ร่างเล็กพลิกกายไปมาด้วยความเมื่อยล้า ทุกการเคลื่อนไหวของร่างเล็กอยู่ในสายตาคมของเขาตลอดเวลา ยิ่งได้มองใกล้ๆ ในห้องแบบนี้ บนเตียงนุ่มแบบนี้ มันยิ่งทำให้หัวใจหนุ่มร้อนรุ่ม อยากกระโจนจ้วงลึกในกายเล็กนี้เสียจริง แต่ยังหรอก มันไม่สนุก ต้องรอแม่กว้างน้อยตื่นมาเสียก่อน
คนตัวเล็กค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เพื่อไล่สายตาให้ชินกับแสงสว่างที่ส่องกระทบกับกระจกหน้าต่างเข้ามาหาตน เมื่อปรับไล่สายตาได้ชัดเจนแล้ว ก็มองสำรวจไปทั่วๆ ว่าตนอยู่ที่ไหน แห่งหนใดกันแน่ สายตาหวานก็เหลือบไปเห็นคนที่นอนข้างกายยิ้มกริ่มให้ตน แล้วเหตุการณ์เมื่อคืนก็วิ่งเข้ามาในหัว ทุกภาพมันชัดเจน มันชัดจนไม่อาจหลอกตัวเองว่าเป็นฝันร้ายได้
“กะ.....”
“จุ๊ๆ เมียจ๋า....”
ชายหนุ่มเอามือปิดปากอิ่มไว้ ก่อนสาวเจ้าจะร้องกรี๊ดให้ตนปวดหัวในยามเช้าแสนสุขแบบนี้
“สวัสดีจ้ะทูนหัว”
เอ่ยเสียงพร่า สายตาจ้องมองร่างเล็กอย่างจาบจ้วง ตอนนี้ราชสีห์รู้แต่ว่าต้องการ ต้องการคนตัวเล็กนี้เหลือเกิน เพราะเมื่อคืนเขายังกินไม่อิ่ม สำหรับเจ้าสาวกินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ความรู้สึกลึกๆ ของเขาบอกมาแบบนั้น
“ไอ้เลว! ฉันจะไปแจ้งความ”
เมื่อนึกได้ว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่จะมาไร้เดียงสา ไม่ยอมให้เรื่องนี้เลยผ่านไปแน่แท้
เจ้าสาวดึงผ้าห่มกระชับกายไว้แน่น แล้วเหลือบตามองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง แล้วความสงสัยก็เกิดขึ้น ทำไมถึงมาอยู่ในห้องพักของตัวเองได้เล่า อย่าบอกนะว่าไอ้โจรโฉดคนนี้พาเธอมา
“เอาสิทูนหัวของผัว อย่าลืมพาพ่อกับแม่มาด้วยล่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างท้าทาย คนอย่างเขานี้เหรอจะเกรงกลัวกับเรื่องพวกนี้ จริงๆ ก็กลัวอยู่หรอก แต่สำหรับแม่ตัวเล็กปากดีคนนี้จะกลัวทำไม แจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะยังไงเสียงานแต่งงานของเขาและเธอก็ต้องมีอยู่แล้ว
“กะ....แก!....”
“เอ้า! แกอะไรล่ะจ๊ะ พูดมาสิพี่รอฟังอยู่”
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ก็ยิ่งชอบใจ สนุกและสุขในเวลาเดียวกันที่ได้หยอกคนตัวเล็ก นานแล้วที่ไม่ได้เล่นสนุกแบบนี้
เจ้าสาวกลืนคำด่าลงคอไป เมื่อเห็นใบหน้าทะเล้นของชายหนุ่มยื่นเข้ามาใกล้หน้าตน เธอบอกไม่ได้หรอกว่าในคำว่าเกลียดนั้นมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจ หัวใจที่สั่นไหวระรัวเร็วแรงถี่ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเป็นความเกลียดหรือความชอบพอกันแน่
เรื่องนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ แล้วทำไมต้องมาร้องไห้ให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เธอไม่ใช่เด็กน้อยอ่อนหัดที่ต้องมาเสียใจกับครั้งแรกที่สูญเสียไปให้กับคนเถื่อนๆ แบบนี้ ยังไงก็ต้องเอาคนผิดมารับโทษให้ได้ สังคมสมัยนี้เขาไม่แคร์กันแล้วเรื่องพรรค์นั้น
“ได้อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ ไอ้โจรชั่ว ถ้าแกไม่ได้นอนกินข้าวแดงในคุกอย่ามาเรียกฉันว่าเจ้าสาว”
เจ้าสาวตอบกลับใส่หน้าทะเล้นตรงหน้าไปอย่างไม่ไยดี เมื่อคิดว่าอะไรก็เสียไปแล้ว จึงหอบผ้าห่มที่ห่อหุ้มตัวเองไว้แน่น แล้วพยายามหนีออกจากเตียงกว้าง เพื่อจะได้ไปทำตามที่ตัวเองได้พูดไว้
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนทูนหัวของผัว”
ดึงรั้งร่างเล็กที่พยายามจะหนีตนเข้ามาปะทะแผงอกแข็งแรง
“อร้ายยยย...ปล่อยฉันนะไอ้เลว! ”
ด่าทอออกมาแต่ละคำช่างไพเราะเพราะพริ้งจริงๆ แต่มีหรือคนอย่างราชสีห์จะสนใจ
เจ้าสาวได้แต่ดิ้นหนีให้เป็นอิสระ แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นกว่าเดิม จนเจ้าตัวต้องยอมอยู่นิ่งๆ ให้เขากอดรัด
“ไหนๆ ก็จะไปแจ้งความแล้ว ถ้าผัวติดคุกไปทูนหัวจะทำยังไงฮึ”
ไม่สนใจคำด่าทอของสาวเจ้า สนใจแต่เจ้าตัวร้ายของเขาตอนนี้ที่มันตื่นตัวเต็มที่พร้อมแล้วที่จะสอดลึกเข้าไปในร่างเล็กนี้
“ก็สะใจน่ะสิ”
เชิดหน้าตอบอย่างท้าทาย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นเป็นลูกไก่ในกำมือราชสีห์ร้ายเสียแล้ว
“อะไรจะสะใจขนาดนั้น เอาเถอะ พูดไปก็เท่านั้น ไม่สู้ทำซ้ำทับรอยเดิมให้เจ็บและจำ ฝันถึงผัวทุกคืนดีกว่า ไหนๆ ก็จะติดคุกแล้วคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าจะทำทานให้คนขี้คุกอย่างผัว”
ใช่แต่เธอจะพูดได้เสียที่ไหน ตัวราชสีห์เองก็ปากคอเราะร้ายไม่แพ้กัน คนอย่างเจ้าสาวมันต้องเจอคนอย่างเขา เชื่อแล้วทำไมพ่อกับแม่ของเขาและเธอถึงจับให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน ที่แท้ก็มวยถูกคู่นี่เอง
ดูสิ ถ้าแม่น้องน้อยในอ้อมกอดนี้ไปแจ้งความ แล้วรู้ความจริงเข้าจะทำหน้าตายังไง อยากรู้เหมือนกัน จะช็อกหมดสติไปกับเรื่องจริง หรืออยากเอาปืนจากตำรวจมายิงเขาให้ตายคาที่เลยนะ แค่คิดก็สนุกแล้วสิ
“ปล่อยฉันนะ”
เจ้าสาวสั่งเสียงเข้ม แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะเป็นแค่เพียงอากาศธาตุ เมื่อชายหนุ่มนั้นยังคงวนเวียนกับการกอบกุมทรวงอวบหยุ่นของเธออยู่
“อือ! ”
เสียงครวญเล็กดังเล็ดลอดออกมาจากปากอิ่มสีหวาน เพียงแค่มือใหญ่สัมผัสเม็ดบัวสีชมพูของเธอเท่านั้น
ตอนนี้ผ้าห่มที่ว่าห่อแน่นหนาก็ยังพ่ายแพ้ต่อมือใหญ่ของราชสีห์ ตอนนี้หลุดลอยปลิวไปอยู่ใต้เตียงเสียแล้ว