่ผ่านพบมาก็ไม่มีผลกับการเต้นของหัวใจเขา นอนกจากแม่น้องคนนี้เท่านั้น เฝ้ามองมาเป็นปีแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังไม่รู้ อยากจ้างคนไปตามสืบ ก็กลัวว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องของสาวเจ้ามากเกิดไป หากว่ามีบุญวาสนาต่อกันจริงๆ สักวันคงได้รู้จักกัน
“ไอ้หน้าโง่เอ้ย!”
ได้แต่สบถด่าตัวเองอยู่คนเดียว ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ตั้งแต่ที่เขาได้เห็นเธอจากตรงนี้ ทุกวันเขาก็จะมาเฝ้ารอว่าวันนี้แม่สาวน้อยชุดนักศึกษาจะมาอ่านหนังสือนิยายที่สวนสาธารณะอีกรึเปล่า วันไหนหญิงสาวไม่มาหัวใจเขาก็ห่อเหี่ยวกลับไปทำงานแบบไร้วิญญาณทุกที
อีกมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ เป็นแบบนี้แทบทุกวันก่อนกลับบ้านจะแวะมานั่งอ่านนิยายเล่มโปรดของตน ปีนี้เธอก็เรียนปี 4 แล้ว ใกล้จะเรียนจบและได้ทำงานแล้ว เธอเบื่อเหลือเกินที่อยู่แต่ในกรอบ มีพ่อแม่คอยวางแผนให้ การเกิดเป็นคุณหนูมันไม่ใช่จะดีเลิศอะไรหรอกนะ มันทั้งเหงาและโดดเดี่ยวจนต้องแอบมาอ่านนิยายก่อนกลับบ้านแบบนี้ทุกวัน พอกลับบ้านไปก็ไม่มีใคร พ่อกับแม่ก็เอาแต่ทำงาน จะอยู่กับนมที่เลี้ยงมาแต่เด็กและบอดี้การ์ดอีกสองคน แต่พักหลังๆ มาเธอขอไปไหนมาไหนเองบ้าง จึงพอได้หายใจหายคอที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง
“เฮ้อ! นิยายจ๋า....หอมอยากมีชีวิตแบบนางเอกจัง”
เธอพึมพำคำเดียว ขณะมองไปยังท้องฟ้ากว้างตรงหน้าตนด้วยวามอ้างว้าง
“ขอเกิดเป็นคนจนดีกว่า ถ้าเกิดเป็นลูกคนรวยแล้วเหงาแบบนี้ พ่อกับแม่ก็ให้แค่เงิน แต่ไม่ให้ความอบอุ่นกับหอมเลย”
กลิ่นรัก ขุนพิทักษ์ หรือ หอม วัย 22 ปี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อกับแม่เป็นนักการทูต ทั้งสองจึงไม่มีเวลามาอยู่ดูแลเธอ ท่านทั้งสองเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ จนทำให้ต้องอยู่กับแม่นมอย่างบานเย็น บานเย็นก็เปรียบกับแม่อีกคน เพราะนางเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
“ใกล้ได้เวลากลับบ้านแล้ว เดี๋ยวนมเย็นรอ”
เมื่อมองดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วก็รีบเก็บหนังสือนิยายเข้ากระเป๋า ลุกขึ้นสวมรองเท้าที่ถอดรองนั่งแล้วก็มองดูรอบๆ ว่าลืมอะไรรึเปล่า แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับชายอีกคนที่หลบอยู่อีกมุมข้างพุ่มไม้ใกล้ๆ
“ใครทำอะไรตรงนั้นน่ะ”
เสียงหวานร้องถามอย่างสงสัย
คนถูกถามทำตัวไม่ถูก จะหนีก็หนีไม่ได้ เมื่อตอนนี้คนตัวเล็กกำลังเดินตรงมาทางตัวเอง จึงต้องโผล่ออกไปเผชิญหน้ากับสาวเจ้า
“ทำอะไรคะ ทำไมถึงไปอยู่ในพุ่มไม้”
ถามด้วยความใสซื่อ ใช่เธออ่อนต่อโลกไม่ทันคน วันๆ โลกของกลิ่นวิดีก็มีแต่ห้องเรียน แล้วก็นิยายเพ้อฝันนี่แหละ ส่วนโลกปัจจุบันนั้นตามไม่ทันหรอก
“อะ! เอ่อ!...”
ติดอ่างขึ้นมาทันที เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้พิศมองใบหน้าเล็กใกล้ๆ เช่นนี้
“ทำอะไรคะ”
เสียงหวานยังคงถามคำถามเดิม กลิ่นรักไม่รู้หรอกว่าโลกเป็นจริงนั้นแสนโหดร้ายเพียงไร แต่ก็อย่างว่าแหละ เธอเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบ อยู่แต่ในโลกเพ้อฝัน ไม่ค่อยได้รู้จักผู้ชายและคนทั่วไปเท่าไหร่ แม้แต่เพื่อนที่คณะที่เรียนด้วยกันเธอก็ยังไม่สนิทกับใครเลย เพราะวันๆ เอาแต่อยู่กับหนังสือนิยายพาฝันของตน
“หากระเป๋าเงินน่ะ”
พูดพร้อมกับล้วงเอากระเป๋าสตางค์ของตนมาโชว์เป็นหลักฐาน
สาวเจ้ายิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินมายังคนตรงหน้า เพื่อจะได้มองชายหนุ่มชัดๆ ใช่ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งได้เจอผู้ชายรูปงามแบบเขา เคยแต่จินตนาการ ไม่เคยคิดว่าจะเจอในชีวิตจริงแบบนี้
“โชคดีจังค่ะ ดีใจด้วยนะคะที่หาเจอ”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
ผยองยิ้มกริ่มให้สาวน้อยตรงหน้า ยิ่งมองใกล้ๆ เธอยิ่งน่ารัก น่าทะนุถนอมอยากเดินเคียงข้างสาวเจ้าใจแทบขาด จะเป็นอะไรไหมถ้าจะขอไปส่งเธอที่บ้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ เราคนไทยด้วยกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะเดินจากไปเสียแล้ว เขาจึงไม่รอช้าที่จะปล่อยให้โอกาสทำความรู้จักของตนและเธอต้องเสียเปล่า
“คะ...” หันหน้ามาถามพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยอย่างไร้เดียงสา
“พี่ชื่อเสือนะครับ แล้วน้องชื่ออะไร”
“ชื่อหอมค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเสือ”
หัวใจของกลิ่นรักเต้นแรงผิดจังหวะ เธอรู้สึกได้ แต่ไม่รู้ว่ามันเต้นเพราะตื่นเต้นที่ได้เจอชายหนุ่ม หรือเพราะกลัวกันแน่ แต่ลึกๆ ในใจเธอนั้นบอกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้
“เรียกพี่ดีกว่าครับ อย่าเรียกคุณเลยมันดูยังไงไม่รู้ พี่ขอเรียกน้องหอมนะ ให้เราเป็นเหมือนพี่น้องกันจะดีกว่า”
คนเหลี่ยมจัดยังไงก็ไม่ทิ้งเหลี่ยมตัวเอง เมื่อแม่กวางสาวเดินเข้ามาแล้ว ก็ยากที่จะเดินออกไปจากกรงเสือได้
“ขอบคุณนะคะ พะ...พี่เสือ”
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้ทำความรู้จักกับผู้ชายโดยไม่มีพ่อกับแม่แนะนำ สาวเจ้าเลยประหม่าอายเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยิ้มหวานให้กับมิตรภาพ
หารู้ไม่ว่าคนที่บอกว่าจะเป็นพี่นั้นไม่ได้อยากเป็นพี่เลย แต่อยากเป็นพ่อทูนหัวของสาวน้อยมากกว่า อยากเป็นมากกว่านั้น วันนี้เป็นแค่นี้ วันข้างหน้าใครจะไปรู้ อาจได้เป็นมากกว่านี้ก็เป็นได้ เมื่ออยากได้ต้องการแล้วมีหรือจะไม่ได้ครอบครอง
ผยองรู้ว่าสำหรับกลิ่นรักแล้วไม่มีคำว่าของเล่นฆ่าเวลา เธอจะเป็นตัวจริงและเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น เธอเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขามองไม่เบื่อ มองไม่เคยอิ่ม ไม่ว่าจะอิริยาบถไหนสาวเจ้าก็น่ารักไปเสียทุกอย่าง
“ว่าแต่จะกลับบ้านแล้วเหรอครับ”
ใช่เวลานี้เธอจะกลับบ้านประจำ มีหรือจะไม่รู้ว่าสาวน้อยนั้นจะกลับบ้านเวลาไหน
“ใช่แล้วค่ะ หอมขอตัวกลับก่อนนะคะพี่เสือ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ”
“อะ..เออ!....”
“ทำไมครับ พี่ชายจะไปส่งน้องสาวไม่ได้เหรอ”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นเชิญค่ะ”
เธอเดินนำหน้าชายหนุ่มไปยังทางกลับบ้านของตน บ้านของเธออยู่ใกล้ๆ แถวนี้ เดินไปไม่กี่เมตรก็ถึง
“ว่าแต่น้องหอมจะมาอีกไหมครับพรุ่งนี้ จะเป็นไรไหมถ้าพี่จะขอเบอร์โทรไว้ติดต่อ”
“มาค่ะ หอมมาทุกวัน ชอบมานั่งอ่านนิยายค่อยกลับบ้านค่ะ ได้สิคะ”
ว่าแล้วก็เอาปากกาในกระเป๋าพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กๆ มาเขียนเบอร์โทรของตนให้ชายหนุ่ม
ผยองยิ้มพร่า เมื่อกวางน้อยที่ตนเฝ้ามองมาแรมปีก็เดินเข้ามาหาตนเอง เมื่อเข้ามาแล้วก็ยากที่จะปล่อยไป เขาจะจองจำสาวเจ้าไว้ในอ้อมกอดของตนจนดิ้นไม่หลุดเลยคอยดู